'รอยยิ้มของแผ่นดิน'  ตามรอยเส้นทางพระราชดำริ'พระพันปีหลวง'

สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง และพระบาทสมเด็จพระเจ้ายู่หัว เมื่อครั้งเสด็จพระราชดำเนินเสด็จฯ โครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่ดอยฟ้าห่มปก (ที่มา: อุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปกฯ) 

ความงดงามของธรรมชาติ ศิลปวัฒนธรรม และแหล่งท่องเที่ยวมากมายในประเทศไทย  มีหลายแห่งที่สะท้อนร่องรอยแห่งพระราชกรณียกิจของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง พระผู้ทรงอุทิศพระวรกายในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ  ส่งเสริมภูมิปัญญาท้องถิ่น และยกระดับคุณภาพชีวิตของพสกนิกร ผ่านโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริที่ไม่เพียงสร้างรายได้ให้ชุมชน แต่ยังเป็นแหล่งเรียนรู้ด้านการอนุรักษ์และการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน

จุดกางเต้นท์ขมวิวดอยผ้าห่มปก(ที่มา: อุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปกฯ)

เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ สัปดาห์นี้จึงขอแนะนำเส้นทางท่องเที่ยวตามรอยพระราชดำริ ในโครงการ “รอยยิ้มของแผ่นดิน” (Smile of the Land : Great Smile Grand Moment) จัดทำโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เพื่อเทิดพระเกียรติและเผยแพร่พระราชปณิธานของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ในการอนุรักษ์ธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และการส่งเสริมชุมชน ให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวได้ร่วมซาบซึ้งในพระเมตตา และภาคภูมิใจในมรดกแห่งรอยยิ้มอันงดงาม ที่เปล่งประกายจากผืนป่า ภูเขา และหัวใจของผู้คนใต้ร่มพระบารมี

หลายคนคงทราบแล้วว่า “รอยยิ้มแห่งแผ่นดิน”หมายถึงการที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราชบรมนาถบพิตร ทรงมีพระราชดำรัสตอบผู้สื่อข่าวต่างประเทศที่ถามว่า ทำไมพระองค์ทรงไม่ค่อยยิ้ม ทรงตอบและทรงผายพระหัตถ์ไปทางสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และตรัสด้วยพระสุรเสียงอ่อนโยนว่า She is my smile นั่นคือ รอยยิ้มของฉัน

ศูนย์ตุ๊กตาชาววังบ้านบางเสด็จ (ที่มา:สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดอ่างทอง)


” โครงการนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากเหตุการณ์ครั้งนั้น ถ้อยคำอันทรงคุณค่านี้สะท้อนถึงพระเมตตาและความผูกพันอันลึกซึ้งระหว่างทั้งสองพระองค์ เมื่อเสด็จพระราชดำเนินไปยังสถานที่ใด จะทรงเปี่ยมด้วยรอยยิ้ม พระพักตร์สดใส คลายทุกข์บำรุงสุขแก่ราษฎร ดุจดั่งรอยยิ้มของแผ่นดิน ที่เป็นสัญลักษณ์แห่งความสุข ความเมตตา และพระปรีชาญาณ โดยทรงริเริ่มโครงการศูนย์ศิลปาชีพ โครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่ และโครงการตามพระราชดำริต่าง ๆ ที่ช่วยสร้างงานสร้างอาชีพ ส่งเสริมอาชีพเสริมหรืองานฝีมือในครัวเรือน ให้กลายเป็นสินค้ามูลค่าสูงและเป็นรายได้หลักของครอบครัวอย่างยั่งยืน”นายนิธิ สีแพร รองผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยกล่าว

โครงการ’รอยยิ้มของแผ่นดิน’  ตามรอยเส้นทางพระราชดำริพระพันปีหลวง ได้คัดสรร เส้นทางท่องเที่ยวหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น เส้นทางผ้าไทย  และ เส้นทางศิลปาชีพ ที่ถ่ายทอดเรื่องราวของพระเมตตาอันยิ่งใหญ่ของสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง

พิพิธภัณฑ์ศาลาไหมไทย (ที่มา:ประชาสัมพันธ์ วิทยาลัยการอาชีพขอนแก่น อำเภอชนบท จังหวัดขอนแก่น)

เบื้องต้น เส้นทางตามรอยพระราชดำริที่ทุกคนสามารถเยือนได้มีทั้งหมด 7 แห่ง โดยเริ่มจาก เส้นทางผ้าไหมและงานหัตถกรรม ที่ไม่ควรพลาดคือการไปเยือน ถิ่นราชินีแห่งไหม ณ กลุ่มทอผ้าไหมแพรวาบ้านโพน ที่วัดป่ารังสีปาลิวัน ต.โพน อ.คำม่วง จ.กาฬสินธุ์ หนึ่งในเส้นทางเสด็จพระราชดำเนินของ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เมื่อปี พ.ศ. 2520

พระองค์ทรงมีพระราชดำริให้ชาวบ้านโพนฟื้นฟูและพัฒนาการทอผ้าแพรวา จนกลายเป็นผ้าไหมที่ได้รับการขนานนามว่า ราชินีแห่งไหม ผืนผ้าแห่งแผ่นดินที่มีลวดลายไม่ซ้ำกัน เป็นเอกลักษณ์เฉพาะผืนจากฝีมือของชาวผู้ไทยบ้านโพน  ปัจจุบัน กลุ่มทอผ้าไหมแพรวาบ้านโพนยังคงสืบสานภูมิปัญญานี้ไว้อย่างงดงาม โดยมี คุณแม่คำสอน สระทอง ศิลปินแห่งชาติสาขาทัศนศิลป์ (ประณีตศิลป์–ทอผ้า) ปี 2559 เป็นผู้นำในการถ่ายทอดองค์ความรู้สู่คนรุ่นใหม่ ทำให้ผ้าแพรวา เป็นมรดกแห่งศิลปหัตถกรรมไทย สามารถเข้าเยี่ยมชมทุกวัน เวลา 08.30-17.00 น.

กลุ่มทอผ้าไหมแพรวาน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ สมเด็จพระบรมราชชนีพันปีหลวง (ที่มา:สหกรณ์ศูนย์ศิลปาชีพทอผ้าไหมแพรวา บ้านโพน กาฬสินธุ์ จำกัด)

พิพิธภัณฑ์ศาลาไหมไทย จ.ขอนแก่น ตั้งอยู่ภายในวิทยาลัยการอาชีพขอนแก่น จัดสร้างขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 5 รอบ (12 สิงหาคม 2535) เป็นศูนย์สืบสานพระราชปณิธานด้านงานศิลปาชีพ ผ้าไหม และผลิตภัณฑ์ไหมของภาคอีสาน ตลอดจนอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมและประเพณีพื้นถิ่นภายในจัดแสดงกระบวนการผลิตผ้าไหมตั้งแต่มัดย้อมจนถึงการทอ พร้อมอุปกรณ์เครื่องมือและผ้าไหมมัดหมี่โบราณลวดลายงดงาม รวมถึงผ้าไหมมัดหมี่ที่ขึ้นชื่อว่า แพงที่สุดในโลก

ชาวบ้านยังคงสืบสานกระบวนการทอไหมแพรวา (ที่มา:สหกรณ์ศูนย์ศิลปาชีพทอผ้าไหมแพรวา บ้านโพน กาฬสินธุ์ จำกัด)

 พิพิธภัณฑ์ยังมีนิทรรศการถาวรส่วนจัดแสดงใหม่ ถ่ายทอดเรื่องราวและคุณค่าของผ้าไหมมัดหมี่ใน 4 ห้องหลัก ได้แก่ ห้องบรมกษัตริยาราชภูษิตราพระพันวษาราชนิยม ห้องราชพัตราภรณ์ชลบทนิกรบวรหัตถศิลป์ ห้องสมณภูษาพุทธศาสนาโลกนาถ และห้องโถงประวัติศาสตร์เมืองขอนแก่นและเมืองชนบท (โฮงมั่งมูลมรดกเมืองชลบทวิบูลย์) เปิดให้บริการจันทร์-อาทิตย์ เวลา 08.30-16.30 น. หยุดวันหยุดนักขัตฤกษ์

สวนพฤกษาศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์

พิพิธภัณฑ์ผ้าในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชะนีนาถ กรุงเทพฯ โดยสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง มีพระราชดำริให้จัดตั้งพิพิธภัณฑ์ผ้าฯ ขึ้นเพื่อเป็นแหล่งศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับผ้าไทย และประวัติศาสตร์เครื่องแต่งกายของคนไทย พิพิธภัณฑ์ผ้าฯ จึงเป็นสถานที่รวบรวมจัดเก็บรักษาผ้าไทย และเอกสารที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนจัดแสดงงานหัตถศิลป์จากผ้าอันทรงคุณค่าของราชสำนักและผ้าพื้นเมืองต่างๆ เพื่อสืบสานพระราชปณิธานในการอนุรักษ์การทอผ้าของไทย ให้คงอยู่เป็นสมบัติทางวัฒนธรรมของชาติสืบไป

พิพิธภัณฑ์ผ้าในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชะนีนาถ

ปัจจุบันมีการจัดนิทรรศการ 4 ห้อง ประกอบด้วย ห้องที่1  ชุดไทย : จากราชสำนักสู่ราชนิยม จัดแสดงฉลองพระองค์ชุดไทยพระราชนิยมทั้ง 8 แบบ, ห้องที่ 2 นิทรรศการสิริราชพัสตราบรมราชินีนาถ , ห้องที่ 3 นิทรรศการราชภูษิตาภรณ์สยาม และห้องที่ 4 นิทรรศการมองสยามตามสมัย เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 9.00 – 16.30 น. (ปิดจำหน่ายบัตรเข้าชมเวลา 15.30 น.) วันเสาร์ ปิดให้บริการ 16.00 น.

ศูนย์ตุ๊กตาชาววังบ้านบางเสด็จ จ.อ่างทอง ที่นี่เป็นโครงการตุ๊กตาชาววังบ้านบางเสด็จ เป็นโครงการที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงมีพระราชดำริให้จัดตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2519 เพื่อเป็นอาชีพเสริมให้กับราษฎรให้มีรายได้ ปัจจุบันได้มีการรวมกลุ่มในรูปแบบของสหกรณ์ โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่ศูนย์ปั้นตุ๊กตาชาววังบ้านบางเสด็จ มีการจัดจำหน่าย และยังเป็นงานศิลปหัตถกรรมที่ส่งออกไปขายต่างประเทศ เปิดทุกวัน เวลา 09.30-15.00 น.

ทุ่งดอกไม้ป่า อุทยานแห่งชาติผาแต้ม

มาต่อกันที่เส้นทางธรรมชาติ อย่าง ทุ่งดอกไม้ป่า อุทยานแห่งชาติผาแต้ม จ.อุบลราชธานี  ในบริเวณน้ำตกสร้อยสวรรค์ เป็นจุดท่องเที่ยวที่สร้างความประทับใจในธรรมชาติของพันธ์ดอกไม้ป่าพันธุ์ต่าง และเป็นดอกไม้ป่าที่สมเด็จฯพระนาเจ้าพระบรมราชินีนาถพระราชทานนาม ดอกไม้ป่าไว้ 5 ชนิด ได้แก่ ดุสิตา สร้อยสุสวรรณา ทิพเกสร มณีเทวา สรัสจันทร พันธุ์ดอกไม้ป่านี้จะเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ในช่วงปลายฝนต้นหนาว ดอกไม้ป่าจะบานเต็มที่ ช่วงปลายเดือน พฤศจิกายน ถึงปลายเดือน ธันวาคม ของทุกปี เปิดให้เข้าชม 08.00-16.30 น. ทุกวัน

สวนพฤกษาศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ จ.เชียงใหม่  สำหรับสวนพฤกษศาสตร์ ได้รับพระราชทานนามจากสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงสวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ เป็นสวนพฤกษศาสตร์ที่มีความสมบูรณ์และได้มาตรฐานระดับนานาชาติแห่งแรกของประเทศไทย ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2535 เพื่อเป็นแหล่งรวบรวม อนุรักษ์ และศึกษาวิจัยพันธุ์ไม้ โดยเฉพาะพืชประจำถิ่นและพันธุ์ไม้ใกล้สูญพันธุ์ พร้อมเพาะเลี้ยงและดูแลเพื่อเป็นฐานทรัพยากรทางพฤกษศาสตร์สำหรับอนาคต

สวนฯ แบ่งพื้นที่ออกเป็น 2 โซนหลัก ได้แก่ โซนป่าธรรมชาติ และ โซนจัดแสดง ซึ่งมีสวนรุกขชาติแบ่งตามกลุ่มพันธุ์ไม้กว่า 17 วงศ์ รวมถึงเรือนกระจก 12 หลัง จำลองสภาพแวดล้อมของพืชจากหลายภูมิภาค เช่น โรงเรือนป่าดิบชื้นจากภาคใต้ กลุ่มพืชขิงข่า ปาล์ม เฟิร์น และกลุ่มกระบองเพชรหรือพืชทนแล้ง และยังมี พรรณไม้พระราชทานนาม พรรณไม้ในพระนาม และพรรณไม้ทรงโปรด นอกจากนี้ ยังมีการต่อยอดงานวิจัยจากพันธุ์ไม้ภายในสวน เช่น พืชมหาหงส์ ที่พัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์สมุนไพรบำรุงผิวและสเปรย์แอลกอฮอล์ สะท้อนแนวคิดการอนุรักษ์ที่เชื่อมโยงกับนวัตกรรมและการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน สวนเปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 08.30–17.00 น.

บัวควีนสิริกิติ์ ชมได้ที่สวนพฤกษาศาสตร์ฯ 

โครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่ตามพระราชดำริดอยฟ้าห่มปก จ.เชียงใหม่  โครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่ฯ เป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริของ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของชาวเขา 4 เผ่า ได้แก่ มูเซอ กระเหรี่ยง อาข่า และลีซอ ที่อาศัยและทำกินอยู่ในพื้นที่อย่างสมดุลกับธรรมชาติ นักท่องเที่ยวสามารถสัมผัสวิถีชีวิต ประเพณี และวัฒนธรรมของแต่ละชนเผ่า ชมแปลงเกษตรไม้ผล ไม้ดอก พืชผักเมืองหนาว และนาข้าวขั้นบันได พร้อมเลือกซื้อของที่ระลึกจากภูมิปัญญาท้องถิ่น เช่น เครื่องเงิน เครื่องจักสาน ผ้าทอ และงานแกะสลักไม้ อีกทั้งยังมีกิจกรรมพักแรมกางเต็นท์บนลานชมวิวสูงกว่า 1,600 เมตรจากระดับน้ำทะเล หรือจะพักแบบโฮมสเตย์ในบ้านชาวเขาก็ได้เช่นกัน

แหล่งท่องเที่ยวทุกแห่ง สะท้อนให้เห็นการอยู่ร่วมกับธรรมชาติ และการพัฒนาชีวิตด้วยความยั่งยืน ใครที่อยากสัมผัสเส้นทางเที่ยวตามรอยพระราชดำริ จะไม่เพียงแค่ได้พบกับความสวยงาม แต่ยังได้เก็บเกี่ยวความประทับใจของพระเมตตาในสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวงอีกด้วย

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ครูช่างทอผ้าถวายงาน 'พระพันปีหลวง' เข้ากราบพระบรมศพฯ สำนึกพระเมตตา

ไม่ลืมพระราชดำรัส! ครูช่างทอผ้าถวายงาน”พระพันปีหลวง” เข้ากราบพระบรมศพ สำนึกพระเมตตาให้ความรู้ ช่วยต่อชีวิตชาวบ้าน มุ่งสานพระราชปณิธานฟื้นฟูผ้าไทย ยอดถวายอาลัยมากกว่าสองแสนคน

กรมสมเด็จพระเทพฯ ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวาย 'พระพันปีหลวง'  

กรมสมเด็จพระเทพฯ ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวาย ‘พระพันปีหลวง’   คิปโชเก้ตำนานนักวิ่งมาราธอนหนึ่งเดียวของโลกเข้าสักการะพระบรมศพ  พสกนิกรทั่วสารทิศสำนึกพระมหากรุณาธิคุณ