
ดิบ บางกอก พิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยนานาชาติแห่งใหม่ของกรุงเทพฯ ที่พลิกโฉมอาคารโกดังเก่ายุค 80 ย่านพระราม 4 สู่มิวเซียมจัดแสดงผลงานศิลปะของศิลปินไทยและนานาชาติสร้างประสบการณ์และแรงบันดาลใจให้แก่ผู้ชมทุกรุ่น ล่อง(ไม่)หน หรือ (In)visible Presence คือนิทรรศการปฐมฤกษ์สำหรับการเปิดตัวพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ ภายใต้วิสัยทัศน์ของ ภูรัตน์ (แฌง) โอสถานุเคราะห์ ประธานผู้ก่อตั้ง ผู้ซึ่งนำแรงบันดาลใจจากมรดกความฝันของ เพชร โอสถานุเคราะห์ ผู้เป็นบิดา มาตีความและต่อยอดใหม่ให้สอดคล้องกับโลกปัจจุบัน

ภูรัตน์ โอสถานุเคราะห์ กล่าวว่า การสนับสนุนศิลปะและการศึกษาเป็นเป้าหมายสำคัญของครอบครัวเรามาโดยตลอด ดิบ บางกอก มิวเซียมศิลปะร่วมสมัยนานาชาติแห่งแรกของประเทศไทยใน กรุงเทพฯ และเป็นพื้นที่ซึ่งศิลปะสามารถรับรู้ได้ด้วยความรู้สึก ไม่เพียงแค่ชมได้ด้วยสายตาเท่านั้น พื้นที่แห่งนี้เปิดโอกาสให้ผู้เข้าชมใช้เวลากับความคิด การสำรวจ และความสนุกเชิง สร้างสรรค์ ในทุกครั้งที่มาเยือน ผู้ชมจะค้นพบสิ่งใหม่และไม่คาดคิด กรุงเทพฯ เมืองที่เต็มไปด้วยพลังความคิดสร้างสรรค์ และไม่หยุดนิ่ง
“ กรุงเทพฯ มีห้างสรรพสินค้าเพียงพอแล้ว เป้าหมายของเรา คือ การสร้างพื้นที่ในอีกรูปแบบหนึ่ง พื้นที่ที่เชิญชวนให้ผู้คนได้ใช้เวลาอยู่กับศิลปะ ถึงเวลาแล้วที่จะมีสถาบันศิลปะร่วมสมัย ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางสำคัญ สะท้อนความมีชีวิตชีวาและเฉลิมฉลองศิลปะด้วยแนวทางที่ทรงพลังและโดดเด่นไม่แพ้ตัวเมืองเอง คอลเล็กชันถาวรของ ดิบ บางกอก เน้นที่ศิลปะร่วมสมัยระดับโลก ประกอบด้วยผลงานกว่า 1,000 ชิ้น โดยศิลปินกว่า 200 คนจากทั่วโลก ครอบคลุมตั้งแต่จิตรกรรม ประติมากรรม ภาพถ่าย งานจัดวางขนาดใหญ่ จนถึงสื่อใหม่ ตั้งแต่ทศวรรษ 1960 จนถึงปัจจุบัน “ ภูรัตน์ กล่าว

ดิบ บางกอก ตั้งอยู่ระหว่างถนนพระราม 4 และซอยสุขุมวิท 40 ประกอบด้วยห้องจัดแสดง 11 ห้อง รวมพื้นที่กว่า 7,000 ตารางเมตร พร้อมลานกลางขนาด 1,400 ตารางเมตร สวนประติมากรรมกลางแจ้ง และพื้นที่สำหรับจัดกิจกรรมพิเศษ พื้นที่จัดแสดงนิทรรศการทั้ง 3 ชั้นออกแบบเรียบง่าย แต่เปี่ยมด้วยรายละเอียดประณีต ได้รับแรงบันดาลใจจากแนวคิดทางพุทธศาสนาเรื่องการตรัสรู้ ปรับปรุงและออกแบบใหม่โดย WHY Architecture ด้วยความร่วมมือกับบริษัทออกแบบสถาปัตยกรรมสถาปนิก 49(A49)
นิทรรศการเปิดตัว ดิบ บางกอก ในชื่อ ล่อง (ไม่) หน เสนอผลงานสำคัญจากคอลเลกชันของสถาบัน จัดแสดงและออกแบบให้สอดประสานกับสถาปัตยกรรมของอาคาร ใช้พื้นที่ทั้ง3 ชั้นเป็นเส้นทางเล่าเรื่อง พาผู้ชมสำรวจแนวคิดอดีตคือสิ่งที่นำทางเราไปสู่อนาคต พร้อมตั้งคำถามน่าสนใจ

ดร. มิวาโกะ เทสุกะ ผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์ กล่าวว่า ล่อง (ไม่)หน หรือศิลปะที่ขยายการรับรู้ไปไกลกว่าการมองเห็นด้วยสายตา แนวคิดเกิดขึ้นจากความตั้งใจในการยกย่องและรำลึกถึง คุณเพชร โอสถานุเคราะห์ ก่อนถ่ายทอดมาเป็นกรอบการทำงานด้านภัณฑารักษ์ โดยคัดเลือกผลงาน 81 ชิ้นจากศิลปิน 40 คน ร่วมกันตั้งคำถามว่าเราจะรับรู้และจดจำสิ่งที่มีความหมาย แต่ไม่อาจมองเห็นได้อย่างไร แนวคิดนี้ยังสะท้อนบริบทของยุคสมัยที่โลกถูกโอบล้อมถาโถมด้วยภาพจำนวน มหาศาล จำเป็นต้องใช้ความใส่ใจที่ลึกซึ้งและสภาวะนิ่งสงบเพื่อสร้างสมดุลให้เกิดขึ้น
อารียนา ชัยวาระนนท์ ภัณฑารักษ์ กล่าวเสริมว่า ล่อง(ไม่)หน มุ่งหมายให้ผู้ชมได้สัมผัสงานศิลปะผ่านประสาทสัมผัสหลายด้าน ทั้งเสียง กลิ่น แสง รวมถึงท้าทายความคาดหมายเรื่องขนาด น้ำหนัก และวัสดุในชีวิตประจำวัน กระบวนการเหล่านี้เผยให้เห็นความสอดคล้องตามธรรมชาติระหว่างแนวทางการสร้างสรรค์ศิลปะที่หลากหลาย รวมถึงความสัมพันธ์กับขบวนการศิลปะหลังสงคราม อย่าง อาร์เต โปเวรา ใช้วัสดุธรรมดาเป็นสื่อสะท้อนถึงการดำรงอยู่และความทรงจำอันลึกซึ้งของมนุษย์

เชิญผู้ชมมาสัมผัสนิทรรศการล่อง(ไม่)หน ชมผลงานจัดวางชิ้นสำคัญของ มณเฑียร บุญมา และ สมบูรณ์ หอมเทียนทอง ศิลปินคนสำคัญไทย ประติมากรรมขนาดใหญ่ของ ลี บุล และ แอนเซล์ม คีเฟอร์ รวมถึงจิตรกรรมจากศิลปินหลากหลาย อาทิ อเล็กซ์ แคตซ์, ยุรี เกนสาคู และ เจสซี โฮเมอร์ เฟรนช์ ผลงานเหล่านี้จัดแสดงร่วมกับงานสื่อผสมและสื่อใหม่จากศิลปินผู้ได้รับการยกย่องทั้งในและต่างประเทศ
งานจัดแสดงยังขยายออกไปภายนอกอาคาร พลิกโฉมภูมิทัศน์โดยรอบให้เป็นส่วนหนึ่งของ ประสบการณ์ศิลปะ กลางลานเด่นด้วยศิลปะจัดวาง Pars pro Toto (2020) โดย อลิเชีย ควาเด ประกอบด้วยลูกโลกหินมหึมา 11 ลูก ชวนผู้ชมไตร่ตรองเชิงกวีถึง ระบบดาวเคราะห์และแก่นสารแห่งวัตถุ บนระเบียงชั้นบนเป็นที่ตั้งผลงาน Breast Stupa Topiary (2013) ของพินรี สัณฑ์พิทักษ์ ประติมากรรมสแตนเลสรูปทรงคล้ายเจดีย์ทรวงอก ชวนให้ครุ่นคิดถึงความเป็นหญิง จิตวิญญาณและร่างกาย งานชิ้นนี้ลดทอนเส้นสายแข็งกระด้างของเมืองด้วยการปรากฏตัวที่อ่อนโยนและลุ่มลึก

นิทรรศการเชิญ โช ชิบูยะ ฟินเนแกน แชนนอน และ ฮิวจ์ เฮย์เดน ร่วมแสดงผลงานครั้งแรกในประเทศไทย ช่วยขยายบทสนทนาศิลปะระดับโลกกับศิลปินท้องถิ่นผ่านการสำรวจร่วมกันเกี่ยวกับสภาวะการดำรงอยู่ของมนุษย์ ผลงานแต่ละชิ้นจัดแสดงสอดประสานกับสถาปัตยกรรมอาคาร เปิดให้เข้าชมตั้งแต่วันที่ 21 ธ.ค.2568- 3 ส.ค. 2569 ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ทาง www.dibbangkok.org ราคาบัตรเข้าชม 550 บาท คนไทย และ 700 บาท ชาวต่างชาติ เปิดวันพฤหัส-วันจันทร์ เวลา 10.00-19.00 น.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ด่วน! 'เพชร โอสถานุเคราะห์' เจ้าของเพลงดัง 'เพียงชายคนนี้ (ไม่ใช่ผู้วิเศษ)' เสียชีวิต ในวัย 63 ปี
รายงานข่าวว่า เพชร โอสถานุเคราะห์ นักธุรกิจ และ อดีตนักร้องชื่อดัง ได้เสียชีวิตแล้วเมื่อคืนวันที่ 14 ส.ค.ที่ผ่านมา เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเกิดอาการหัวใจวายเฉียบพลัน

