
ย้อนกลับไปในอดีต เมื่อประชาชนในภาคตะวันออกต้องเดินทางไกลเข้าสู่กรุงเทพฯ เพื่อเข้ารับการรักษา แลกกับเวลา ค่าใช้จ่าย และความเสี่ยงระหว่างรอคอยการดูแล ความท้าทายนี้เป็นแรงผลักดันให้เกิดการก่อตั้ง “สถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์” ในปี พ.ศ. 2560 ตามพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 สถาบันแห่งนี้จึงเปรียบเสมือน ที่พึ่งด้านสาธารณสุขของประชาชนภาคตะวันออก และยังเป็นพื้นที่บ่มเพาะเมล็ดพันธุ์รามาธิบดีอย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตคนไทยให้เข้าถึงการแพทย์ชั้นนำอย่างทั่วถึง โดยมีสายธารน้ำใจของผู้ให้ ผ่านมูลนิธิรามาธิบดีฯ เป็นแรงสำคัญในการขับเคลื่อนวิสัยทัศน์ด้านการดูแลสุขภาพและการพัฒนาศูนย์กลางทางการแพทย์และการวิจัยในภูมิภาค
รศ.นพ.ชนเมธ เตชะแสนศิริ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลรามาธิบดีจักรีนฤบดินทร์ กล่าวว่า ตลอด 8 ปีที่ผ่านมา สถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์ได้ยืนหยัดเคียงข้างประชาชน ซึ่งสะท้อนผ่านบทบาทสำคัญโดยเฉพาะในช่วงการแพร่ระบาดของโรคอุบัติใหม่อย่างโควิด-19 จนในปัจจุบัน สถาบันฯ ได้ก้าวสู่การเป็นศูนย์รวมนวัตกรรมการศึกษาและการรักษาอย่างครบวงจร ในปี 2567 รองรับผู้ป่วยนอก 341,000 ราย ผู้ป่วยฉุกเฉิน 16,462 ราย และผู้ป่วยใน 10,813 ราย ซึ่งสามารถช่วยลดความแออัดของโรงพยาบาลในเมืองได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ทั้งยังเป็นพื้นที่บ่มเพาะเมล็ดพันธุ์รามาธิบดีด้วยนวัตกรรมการเรียนรู้สมัยใหม่ และหลักสูตรเฉพาะทาง เช่น แพทย์นักบริหาร และแพทย์นวัตกร เพื่อเตรียมบุคลากรให้พร้อมรับมือกับโรคอุบัติใหม่และความท้าทายทางด้านสาธารณสุขที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต เพื่อสะท้อนศักยภาพของสถาบันฯ แนวคิดดังกล่าวได้ถูกถ่ายทอดผ่าน 3 พื้นที่แห่งนวัตกรรมสำคัญ ได้แก่ อาคารกายวิภาคคลินิก, ศูนย์การเรียนรู้ทักษะทางการแพทย์เสมือนจริง รามาธิบดี และงานเวชภัณฑ์ปลอดเชื้อ
รศ.นพ.ชนเมธ กล่าวต่อว่า หนึ่งในหัวใจสำคัญของสถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์ คือ งานเวชภัณฑ์ปลอดเชื้อ พื้นที่ต้นน้ำของระบบการรักษาที่ออกแบบตามมาตรฐานสากล ให้มีความทันสมัย ปลอดภัย และเป็นระบบอัตโนมัติขนาดใหญ่ระดับเอเชียแปซิฟิก ยกระดับความปลอดภัยตั้งแต่ขั้นตอนแรก ผ่านแนวคิด 3P ได้แก่ ความปลอดภัยของผู้ป่วย บุคลากร และความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม การดำเนินงานครอบคลุมการล้าง ตรวจสอบ บรรจุหีบห่อ และทำลายเชื้อเครื่องมือแพทย์ทุกชิ้นตามมาตรฐานสากล พร้อมระบบติดตามด้วย QR Code / Barcode ที่ตรวจสอบย้อนหลังได้ 100% รวมถึงเครื่องล้างและเครื่องนึ่งฆ่าเชื้อระบบ Auto-Load ที่ช่วยลดการสัมผัสความร้อนและเพิ่มความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ ด้านสิ่งแวดล้อม ยังยึดแนวคิด Green Campus ใช้ระบบทำลายเชื้อที่ไม่เป็นอันตราย ระบบบำบัดน้ำเสียที่เป็นมิตรต่อธรรมชาติ และน้ำยาฆ่าเชื้อที่ปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อม

“สถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์มุ่งพัฒนาความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง ผลักดันงานวิจัย และขยายความร่วมมือระดับภูมิภาค เพื่อก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางการแพทย์และการวิจัยในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ภายใต้อัตลักษณ์รามาธิบดีที่ผสานความเป็นเลิศทางวิชาการกับหัวใจแห่งความเป็นมนุษย์ ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่ทรงให้ความสำคัญต่อการดูแลประชาชนให้เข้าถึงการรักษาอย่างทั่วถึง สถาบันฯ จึงมุ่งขยายองค์ความรู้ นวัตกรรม และบริการทางการแพทย์ไปยังภูมิภาคต่าง ๆ เพื่อให้ประชาชนทุกพื้นที่ได้รับบริการสุขภาพที่ได้มาตรฐานอย่างเท่าเทียม” รศ. นพ.ชนเมธ กล่าว

ดร. เบญริตา จิตอารี อาจารย์สาขาพรีคลินิก โรงเรียนแพทย์รามาธิบดี กล่าวถึงอาคารกายวิภาคคลินิกว่า มีความพิเศษและแตกต่างจากห้องปฏิบัติการทั่วไป โดยลักษณะพื้นที่และระบบต่าง ๆ ถูกออกแบบให้คล้ายกับห้องผ่าตัด เพื่อรองรับการฝึกทักษะการผ่าตัดและทักษะทางการแพทย์เฉพาะทาง รวมถึงการฝึกของแพทย์ประจำบ้านและแพทย์เฉพาะทางที่ต้องการเสริมทักษะเพิ่มเติม ส่วนนักศึกษาแพทย์จะใช้พื้นที่ฝึกอีกชั้นหนึ่ง ส่วนชั้นนี้ถูกออกแบบสำหรับการเรียนรู้ขั้นสูงและการฝึกขั้นปฏิบัติการเฉพาะทางโดยตรง
“ร่างอาจารย์ใหญ่ที่ใช้ในห้องนี้ต่างจากร่างสำหรับการเรียนพื้นฐานทั่วไป เพราะต้องเก็บรักษาและควบคุมสภาพแวดล้อมให้เนื้อเยื่อใกล้เคียงกับร่างมีชีวิตมากที่สุด ร่างลักษณะนี้เรียกว่า ร่างซอฟต์ (Soft Cadaver) เป็นนวัตกรรมที่มีใช้เพียงไม่กี่แห่งในไทย ซึ่งร่างซอฟต์ของที่นี่ผ่านกระบวนการเตรียมด้วยน้ำยาสูตรพิเศษที่คิดค้นโดยบุคลากรแพทย์รามาธิบดี ทำให้ไม่มีกลิ่นรุนแรง คงสภาพอ่อนนุ่ม และเคลื่อนไหวข้อต่อได้ใกล้เคียงร่างมีชีวิต โดยสูตรน้ำยาอาจแตกต่างกันไปในแต่ละสถาบัน” ดร. เบญริตา กล่าว

ภายในอาคารแห่งนี้ยังประกอบด้วย นวัตกรรมการเรียนรู้ครบวงจร ผสานเทคโนโลยีล้ำสมัย เช่น VR สำหรับศึกษากายวิภาค 3 มิติ, Anatomage Table สำหรับสำรวจโครงสร้างร่างกายเชิงลึก และห้องผ่าตัดจำลอง (Hybrid OR) สำหรับฝึกหัตถการซับซ้อนเสมือนจริง พร้อมระบบ Live Teaching และ Remote Learning ให้ผู้เรียนเข้าถึงความรู้ได้ทุกที่ทุกเวลา อาคารนี้ยังเชื่อมต่อกับห้องปฏิบัติการวิศวกรรมชีวการแพทย์ เปิดโอกาสให้แพทย์ วิศวกร และนักวิจัยร่วมสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ ๆ เพื่อตอบโจทย์ผู้ป่วยไทย ทำให้แพทย์รุ่นใหม่เข้าใจทั้งร่างกาย เทคโนโลยี และหัวใจของการดูแลมนุษย์ พร้อมยกระดับระบบสุขภาพไทยอย่างทั่วถึง

ด้านศูนย์การเรียนรู้ทักษะทางการแพทย์เสมือนจริง นพ. ณัฐดนัย มั่นเกษตรกิจ ผู้ช่วยคณบดีฝ่ายการศึกษา Ramathibodi Academy of Simulation for Medical Education (RASME) กล่าวว่า ศูนย์ RASME ได้รับการรับรองมาตรฐานระดับนานาชาติจาก Society for Simulation in Healthcare (SSH) แสดงถึงคุณภาพและความมุ่งมั่นในการพัฒนาบุคลากรทางการแพทย์ให้มีความรู้ ความเข้าใจ และพร้อมรับมือทุกสถานการณ์
“ที่นี่เป็นพื้นที่ฝึกก่อนลงสนามจริง ให้นักศึกษาจากหลากหลายสาขาวิชาชีพฝึกปฏิบัติในสถานการณ์จำลองที่ใกล้เคียงความจริง ตั้งแต่ห้องตรวจผู้ป่วยนอก (OPD) ห้องผ่าตัด ห้องฉุกเฉิน ไปจนถึงพื้นที่จำลองอุบัติเหตุหมู่ ผู้เรียนใช้หุ่นจำลองเสมือนจริงที่ตอบสนองเหมือนมนุษย์ ทั้งสัญญาณชีพและอาการทางคลินิก เพื่อฝึกการดูแลผู้ป่วยในภาวะหัวใจหยุดเต้น ดูแลทารกแรกเกิด จัดการอุบัติเหตุหมู่ หรือรักษาผู้ป่วยในพื้นที่ทรัพยากรจำกัด” นพ. ณัฐดนัย กล่าว

นพ. ณัฐดนัย กล่าวต่อว่า ทุกการฝึกควบคุมและสังเกตการณ์แบบเรียลไทม์ ทำให้อาจารย์ประเมิน ทบทวน และให้คำแนะนำได้อย่างละเอียด ช่วยให้ผู้เรียนเข้าใจจุดแข็ง จุดที่ต้องพัฒนา และต่อยอดทักษะได้ต่อเนื่อง จุดเด่นอีกอย่างของ RASME คือ การจำลองสถานการณ์แบบทีมสหสาขาวิชาชีพ (Interprofessional Simulation) ให้แพทย์ พยาบาล และทีมจากหลายสาขาเรียนรู้ร่วมกัน ฝึกสื่อสาร ประเมินสถานการณ์ และตัดสินใจภายใต้ความกดดัน เสมือนทำงานจริงในโรงพยาบาล ส่งเสริมการดูแลผู้ป่วยอย่างมีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และเป็นทีมมากยิ่งขึ้น

ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'อรรถกร' โอด รับดราม่าซีเกมส์คนเดียวอาจผิดธรรมชาติไปนิด ย้ำพิธีเปิดจะทำได้ดีแน่นอน
'อรรถกร' โอด รับดราม่าซีเกมส์คนเดียวอาจผิดธรรมชาติไปนิดนึง เชื่อไม่ได้ถูกวางงานจากรบ.ก่อน แจงปมใช้โปสเตอร์ AI ด้อยค่านักออกแบบ จ่อคุยผู้รับผิดชอบ ย้ำ พิธีเปิดจะทำได้ดีแน่นอน
🛑LIVE เบื้องลึก..ใครปล่อยภาพลับ เดือดร้อน..บิ๊กแดง!! | ตรงปก ตรงประเด็น กับสำราญ รอดเพชร
ตรงปก ตรงประเด็น กับสำราญ รอดเพชร : วันพฤหัสบดีที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2568
🛑LIVE คิด - วิเคราะห์ - แยกแยะ!! ภาพร่วมเฟรม 'เจ้าพ่อสแกม' | ห้องข่าวไทยโพสต์
ห้องข่าวไทยโพสต์ :วันพฤหัสบดีที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2568


