ก.ก.ฟิตดันกม.40ฉบับเปลี่ยนปท.

"ก้าวไกล" ฟิตจัด เวิร์กช็อปอุ่นเครื่อง ส.ส. ยื่นกฎหมายกว่า 40 ฉบับ เข้าสภา "ไอติม" ชูเปลี่ยนแปลง 3 ด้าน  สนองความคาดหวังประชาชน จับตา  "กลุ่มล้านนาใหม่" ดึง "เพนกวิน-บิ๊กคณะก้าวหน้า" เสวนากระจายอำนาจ "นิพนธ์" ยันกระจายอำนาจสร้างการมีส่วนร่วมทางการเมืองภาค ปชช.ได้ดีที่สุด แนะถ่ายโอนภารกิจและงบประมาณให้ท้องถิ่นโดยเร็ว "อนุดิษฐ์" เชื่อต้องไปไกลกว่ารูปแบบ กทม.

ที่สนามกอล์ฟพัฒนาสปอร์ตรีสอร์ท  อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี วันที่ 22 มิถุนายน ในการสัมมนา ส.ส.พรรคก้าวไกล วันที่สอง   เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎร ช่วงเช้าเริ่มด้วยการประชุมเชิงปฏิบัติการ (เวิร์กช็อป) ระดมความคิดเกี่ยวกับการเสนอร่างกฎหมายก้าวไกลจำนวนกว่า 40 ฉบับ ที่จะยื่นทันทีเมื่อสภาเปิด

นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อ  พรรคก้าวไกล พูดถึงความสำคัญของเรื่องนี้ว่า ปัจจุบันประเทศไทยเสมือนอยู่ในเกมชักเย่อ ในทางหนึ่งเรามีระบบที่ล้าหลัง ที่ไม่อนุญาตให้เกิดการเปลี่ยนแปลง เช่น รัฐธรรมนูญ 2560 ที่ขยายอำนาจของสถาบันและกลไกทางการเมืองที่ไม่ยึดโยงกับประชาชน แต่อีกทางหนึ่งเราก็มีสังคมที่ก้าวหน้า ประชาชนมีความคาดหวังการเปลี่ยนแปลงสูง สะท้อนอย่างชัดเจนผ่านผลการเลือกตั้งที่พรรคจากขั้วฝ่ายค้านเดิมได้รับการสนับสนุนอย่างท่วมท้น จนทำให้พรรคการเมืองอันดับ 1 และอันดับ 2 มาจากซีกฝ่ายเดียวกันในสภาชุดที่แล้ว ซึ่งมักไม่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง

นายพริษฐ์กล่าวว่า เพื่อตอบรับต่อความคาดหวังของประชาชนที่ขึ้นสูงมาก พรรคก้าวไกลต้องมีบทบาทเป็นเหมือน กังหันลม ที่แปรสายลมแห่งการเปลี่ยนแปลงให้เป็นพลังในการขับเคลื่อนประเทศให้ก้าวไปข้างหน้า โดยภารกิจหลักในสภาของพรรคคือการผลักดันกฎหมายเพื่อขับเคลื่อนนโยบายและสร้างความเปลี่ยนแปลงใน 3 ด้าน หรือ 3 เปลี่ยน ได้แก่

1.การเปลี่ยนกฎหมาย คือการทำให้กฎหมายที่ก้าวหน้าผ่านสภา โดยจำเป็นต้องสร้างการมีส่วนร่วมและร่วมกันผลักดันกับภาคประชาชน 2.การเปลี่ยนความคิด โดยอาศัยกลไกและเวทีสภา ในการรณรงค์และสื่อสารสาระสำคัญของกฎหมายกับประชาชน เพื่อสร้างความเข้าใจในสังคม และคลายข้อกังวลของผู้เห็นต่าง 3.การเปลี่ยนวัฒนธรรมการเมือง โดยทำให้เห็นถึงประโยชน์ที่ประเทศจะได้รับ จากการมีรัฐบาลที่ให้ความสำคัญกับงานสภา ทั้งในการขับเคลื่อนนโยบายและการให้ความร่วมมือกับกลไกตรวจสอบถ่วงดุล

จากนั้นมีการแบ่งกลุ่ม โดยให้ ส.ส.แต่ละคนเลือกประเด็นร่างกฎหมายที่สนใจ เช่น ปฏิรูประบบราชการ กระจายอำนาจ การศึกษา สิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ ที่ดิน แรงงาน พร้อมวางแผนงานสำหรับการขับเคลื่อนกฎหมายให้ผ่านสภา ซึ่ง ส.ส. พรรคก้าวไกลได้แสดงความเห็นอย่างหลากหลาย พิจารณาทั้งด้านความสำคัญและความเห็นที่แตกต่างต่อประเด็นต่างๆ ในร่างกฎหมายนั้น เพื่อกำหนดแนวทางการทำงานและสื่อสารต่อประชาชน

โดยนายพริษฐ์ย้ำว่า การผลักดันกฎหมายกว่า 40 ฉบับนี้ เป็นเพียงชุดแรกที่จะถูกเสนอโดยผู้แทนราษฎรจากพรรคก้าวไกลในสมัยนี้ และจะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในการสร้างประเทศที่ดีกว่าเดิม

เพจเฟซบุ๊กคณะก่อการล้านนาใหม่-NEO LANNA โพสต์ข้อความว่า งานเสวนาวาระรัฐธรรมนูญ-กระจายอำนาจ "แห่ไม้ก้ำประชาธิปไตย ปักหมุดหมายกระจายอำนาจ" วันที่ 23 มิถุนายน เวลา 12.30-17.00 น. สถานที่โรงแรมไอบิส ชั้น 8 งานเริ่มเวลา 12.30 น.​ อ่านกวี ฮวกชวด-สุดสะแนน ปาฐกถาภาพรวมการกระจายอำนาจ โดยอาจารย์ชำนาญ จันทร์เรือง กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า การต่อสู้ทางประวัติศาสตร์ล้านนากับอำนาจส่วนกลาง โดยประสิทธิ์ ครุธาโรจน์, พริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน ผู้ต้องหาคดี ม.112 และภิญญพันธุ์ พจนะลาวัณย์ ขบวนการเคลื่อนไหวจังหวัดจัดการตนเอง โดยณัฐกร วิทิตานนท์, ชัชวาล​ ทองดีเลิศ, สุรีรัตน์​ ตรีมรรคา, ชำนาญ​ จันทร์เรือง

เพจดังกล่าวแจ้งอีกว่า ด่วน!! ทางทีมงานได้รับการแจ้งเปลี่ยนผู้ปาฐกถาและสถานที่ในการจัดงานเสวนา ข้อสรุปเบื้องต้นในกรณีแรกคือ สถานที่ในการจัด ทางทีมงานได้รับการแจ้งจากผู้บริหารมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดยให้ทีมงานเปลี่ยนสถานที่ เพราะทางอธิการบดีได้มีข้อกังวลในการใช้สถานที่คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เนื่องจากกลัวว่า "จะเกิดการขัดแย้ง" ในการจัดงานเสวนาในครั้งนี้

ในกรณีที่สอง คุณธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ไม่สามารถเข้าร่วมเวทีเสวนา มี 3 ประเด็นดังนี้ 1.เพราะมีหมายนัดศาลกะทันหัน กรณีคดีวิจารณ์วัคซีนพระราชทาน (มาตรา 112) จึงมีการปรับกำหนดการ โดยการเชิญอาจารย์ชำนาญมาเป็นคนมากล่าวปาฐกถาแทนคุณธนาธร 2.มีการเปลี่ยนแปลง กำหนดช่วงเวทีหัวข้อ ภาพรวมการกระจายอำนาจ มาเป็นอาจารย์ชำนาญ จันทร์เรือง 3.เนื่องด้วยงานแห่ไม้ค้ำประชาธิปไตยมีการจับตามองจากฝ่ายอนุรักษนิยม ที่มองว่ากิจกรรมเวทีดังกล่าวจะนำไปสู่การแบ่งแยกดินแดนและปลุกปั่นประเด็นเพื่อสร้างความขัดแย้งต่อสังคม ดังนั้นยืนยันเป้าหมายและหลักการในการมุ่งเน้นวาระการปักหมุดการกระจายอำนาจ-แก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ และสร้างรัฐสวัสดิการให้เกิดขึ้นในสังคมไทย

วันเดียวกัน ในการประชุมและการสัมมนาทางวิชาการสมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 1/2566 ประจำปี พ.ศ.2566 ณ อาคารชาเลนเจอร์ อาคาร 2 อิมแพ็ค ชาเลนเจอร์ เมืองทองธานี มีการเสวนา การติดตามนโยบายการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่นของพรรคการเมืองหลังการเลือกตั้ง หัวข้อ "ท้องถิ่นมั่งคั่ง ประเทศมั่นคง" โดยมีผู้แทนจาก พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคก้าวไกล พรรคชาติพัฒนากล้า พรรคไทยสร้างไทย พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยสมาคมสันนิบาตแห่งประเทศไทย เข้าร่วมรับฟังจำนวนมาก

นายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวตอนหนึ่งว่า การทำงานของถิ่นในบางภารกิจยังมีอุปสรรคในการบริหาร ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรให้การสนับสนุนและแก้ไขอุปสรรคในการดำเนินการภายใต้กติกาที่กำหนดไว้ เพื่อให้งานเดินต่อไปได้ และไม่เกิดปัญหาภายหลัง สำหรับเรื่องจัดเก็บภาษีนั้น ก็ควรมีการเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บภาษี พร้อมทั้งพิจารณาจัดเก็บฐานภาษีอื่นๆ เพิ่มเติม ที่ทำให้ท้องถิ่นมีรายได้เพิ่มมากขึ้น สามารถนำมาพัฒนาพื้นที่รับผิดชอบ สร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้ประชาชน

"ในส่วนความคืบหน้าเรื่องกระจายอำนาจ ในขณะนี้อยู่ในแผนที่ 3 แต่ขณะเดียวกัน แผนที่ 1 และ 2 ก็ยังถ่ายโอนไม่หมด ซึ่งควรพิจารณาว่าภารกิจใดที่ท้องถิ่นทำได้ ก็ให้เร่งรัดถ่ายโอนภารกิจและงบประมาณพร้อมบุคลากรให้ท้องถิ่นได้ดำเนินการ เพราะการถ่ายโอนภารกิจใดไปและดำเนินการไม่ได้อาจจะถูกดึงภารกิจกลับ และไม่ควรนำเรื่องทุจริตมาปิดกั้นการกระจายอำนาจ เพราะการกระจายอำนาจคือการสร้างการมีส่วนร่วมการเมืองภาคประชาชนได้ดีที่สุด และเชื่อมั่นว่าเมื่อท้องถิ่นเข้มแข็ง ประเทศไทยก็เข้มแข็ง" นายนิพนธ์กล่าว

ขณะที่ น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รองหัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย กล่าวว่า สิ่งที่พรรคไทยสร้างไทยได้เสนอไว้ก่อนหน้านี้นั้น จะเดินหน้าทำต่อไป โดยเรื่องหลักคือ การลดความเหลื่อมล้ำระหว่างหัวเมืองกับภูมิภาค ที่ไม่ใช่เพียงการกระจายอำนาจทางการเมืองเพียงอย่างเดียว แต่หมายถึงอำนาจทางเศรษฐกิจด้วย ปัจจุบัน GDP มากองอยู่ที่กรุงเทพมหานคร และจังหวัดที่มีนิคมอุตสาหกรรม ถ้ากระจายรายได้ออกจากตรงนี้ไม่ได้ ก็จะทำให้ท้องถิ่นไม่มีรายได้ไปพัฒนาพื้นที่ตัวเอง ดังนั้นต้องมีคลัสเตอร์ทางเศรษฐกิจกระจายไปตามพื้นที่ต่างๆ ให้ครบถ้วน และต้องสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่จะเชื่อมโยงให้ถึงกันด้วย

น.อ.อนุดิษฐ์กล่าวว่า สิ่งที่พรรคร่วมรัฐบาลทั้ง 8 พรรคเห็นตรงกันคือ การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นฉบับประชาชน โดย ส.ส.ร. ซึ่งจะนำไปสู่การปฏิรูประบบราชการใหม่ทั้งหมด รวมถึงการปกครองส่วนท้องถิ่นและการกระจายอำนาจ การปฏิรูประบบการปกครองที่ใหญ่ขนาดนี้นั้น เป็นสิ่งที่ทุกคนฝันที่จะเห็น ตัวอย่างของ กทม.นั้นยังเป็นการกระจายอำนาจที่ยังจำกัดด้วยซ้ำ เชื่อว่าในท้ายที่สุดแล้วการกระจายอำนาจจะต้องไปให้ไกลกว่ารูปแบบของ กทม. อยากให้ทุกคนเชื่อมั่นในประชาชน เชื่อในคนที่ประชาชนเลือกมา ทุกท้องถิ่นในไทยมีของดีมีอัตลักษณ์ที่แตกต่าง ตอนนี้อำนาจที่อยู่ที่ศูนย์กลางต้องถูกคืนไปให้กับประชาชนได้แล้ว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'คารม' แจง ป.ป.ช. พยานคดี สส.ก้าวไกล แก้ 112 ชี้นิรโทษยกเข่งรอดหมด

'คารม' แจง 'ป.ป.ช.' ในฐานะพยาน ปม สส.ก้าวไกล ลงชื่อแก้ ม.112 พร้อมถามใครเจ้ากี้เจ้าการ เชื่อนิรโทษล้างผิดยกเข่ง 'ผู้นำจิตวิญญาณ - สส.พรรคส้ม' รอดหมด

ก้าวไกลประกาศแล้ว! ไม่ส่งชิง 'นายก อบจ.ปทุมธานี' ปัดหนุน 'บิ๊กแจ๊ส'

'ไอติม' ยัน 'ก้าวไกล' ไม่ส่งผู้สมัครนายก อบจ.ปทุมธานี อ้างเวลาบีบสรรหาไม่ทัน ลั่นไม่หนุน 'บิ๊กแจ๊ส' เลี่ยงตอบสส. พรรคช่วยหาเสียงส่วนตัว

'ธนกร' ขวาง 'ปิยบุตร' ปลุกแก้ปลายเหตุ นิรโทษเหมาเข่งคดี 112

'ธนกร' ค้าน 'ปิยบุตร' ชี้แค่ปลายเหตุนิรโทษคนผิด ม.112 ไม่เห็นด้วยยกโทษคนหมิ่นสถาบัน เหยียบย่ำหัวใจคนไทยมากไป จี้แก้ให้ตรงจุด จัดการตัวการบิดเบือนใส่ข้อมูลเท็จ-เบื้องหลังเยาวชนดีกว่า

UN ฟังทางนี้! 'อดีตบิ๊ก มธ.' เปิดความจริงการเสียชีวิตของ 'บุ้ง'

รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า การเสียชีวิตของ น.ส.เนติพร เสน่ห์สังคม หรือ บุ้ง ทะลุวัง