
พล.อ.อ. สถิตย์พงษ์ สุขวิมล ประธานพิธีบวงสรวงการแสดงโขนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ เรื่อง รามเกียรติ์ ตอน “สัตยาพาลี” น้อมสำนึกพระมหากรุณาธิคุณ”สมเด็จพระพันปีหลวง”
วันที่ 28 ต.ค.2568 เวลา 09.00 น. ที่ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย พลอากาศเอก สถิตย์พงษ์ สุขวิมล ราชเลขานุการในพระองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รองประธานกรรมการและเลขาธิการ มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เป็นประธานในพิธีบวงสรวงการแสดงโขนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ เรื่อง รามเกียรติ์ ตอน “สัตยาพาลี” ซึ่งจัดขึ้นเพื่อน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่ทรงส่งเสริมและสนับสนุนการแสดงโขน เพื่อสืบทอด ธำรงนาฏศิลป์อันทรงคุณค่าของชาติให้คงอยู่คู่สังคมไทยสืบไป โดยมี พระมหาราชครูพิธีศรีวิสุทธิคุณ เป็นผู้ประกอบพิธี พร้อมด้วยคณะกรรมการ ผู้กำกับการแสดง ครูผู้เชี่ยวชาญ อาจารย์ผู้ฝึกซ้อม ศิลปิน นักแสดงโขน รวมถึงผู้ปฏิบัติงานทุกภาคส่วน เข้าร่วมพิธีบวงสรวง ซึ่งมีกำหนดจัดการแสดงขึ้นระหว่างวันที่ 6พฤศจิกายน – 8 ธันวาคม 2568 ณ หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย

อาจารย์ประเมษฐ์ บุณยะชัย ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (นาฏศิลป์-โขน) กล่าวถึงพระมหากรุณาธิคุณที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงมีต่อการแสดงโขน ว่า พระองค์ทรงตั้งมั่นพระราชหฤทัยอยากให้คนไทยทุกคนได้ชื่นชมความวิจิตรงดงามของโขนไทย อันเป็นนาฏยกรรมชั้นสูงที่มีความวิจิตรงดงามเหนือธรรมชาติ จนเป็นที่ประจักษ์แก่สายตาชาวไทยและชาวโลก คราวที่พระองค์ท่านเสด็จฯ มาทอดพระเนตรการแสดงโขน เวลาที่นักแสดงและทีมงานเข้ารับพระราชทานช่อดอกไม้จากพระหัตถ์ พระองค์จะมีรับสั่งว่า ขอบคุณมาก“อยู่เสมอ ซึ่งพระสุรเสียงนั้นยังก้องอยู่ในหัวใจผมอยูุ่ถึงทุกวันนี้ อีกสิ่งหนึ่งที่คนทำโขนของมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ ยังคงจดจำพระราชเสาวนีย์ของสมเด็จพระพันปีหลวงที่ว่า ”ขาดทุนของฉัน คือกำไรของแผ่นดิน“ ได้ขึ้นใจ เพราะการทำโขนมีแต่ขาดทุนอย่างเดียว แต่ขณะเดียวกันโขนก็ได้กลายมาเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของประเทศไทยที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก อีกทั้งยังเป็นการหลอมรวมภูมิปัญญาทั้งศาสตร์และศิลป์มาไว้ด้วยกันอย่างงดงาม ก่อให้เกิดช่างฝีมือรุ่นใหม่ขึ้นเป็นจำนวนมาก ดังจะเห็นได้จากในแต่ละปีจะมีเยาวชนรุ่นใหม่ที่สมัครเข้าร่วมฝึกฝนการแสดงโขนมากขึ้นทุกปี

นางนฤมล ล้อมทอง กรรมการมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ กล่าวว่า ทันทีที่คณะกรรมการได้ทราบข่าวการสวรรคตของ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทุกคนก็ได้ประชุมวางแผนว่าการแสดงควรจะดำเนินต่อไปหรือพักไว้ก่อน หากแต่ด้วยพระมหากรุณาธิคุณแห่งองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงรับสั่งว่าให้การแสดงโขนดำเนินการต่อไปตามกำหนดการเดิมนั้น เพราะการแสดงโขนเป็นการสนองพระราชสาวนีย์ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง อันเป็นการอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรม และเป็นการร่วมกันน้อมเกล้าฯถวายอาลัย พระผู้ทรงรื้อฟื้นนาฏยกรรมชั้นสูงนี้ไว้ให้คงอยู่สืบไป พร้อมรับสั่งว่าจะเสด็จพระราชดำเนินมาทอดพระเนตรการแสดงด้วยพระองค์เอง เปรียบดั่งน้ำทิพย์ปลอบประโลมหัวใจของคณะกรรมการ และทีมงานนักแสดงทุกคน ให้มีขวัญและกำลังใจในยามที่ต้องเผชิญกับความสูญเสียครั้งใหญ่หลวงของประเทศไทย

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงอุปถัมภ์ศิลปวัฒนธรรมไทยทุกแขนง เมื่อปีพุทธศักราช 2546 สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระปริวิตกว่าในอนาคต ศิลปะการแสดงจะซบเซาลงด้วยขาดผู้ผลิตและผู้ชม จึงนำความกราบบังคมทูล สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง มีพระราชเสาวนีย์ว่า “ไม่มีใครดูแม่จะดูเอง” นำไปสู่การจัดแสดงโขนหน้าพระที่นั่งตามภูมิภาคต่างๆ ด้วยพระมหากรุณาธิคุณ ทรงอุปถัมภ์และพระราชทานทุนทรัพย์สนับสนุนการศึกษาพัฒนาเครื่องแต่งกายและการแต่งหน้าโขน ให้เหมาะสมกับแบบแผนโบราณให้เหมาะสมกับแบบแผนโบราณ ทรงส่งเสริมและสนับสนุนการแสดงโขนอย่างเอาพระราชหฤทัยใส่ทุกมิติ มีพระราชเสาวนีย์ให้รวบรวมครูผู้เชี่ยวชาญและศิลปินหลายท่านศึกษาค้นคว้าศาสตร์และศิลป์ที่เป็นภูมิปัญญาของการจัดแสดงโขน ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ ฟื้นฟูจัดสร้างเครื่องแต่งกาย ศิราภรณ์ หัวโขน และเครื่องประดับทุกชนิดของโขนขึ้นมาใหม่อย่างสวยงาม ปรับปรุงวิธีการแต่งหน้าโขน โดยให้ศึกษาวิธีการแต่งหน้าโขนที่เปิดหน้าให้สวยงามเหมาะสมกับการแสดงบนเวทีสมัยใหม่ ส่งเสริมนักเรียนและนักศึกษาผู้ใฝ่ใจในการแสดงโขนให้มีความรู้ความสามารถยิ่งขึ้น พระราชเสาวนีย์นี้จึงก่อให้เกิดช่างฝีมือรุ่นใหม่ขึ้นเป็นจำนวนมาก ทั้งช่างทำหัวโขน ช่างทอผ้า ช่างปักสะดึงกรึงไหม ช่างเงิน ช่างทอง ช่างแกะสลัก ช่างเขียน และช่างแต่งหน้าโขน ผู้มีความเข้าใจในศิลปะและจารีตนิยมของโขนอย่างถ่องแท้และส่งเสริมให้ครูผู้เชี่ยวชาญโขน ฝึกฝนเยาวชนรุ่นใหม่ขึ้นมา เพื่อสืบทอดการแสดงโขนต่อไป

ด้วยพระราชปณิธานที่จะทรงฟื้นฟู ส่งเสริม และอนุรักษ์การแสดงโขน ซึ่งเป็นศิลปะการแสดงชั้นสูงของไทยเพื่อธำรงรักษามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของชาติให้คงอยู่สืบไป ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ดำเนินการจัดการแสดงขึ้นโดยเริ่มต้นครั้งแรกด้วยชุด “ศึกอินทรชิต ตอนพรหมาศ” ในปี 2550 ณ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นการแสดงที่สร้างความผูกพันอันใกล้ชิดขึ้นในครอบครัวไทย ลูกหลานได้พาปู่ย่าตายายไปชมโขนอย่างเนืองแน่น นับเป็นการแสดงที่ได้รับการสนับสนุนและกระแสตอบรับเป็นอย่างดีมีผู้เข้าชมเต็มทุกที่นั่ง จนเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางในนาม “โขนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ”

ด้วยการจัดการแสดงในครั้งแรกได้รับความชื่นชมจากประชาชนเป็นอย่างมาก สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง มีพระราชเสาวนีย์ให้จัดการแสดงโขนต่อเนื่องทุกปี ตั้งแต่ปี 2550เป็นต้นมา อาทิ ตอนนางลอย ตอนศึกมัยราพณ์ ตอนจองถนน ตอนโมกขศักดิ์ ตอนนาคบาศ ตอนพิเภกสวามิภักดิ์ตอนสืบมรรคา ตอนสะกดทัพ ตอนกุมภกรรณทดน้ำ และตอนพระจักราวตาร นับเป็นความโชคดีของคนไทยและประเทศไทย ในปี 2562 “โขนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ” ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ในการสืบสาน รักษา และต่อยอด ทรงส่งเสริมและสนับสนุนการแสดงโขนอย่างเอาพระทัยใส่ทุกมิติ เพื่อสืบทอดมรดกทางศิลปวัฒนธรรมของชาติให้มีผู้สืบทอดต่อไป

สำหรับการแสดงโขนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ ตอน “สัตยาพาลี” จับตอนตั้งแต่ทศกัณฐ์แปลงกายเป็นปูยักษ์หมายทำลายพิธีโสกันต์องคตกุมาร แต่พาลีผู้ได้พรจากพระอิศวรปราบได้ ต่อมาเกิดเหตุการณ์ทรพีบุตรทรพาโอหังไม่กตัญญูจนถูกพาลีฆ่าตายในถ้ำ และทำให้พาลีกับสุครีพ น้องชายเข้าใจผิดแตกกัน สุครีพจึงไปพึ่งพระรามและร่วมต่อสู้จนพาลีต้องยอมมรณภาพโดยฝากฝังบ้านเมืองไว้กับพระราม เรื่องราวดำเนินต่อด้วยทศกัณฐ์ให้นางมณโฑหุงน้ำทิพย์ชุบชีวิตพลยักษ์ แต่พระรามส่งหนุมานและเหล่าวานรไปทำลายพิธีได้สำเร็จ ก่อนที่กองทัพอธรรมจะพ่ายแพ้และทศกัณฐ์ต้องถอยทัพ เป็นการแสดงโขนที่สร้างความประทับใจ ความสนุกสนาน เพลิดเพลิน ความบันเทิงให้กับผู้ชม ครบทุกอรรถรส ได้ข้อคิดเรื่องของการรักษาสัจจะ รวมทั้งด้านคุณธรรม ความกตัญญู ความซื่อสัตย์ รู้รักสามัคคี รู้จักหน้าที่ ถ่ายทอดการแสดงโดยนักแสดงเยาวชนรุ่นใหม่ มากฝีมือ ซึ่งเป็นผู้ที่ผ่านการคัดเลือกและฝึกซ้อมจากครูผู้เชี่ยวชาญด้านนาฏศิลป์ คีตศิลป์ หลากหลายแขนง รวมทั้งแสง สี เสียง เทคนิคพิเศษต่างๆ ที่หาชมได้ยาก พร้อมชมความวิจิตรงดงามของเครื่องแต่งกายที่จัดสร้างด้วยความประณีต กำหนดจัดแสดงขึ้นใน วันที่ 6 พฤศจิกายน –8 ธันวาคม 2568 ณ หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศ บัตรราคา 2,000 บาท, 1,800 บาท, 1,000 บาท, 800 บาทและ 600 บาท (รอบนักเรียน ราคา 200 บาท) จำหน่ายบัตรแล้ววันนี้ที่ไทยทิคเก็ตเมเจอร์ โทร. 0-2262-3456www.thaiticketmajor.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ชวนทำบุญ อิ่มใจ ร้านกาชาด กฟผ. จัดเต็มสอยดาวฉลากเบอร์ 5 ชมนิทรรศการแสงแห่งพระเมตตา สถิตย์ในใจประชานิจนิรันดร์ รำลึก’พระพันปีหลวง’
เริ่มแล้วงานกาชาดประจำปี 2568 จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “ร้อยดวงใจปวงประชา น้อมสำนึกพระเมตตา องค์สภานายิกาสภากาชาดไทย”
ศิลปินแห่งชาติ แต่งเพลงถวาย พระพันปีหลวง
พระราชวงศ์ทรงบำเพ็ญพระราชกุศล พร้อมด้วยองคมนตรี ถวายพระพันปีหลวง
'ศิลปินแห่งชาติ' สำนึกพระเมตตา 'พระพันปีหลวง แต่งเพลงถวายอาลัยแทนใจปวงชน
'ศิลปินแห่งชาติ' เข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพ 'พระพันปีหลวง' วิรัช อยู่ถาวร สำนึกพระเมตตา แต่งเพลงถวายความอาลัยแทนใจปวงชน ชาวชนแดนสุดซึ้งใจเสด็จฯ แผ่นดินเพชรบูรณ์ เยี่ยมราษฎรทั่วถึง
‘ราชสกุล’ร่วม ‘พระพิธีธรรม’ พระพันปีหลวง
ม.จ.ฑิฆัมพร ยุคล ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวาย "พระพันปีหลวง" ประชาชนตั้งใจเข้าสักการะพระบรมศพหน้าพระโกศ
‘ในหลวง-ราชินี’ ‘ปัญญาสมวาร’
"ในหลวง-พระราชินี" ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลปัญญาสมวาร (50 วัน) “สมเด็จพระพันปีหลวง” ขณะที่พสกนิกรจากทุกสารทิศต่างพร้อมใจกันแต่งกายด้วยชุดสุภาพสีดำไว้ทุกข์
‘ในหลวง-พระราชินี’ เสด็จฯปัญญาสมวาร
ในหลวง-พระราชินี พระบรมวงศานุวงศ์ ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลปัญญาสมวารถวายพระบรมศพ “พระพันปีหลวง”

