รัฐบาลยังไม่สั่งถอดแมสก์

ยอดติดเชื้อโควิดต่ำกว่า 4 พัน เสียชีวิต 21 คน หายป่วยเพิ่ม 6,607 ราย "อนุทิน" เห็นพ้อง "บิ๊กตู่" ยังไม่ควรถอดแมสก์ช่วงนี้ ย้ำไม่เคยบังคับใส่หรือไม่ใส่หน้ากากอนามัย เชื่อทุกคนรู้ป้องกันโรคได้ บอกถอดบางพื้นที่อยู่ที่ความเข้าใจ

เมื่อวันที่ 31 พ.ค. ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศไทยว่า พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 3,955 ราย เป็นการติดเชื้อในประเทศ 3,954 ราย จากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 3,950 ราย ค้นหาเชิงรุก 4 ราย เดินทางจากต่างประเทศ 1 ราย หายป่วยเพิ่ม 6,607 ราย อยู่ระหว่างรักษา 39,861 ราย อาการหนัก 880 ราย ใส่ท่อช่วยหายใจ 435 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 21 ราย เป็นชาย 14 ราย หญิง 7 ราย เป็นผู้เสียชีวิตที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป 14 ราย มีโรคเรื้อรัง 6 ราย ไม่มีโรคเรื้อรัง 1 ราย

ยอดผู้ติดเชื้อสะสม 4,450,547 ราย ยอดหายป่วยสะสม 4,380,577 ราย ยอดผู้เสียชีวิตสะสม 30,019 ราย สำหรับ 10 จังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุด ได้แก่ กทม. 2,167 ราย, บุรีรัมย์ 93 ราย,  สมุทรปราการ 66 ราย, นครพนม 65 ราย,  ขอนแก่น 61 ราย, ชลบุรี 58 ราย,  สกลนคร 58 ราย, สุรินทร์ 55 ราย, สมุทรสาคร 54 ราย และอุดรธานี 54 ราย

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรี มีความเห็นยังไม่ให้ยกเลิกการสวมหน้ากากอนามัยช่วงนี้ว่า ช่วงนี้ใส่ไว้ก่อนดีกว่า

ถามถึงความชัดเจนเรื่องการอนุญาตให้ถอดหน้ากากอนามัยในบางพื้นที่ นายอนุทินกล่าวว่า เรื่องนี้อยู่ที่ความเข้าใจ ตัวอย่างเช่นหากวิ่งออกกำลังกายอยู่ในสวนสาธารณะ มีระยะห่างพอสมควร เกิน 2 เมตร ก็ถอดวิ่งได้ ใส่วิ่งไปอาจจะเป็นลม หากเข้าไปในสถานที่แออัด เช่น ผับ บาร์ คาราโอเกะ ที่จะผ่อนคลายให้เปิดได้ในวันที่ 1 มิ.ย.นี้ เราก็ต้องดูว่าจะต้องระมัดระวังตัวเองขนาดไหน ไม่ควรตะโกนใส่หน้า โหวกเหวก ใช้ภาชนะดื่มร่วมกัน ถือเป็นความรับผิดชอบร่วมกัน ทุกอย่างก็จะเดินหน้าไปได้

รองนายกฯ กล่าวว่า การจะเปิดเท่ากับเรามั่นใจได้ระดับหนึ่งว่าหากฉีดวัคซีนครบโดสแล้วก็ไปได้ ถ้าติดก็รักษาได้ แต่จะไม่มีในลักษณะของเชื้อลงปอดหรือปอดอักเสบ หรือใช้เครื่องช่วยหายใจเหมือนเมื่อก่อน เรามีการประเมินถึงปัจจัยต่างๆ เพื่อให้ทุกอย่างเคลื่อนที่ต่อไปได้ หากยังไม่เชื่อกันอีก เมื่อผ่อนผันให้แล้วยังเปิดเกินเวลา ไม่คำนึงถึงความปลอดภัย หากติดขึ้นมาและขยายในวงกว้าง เกิดกลายพันธุ์ ก็ต้องกลับมาใช้มาตรการที่เข้มข้นกันใหม่ ซึ่งเราไม่ต้องการทำอย่างนั้น

"เรื่องหน้ากากอนามัย ถ้าใส่ได้ก็ใส่ เป็นความร่วมมือ อย่างน้อยการใส่หน้ากากอนามัยก็ไม่ทำให้เราเป็นหวัด เหมือนที่ผมไม่เป็นหวัดมา 3 ปีแล้ว และยังสามารถป้องกันการติดเชื้อ โดยเฉพาะโรคระบบทางเดินหายใจอื่นๆ ได้ด้วย เช่น ตอนนี้มีฝีดาษลิง หรือโรคที่เกี่ยวกับทางเดินอาหาร ขณะนี้หายไปอย่างมีนัยสำคัญ เพราะฉะนั้นถ้าเรายังใส่หน้ากากอนามัยได้ ใช้เจลล้างมือได้ และไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน ก็ขอให้ใส่หน้ากากอนามัยไปก่อน" รองนายกฯ กล่าว

ซักว่า ในที่ประชุม ครม.ที่ผ่านมา นายกฯ ไม่เห็นด้วยที่จะให้ถอดหน้ากากอนามัยใช่หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า นายกฯ ไม่ได้บอกว่าไม่เห็นด้วย เพียงแต่บอกว่าถ้ายังใส่ได้มันก็ดี อย่าเพิ่งไปประกาศว่ารัฐบาลสั่งให้ถอด ซึ่งจริงๆรัฐบาลก็ไม่เคยสั่งให้ถอดหรือสั่งให้ใส่ รัฐบาลโดย สธ.บอกถ้ามีโรคระบาดแบบนี้ ใส่หน้ากากอนามัยไว้จะดีที่สุด เรื่องของการบังคับใส่หรือไม่ใส่อยู่ที่เจ้าของสถานที่ ถ้าเจ้าของร้านอาหารบอกว่าถ้าไม่ใส่ไม่ให้เข้า ก็เป็นสิทธิ เรื่องการบังคับให้คนใส่หรือถอดหน้ากากอนามัยเป็นเพียงการประกาศ ยังไม่เคยมีใครที่ถอดหน้ากากอนามัยแล้วถูกดำเนินคดี ไม่มี เป็นความร่วมมือมากกว่า

"ไม่จำเป็นต้องใช้เป็นกฎหมาย ทุกคนตระหนักรู้ถึงโทษภัย ถ้าไม่ใส่หน้ากากอนามัยในช่วงระบาดโควิด-19 ทุกคนก็ใส่และแสดงให้เห็นถึงความสำเร็จในการควบคุมสถานการณ์" นายอนุทินกล่าว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง