ปัญหารับมือภัยพิบัติ 'บทเรียน' ที่ล้นลิ้นชัก

ครดิตภาพ:กรมฝนหลวงและการบินเกษตร

” แต่ปัญหาจริงๆ เกิดจากการที่ประเทศไทยเรายังไม่มีการสร้่าง”ระบบ”การรับมือ บริหารจัดการ ภัยพิบัติ ที่เวิร์กจริงๆ รัฐบาล หรือนักการเมืองแต่ละชุดที่เข้ามาบริหารประเทศ ล้วนให้ความสำคัญกับเรื่องนี้น้อยมาก หรือจะออกมาแอคชั่นก็ต่อเมื่อเกิดปัญหาแล้ว”

น้ำท่วมหาดใหญ่ ปี2568 เป็นการท่วมระดับมหาอุทกภัย เทียบเท่าที่เกิดขึ้นที่กรุงเทพฯ และจังหวัดรอบๆเมื่อปี 2554 แม้ก่อนหน้านี้ หาดใหญ่ จะเคยประสบเหตการณ์น้ำท่วมใหญ่มาแล้วปี 2543 สร้างความเสียหายคิดเป็นมูลค่าเศรษฐกิจถึง 18,000 ล้านบาท แต่จากภาพเหตุการณ์ที่น้ำท่วมในช่วง 6-7 วัน นับตั้งแต่วันเสาร์ที่ 21 พ.ย.-27 พ.ย.ที่หนักหนาสาหัสจ์ อย่างยิ่ง อย่างที่คนหาดใหญ่อายุ 80 ปีขึ้นไป ไม่เคยประสบพบมาก่อน อาจจะจะสร้างความเสียหายมูลค่าไม่น่าจะต่ำกว่าแสนล้านบาทก็เป็นได้  ซึ่งไม่นับการเสียชีวิตจากน้ำท่วมเกินกว่า  100  ราย  

จริงๆแล้ว ในช่วง2-3ปี ที่ผ่านมาประเทศไทยประสบเหตุการณ์น้ำท่วมหนักๆ มาแล้วหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นน้ำท่วมเชียงราย  น้ำท่วมภาคอีสาน น้ำท่วมภาคกลาง ที่จังหวัดอยุธยา ซึ่งทุกวันนี้ก็ยังเอ่อนอง ไม่ลด   แม้เหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่เชียงราย ที่ถือว่าหนักมากจริงๆ สำหรับคนภาคเหนือ และยังตราตรึงในความทรงจำในใจใครหลายคน  เป็นฝันร้ายหลอกหลอนคนเหนือเลยก็ว่าได้ แต่ถ้าหากเทียบความรุนแรง ความหนักของน้ำท่วมหาดใหญ่แล้ว ถือว่าเชียงรายยังน้อยกว่าหาดใหญ่มาก  

แม้ในวันนี้ ระดับน้ำหาดใหญ่จะลดต่ำกว่าคลองอู่ตะเภา หรือคลอง ร.1 แล้ว ตามถนนต่างๆ น้ำก็เหือดแห้ง  บางบ้านอาจทำความสะอาดบ้านเสร็จเรียบร้อยไปแล้ว แต่ปัญหาที่ยังต้องพูดถึงกันและเป็นเรื่องคาใจอื้ออึงคนทั้งประเทศก็คือ การรับมือกับภัยพิบัติของรัฐบาล (ทุกรัฐบาล )ทั้งที่ผ่านๆมา และรัฐบาลปัจจุบัน

เสียงจากใจประชาชน นักวิชาการ และกูรูเรื่องสภาพอากาศทั้งหสาย สรุปความเห็นตรงกันว่า หน่วยงานรัฐและรัฐบาลเข้าไปชาร์จกับปัญหาและสถานการณ์ช้าเกินไป อาจจะเป็นผลสืบเนื่องมาจาก จุดเริ่มต้น ที่มีการคาดการณ์ประเมินสถานการณ์ปริมาณฝนตกผิดพลาด  เทียบได้กับการติดกระดุมเม็ดแรกผิด ก็ผิดไปทั้งแถบ  การประเมินสถานการณ์ฝนตกผิดพลาด มีผลต่อการเตือนภัย  การรับมือกับสถานการณ์ในลำดับต่อมา  

นอกจากการเข้าไปรับมือ กับเหตุการณ์ล่าช้าแล้ว แม้ในเวลาต่อมาจะมีการตั้งรัฐมนตรีและผู้บัญชาการทหารสูงสุด เข้าไปบัญชาการ  แต่ถ้ามองเข้าไปในภาพรวมการทำงาน ก็จะเห็นได้ว่าเกิดความทับซ้อน ในอำนาจหน้าที่ ไม่เกิดภาพรวมของคำว่า Single Command  ซึ่งเหมาะสมกับสถานการณ์  เพราะจะทำให้การทำงานกู้ภัย หรือเข้าชาร์จสถานการณ์ เป็นระบบและทิศทางเดียวกัน

ปัญหาเรื่องการเตือนภัยที่บอกว่ามี แต่เหมือนไม่มี การเข้าไปรับมือการบริหารจัดการ  ที่หลายคนตั้งคำถาม ว่าเป็นจุดอ่อน เป็นช่องโหว่ หลายคนพูดกันว่านี่เป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่สะท้อนความเป็น”รัฐล้มเหลว ” แต่เชื่อเถอะว่า อีกคำที่จะได้ยินตามมาก็คือ “นี่คือบทเรียน”ของประเทศไทย(อีกแล้ว)

ย้อนกลับไป ความเสียหายรุนแรงจากเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ที่เชียงรายเมื่อปี2567 ที่หลายคนยังจำภาพโคลนจำนวนมหาศาลทะลักเข้าถล่มเมืองได้  ทำให้มีการพุ่งเป้าไปที่เรื่องระบบการเตือนภัย ว่า”ง่อยเปลี้ย ล้มเหลว ” ไม่มีการเตือนภัยประชาชนล่วงหน้า ถ้ามีการเตือนประชาชนอาจจะไม่ได้รับผลกระทบมากขนาดนี้สามารถอพยพเก็บข้าวของออกจากพื้นที่ได้ทันเวลา ไม่เสียหายทั้งชีวิตและทรัพย์สินจำนวนมาก    เสียงวิพากษ์วิจารณ์นี้ตำหนิติเตียนนี้มีไปถึงการทำงานของรัฐบาล อุ๊งอิ๊ง- แพรทองธาร ชินวัตร ที่เป็นนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น  ทำให้รัฐบาล ต้องตั้งคณะทำงานขึ้นหนึ่งชุดเพื่อสร้างระบบเตือนภัยพิบัติขึ้นมา  ไว้รับมือกับภัยพิบัติในครั้งต่อๆไป และสรุปตบท้ายตามเคยว่า น้ำท่วมเชียงราย เป็น”บทเรียน “อีกฉบับ

จริงๆแล้ว ประเทศไทยมี”บทเรียน” ปัญหาการรับมือกับภัยพิบัติทางธรรมชาติเยอะมาก ถ้าย้อนไปนับจากเหตุการณ์ มหาอุทกภัยที่ภาคกลาง กรุงเทพมหานคร เมืองหลวงของประเทศต้องจมบาดาล ในปี2554 หรือ  14 ปีก่อน ก็เป็น”บทเรียนใหญ่”ที่เป็นผลจากการประเมินสถานการณ์น้ำผิดพลาด ปี2554 เป็นช่วงวัฎจักรลานีญา เช่นเดียวกับปี 2568 ทำให้มีปริมาณฝนมากกว่าปกติ  แต่รัฐบาลกลับปล่อยให้มีน้ำในเขื่อนมากเกินไป ไม่ทะยอยปล่อยลงมา เมื่อฝนตกหนักติดต่อกันกินเวลายาวนาน นับเดือน ทำให้เขื่อนไม่สามารถรับน้ำจากฝนได้ทั้งหมด  ในที่สุดจำเป็นต้องระบายน้ำออกมา แต่การระบายคราวนั้น เหมือนการเทน้ำจำนวนมหาศาลออกจากเขื่อน  ทำให้เกิดมวลน้ำมหึมาเข้าท่วมภาคกลางหลายจังหวัด และทะลักมาถึงกรุงเทพฯ

แต่ก่อนที่จะเกิดมหาอุทกภัยครั้งใหญ่  รัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กลับยืนยันว่า “เอาอยู่” ซึ่งกลายเป็นวลีอมตะ ไว้ใช้ถากถางในเวลาต่อมา และคำๆนี้มาได้ยินอีกครั้ง จากปากคำของนายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่ ที่บอกว่า”เอาอยู่” แต่อีกวันต่อมาน้ำท่ะลักท่วมหาดใหญ่ทั้งเมือง

มาว่าเรื่องการเตือนภัยกันต่อ จะเห็นได้ว่าบทเรียนแต่ละครั้ง จากภัยพิบัติ ไม่ว่าน้ำท่วมใหญ่เชียงราย น้ำท่วมหาดใหญ่   ต้นทางของเหตุการณ์ ล้วนมาจากการเตือนภัย ที่มีก็เหมือนไม่มี จากเหตุการณ์น้ำท่วมเชียงราย ที่โดนวิจารณ์สนั่น ทำให้มีการ”ขยับ”กันเล็กน้อย สถาบันทรัพยากรน้ำแห่งชาติ หรือ สทนช.เข้ามามีบทบาทเป็นแกนหลัก รวมศูนย์หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเรื่องน้ำไม่ว่าจะเป็นกรมอุตุนิยมวิทยา กรมชลประทาน คณะกรรมการน้ำแห่งชาติ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย หรือปภ. และหน่วยงานอื่นๆที่เกี่ยวข้อง   จะทำหน้าที่มอนิเตอร์เรื่องน้ำ เรื่องฝนฟ้าอากาศ  และที่สำคัญคือ หากเกิดปัญหาใดๆ จากปัญหาเรื่องน้ำ สทนช.ก็จะมีหน้าที่เป็นหัวขบวน  บริหารจัดการ

เหมือนโชคไม่เข้าข้าง จังหวะในช่วงก่อนเกิดน้ำท่วมหาดใหญ่ สทนช.เกิดการเปลี่ยนโครงสร้างตัวเลขาธิการ คนก่อนที่หมดวาระไป มีการแต่งตั้งเลขาคนใหม่ที่มาจากสภาพัฒน์ฯ แต่ต่อมาเมื่อมีการเมืองเปลี่ยนขั้วก็มีการโยกเลขาคนนี้กลับไปสภาพัฒน์ฯ เหมือนเดิม ทำให้สทนช.ที่จริงๆแล้วต้องเล่นบทนำ แก้ปัญหาน้ำท่วม กลับเกิดสุญญากาศ มีเพียงผู้รักษาการเลขาฯเท่านั้น  รวมท้ั้ง ตัวผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ที่เพิ่งเข้ามารับตำแหน่งหมาดๆ ปัจจัยเหล่านี้อาจเป็นจุดอ่อนการรับมือน้ำท่วมบ้าง แต่ไม่ใช่ปมที่ทำให้เกิดปัญหาทั้งหมด

แต่ปัญหาจริงๆ เกิดจากการที่ประเทศไทยเรายังไม่มีการสร้่าง”ระบบ”การรับมือ บริหารจัดการ ภัยพิบัติ ที่เวิร์กจริงๆ รัฐบาล หรือนักการเมืองแต่ละชุดที่เข้ามาบริหารประเทศ ล้วนให้ความสำคัญกับเรื่องนี้น้อยมาก หรือจะออกมาแอคชั่นก็ต่อเมื่อเกิดปัญหาแล้ว

ทั้งระบบเตือนภัย และบริหารจัดการภัยพิบัติโดยเฉพาะเรื่องน้ำ จึงยังเตาะแตะ ไม่สามารถเติบโต เป็นผู้ใหญ่ที่เข้มแข็ง มีโครงสร้างที่แข็งแรง รับมือกับปัญหาและสถานการณ์ได้ด้วยตัวเอง ไม่ว่าจะมีหรือไม่มีผู้นำ หรือเปลี่ยนตัวผู้นำไป หรือรัฐบาลจะอ่อนด้อยประสบการณ์การรับมือภัยพิบัติแค่ไหน แต่ระบบก็จะยังสามารถทำงานได้ตลอดเวลา หากเกิดปัญหา และนี่น่าจะเป็นข้อสรุปที่เราควรได้จาก”บทเรียน”จากภัยพิบัติที่ผ่านมา

ภาพระทมทุกข์ เสียชีวิต เสียงร้องของประชาชน หาดใหญ่กับเหตุการณ์น้ำท่วม อาจจะไม่ใช่เหตุการณ์ครั้งสุดท้ายที่จะเกิดน้ำท่วมใหญ่อย่างนี้อีก เพราะนับวันโลกจะแปรปรวน อุณหภูมิโลกมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นการประชุมCop 30 ที่เพิ่งจบลงไป และสหรัฐอเมริกาไม่ยอมเข้าร่วมสังฆกรรมลดโลกร้อน ทำให้มีการประเมินว่าโลกจะร้อนเร็วขึ้น อุณหภูมิที่เพิ่มจะไม่ใช่ 1.5 องศาเซลเซียส แต่จะเป็น 2 องศาเซลเซียส ในเวลาอีกไม่นาน  และแน่นอนว่าจะส่งผลให้เกิดภัยพิบัติถี่ขึ้น รุนแรงขึ้นตามมา

 ดังนั้น หากเราไม่ตระหนัก เตรียมรับมือ   “บทเรียน” ที่มีจากเหตุการณ์ภัยพิบัติ แต่ละครั้ง แล้วเก็บไว้ในลิ้นชัก ไม่เคยนำกลับมาคิดทบทวนแก้ไข ก็จะเป็นแค่เศษกระดาษ ที่ไร้ค่า ไร้ความหมาย  แต่ในเวลาเดียวกัน จะมีบทเรียนใหม่ๆ สะสมเพิ่มเข้ามาเรื่อยๆ ไม่หยุดหย่อน หรือเราจะปล่อยให้เป็นเช่นนี้

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'อนุทิน' ยันยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้วยังฟื้นฟูหาดใหญ่ต่อ จ่อขนนักวิชาการลงพื้นที่ถอดบทเรียน

'อนุทิน' ยอมรับยังกังวลน้ำท่วมหาดใหญ่ ยัน ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้วยังฟื้นฟู-เยียวยาต่อ หยอด อำนาจอยู่ที่ มท.1แล้ว 'นายกฯ คงไม่ขัดอะไร' เผยขั้นตอนนำผู้ประสบภัยกลับบ้าน ทำไปแล้วกว่า 90% จ่อขนกองทัพนักวิชาการลงพื้นที่ถอดบทเรียนพรุ่งนี้

อวยไส้แตก! สิ่งที่เท้งทำตอนน้ำท่วม ถ้าได้บริหารประเทศ จะตอบโต้สถานการณ์น้ำท่วมได้

ตอนน้ำท่วมแม่สาย เชียงราย ปีก่อน เท้งมาแบบคนที่ตาใสเลย นับ 1 จับต้นชนปลายไม่ถูก แต่มีความตั้งใจ มาแต่ตัวจริงๆ ไม่มีแม้อุปกรณ์ล้างบ้าน ตั้ง

อุตุฯ เตือนใต้ฝนตกหนักถึงหนักมาก เหนือ-อีสาน-กลางอุณหภูมิลดลง

กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้าว่า ภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดนครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส พังงา ภูเก็ต ตรัง และสตูล

สส.ศาสตรา สะท้อนปัญหาน้ำท่วมหาดใหญ่ จี้รัฐบาลเร่งแก้ขยะเน่าเหม็นแล้ว เงินเยียวยายังล่าช้า

สส.สงขลา เข้าสภาฯ สะท้อนปัญหาชาวหาดใหญ่ เรียกร้องรัฐบาล เร่งจ่ายเงิน 9,000 บาทให้เร็วเหมือนวันแรก จี้ เก็บขยะเน่าเสีย วอน ออกมาตรการช่วยเหลือภาคอุตสาหกรรม สร้างความเชื่อมั่นให้นักท่องเที่ยว

'บวรศักดิ์' แถลงตั้งอนุกรรมการ 5 คณะ ถอดบทเรียนมหาอุทกภัยหาดใหญ่

"บวรศักดิ์" แถลงตั้ง 5 อนุกรรมการ ถอดบทเรียนรับมือมหาอุทกภัย แก้ครบวงจร ตั้งแต่พยากรณ์-เตือนภัย-เยียวยา ทำระบบให้ใช้ได้ทุกพื้นที่ รายงานผลทุก 2 สัปดาห์ เผยนำทีมกรรมการ ลงดูหน้างานจริง 6 ธ.ค. หวังคนหาดใหญ่นอนหลับ สบายใจ

“น้ำท่วมหาดใหญ่” สสส. ไม่ทอดทิ้ง! ผนึกกำลังภาคีเครือข่ายฯ เตรียมเปิดโมเดล 3 เฟส ช่วยทันที-ฟื้นบ้าน-สร้างภูมิคุ้มกันภัยพิบัติ

นพ.พงศ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า จากสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่อำเภอหาดใหญ่