ปูด‘มุ้งเฉลิมชัย’ยึดกก.บห. เหตุกลุ่มมาร์ควอล์กเอาต์

ปูดเบื้องหลัง “ส.ส.มุ้งเฉลิมชัย” ไม่โหวตงดเว้นน้ำหนักลงมติ 70:30 วาง "นราพัฒน์" นั่งหัวหน้าพรรค สาย "เฉลิมชัย-เดชอิศม์-ชัยชนะ" กว่า 80% ยึด กก.บห.เบ็ดเสร็จ เป็นเหตุให้ “กลุ่มเพื่อนมาร์ค” ไม่พอใจโผ กก.บห.ชุดใหม่จนทำองค์ประชุมล่ม "ชัยชนะ" ลั่นทุกคนต้องยอมรับกติกาและการเปลี่ยนแปลง เผยนัด 25 ส.ส.ถกทิศทางโหวตนายกฯ 12 ก.ค.นี้ ถือเป็นหน้าที่และอำนาจ ส.ส.ในการตัดสินใจ

เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีการประชุมใหญ่วิสามัญประจำปี 2566 ของพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ว่า สาเหตุที่สมาชิกพรรคที่เป็นองค์ประชุมที่สนับสนุนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯ และอดีตหัวหน้าพรรค เดินทางกลับโดยไม่เข้าร่วมประชุมในภาคบ่ายเมื่อเข้าสู่วาระการพิจารณาเลือกคณะกรรมการบริหาร (กก.บห.) พรรคชุดใหม่ โดยเฉพาะบรรดาผู้ใหญ่และสมาชิกอาวุโส ทั้งที่การยื่นญัตติของดเว้นข้อบังคับพรรคที่ 37 ของนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รักษาการรองหัวหน้าพรรคภาค กทม. เพื่อขอให้ที่ประชุมใหญ่เลื่อนการเลือกตั้งคณะ กก.บห.ชุดใหม่นี้ออกไปก่อน เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายได้จับเข่าคุยกัน โดยไม่ต้องเลือกหัวหน้าพรรคและ กก.บห.ชุดใหม่ตามกรอบเวลา 60 วัน ตามที่ข้อบังคับพรรคกำหนดไว้ ถูกกลุ่ม 18 ส.ส.ปัจจุบันของพรรค ซึ่งถือเป็นโหวตเตอร์สัดส่วน 70% ไม่โหวตให้ ญัตติจึงตกไป ทั้งที่เป็นแนวทางรอมชอมที่ดีที่สุด 

ทั้งนี้ เพราะผู้อาวุโสที่เป็นองค์ประชุมในกลุ่มผู้สนับสนุนนายอภิสิทธิ์ได้รับทราบข้อมูลมาว่า มีการทำโผที่ได้กำหนดตัวบุคคลที่จะเข้าสู่ตำแหน่ง กก.บห.พรรคไว้หมดทั้งระบบแล้ว ซึ่งเป็นการวางตัวบุคคลที่เป็นทั้ง ส.ส.และอดีต ส.ส. โดยส่วนใหญ่ 80% ล้วนเป็นคนในสายหรือ ในกลุ่มของนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รักษาการเลขาธิการพรรค นายเดชอิศม์ ขาวทอง ส.ส.สงขลา และรองหัวหน้าพรรคภาคใต้ รวมถึงนายชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราช และรักษาการรองเลขาธิการพรรค ซึ่งได้วางตัวคนในอาณัตินั่งในตำแหน่งหลักต่างๆ ในคณะ กก.บห.พรรคชุดใหม่ โดยไม่มีคนในขั้วของนายชวน หลีกภัย, นายบัญญัติ บรรทัดฐาน หรือคนของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อยู่เลย

 สำหรับโผตัวบุคคลในกลุ่มนายเฉลิมชัย, นายเดชอิศม์ และนายชัยชนะที่วางไว้ ทั้งผู้เสนอชื่อและผู้ถูกเสนอชื่อเพื่อเข้าเป็น กก.บห.พรรคชุดใหม่ มีดังนี้ นายนราพัฒน์ แก้วทอง เป็นหัวหน้าพรรค นายสมบัติ ยะสินธุ์ ส.ส.แม่ฮ่องสอน รองหัวหน้าพรรคภาคเหนือ นายวุฒิพงษ์ นามบุตร ส.ส.อุบลราชธานี รองหัวหน้าพรรคภาคตะวันออกเฉียงเหนือ นายประมวล พงศ์ถาวราเดช ส.ส.ประจวบคีรีขันธ์ รองหัวหน้าพรรคภาคกลาง นายชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราช รองหัวหน้าพรรคภาคใต้ นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ รองหัวหน้าพรรค กทม.

ส่วนตำแหน่งรองหัวหน้าพรรคภารกิจ 8 คน ประกอบด้วย น.ส.จิตภัสร์ กฤดากร อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ น.ส.วทันยา บุนนาค, นายนริศ ขำนุรักษ์ อดีต ส.ส.พัทลุง พล.ต.ต.สุรินทร์ ปาลาเร่ ส.ส.สงขลา นายสากล ม่วงศิริ อดีต ส.ส.กทม. นายธารา ปิตุเตชะ อดีต ส.ส.ระยอง นายอภิชาต ศักดิเศรษฐ์ อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช และนายมนตรี ปาน้อยนนท์ อดีต ส.ส.ประจวบคีรีขันธ์

 สำหรับรองเลขาธิการพรรค 6 คน ได้แก่ น.ส.สุพัชรี ธรรมเพชร ส.ส.พัทลุง นายจักพันธ์ ปิยพรไพบูลย์ ส.ส.ประจวบคีรีขันธ์ น.ส.สุณัฐชา โล่สถาพรพิพิธ ส.ส.ตรัง นายชนินทร์ รุ่งแสง อดีต ส.ส.กทม. นายสมชาติ ประดิษฐพร อดีต ส.ส.สุราษฎร์ธานี และนางกันตวรรณ ตันเถียร อดีต ส.ส.พังงา

 นอกจากนี้ กรรมการบริหารพรรค 8 คน ดังนี้ นายประกอบ รัตนพันธ์ อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช นายเมฆินทร์ เอี่ยมสอาด, ดร.ยูนัยดี วาบา ส.ส.ปัตตานี ดร.เจนจิรา รัตนเพียร, นายยุพราช บัวอินทร์, น.ส.ปุณณ์สิริ บุณยเกียรติ, นายอิสรพงษ์ มากอำไพ และ น.ส.พลอยทะเล ลักษมีแสงจันทร์ มีนางเจิมมาศ จึงเลิศศิริ อดีต ส.ส.กทม.เป็นเหรัญญิก นายธนิตพล ไชยนันทน์ อดีต ส.ส.ตาก เป็นนายทะเบียน และนายราเมศ รัตนะเชวง เป็นโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ เป็นต้น

ด้านนายชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราช ในฐานะรักษาการรองเลขาธิการพรรค ปชป. โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว หัวข้อ "นิทานเรื่องรถน้ำมันไฟกับรถไฟฟ้า" ระบุว่า "มีลุงคนหนึ่ง ซึ่งเป็นคนที่รักในระบอบประชาธิปไตย เรื่องมีอยู่ว่าลุงกับหลานคนนี้มีความคิดเห็นไม่ตรงกัน ในการเลือกใช้รถน้ำมันและรถไฟฟ้า ลุงกับหลานและสมาชิกในครอบครัวกำลังถกเถียงหารือกันเรื่องเปลี่ยนรถกัน เนื่องจากรถคันเก่าครบอายุการใช้งาน ได้เวลาในการเปลี่ยนคันใหม่

หลานจึงเสนอให้ซื้อรถไฟฟ้าดีกว่า เพราะเนื่องจากว่าสมัยนี้มีการเปลี่ยนแปลงใช้พลังงานบริสุทธิ์เยอะ และที่สำคัญรถไฟฟ้าประหยัดกว่าเยอะ แต่ลุงก็บอกหลานว่าจะต้องการรถน้ำมันเพราะรถยี่ห้อนี้เคยใช้มานานแล้ว แต่หลานยังยืนยันต้องการใช้รถไฟฟ้า

จึงเป็นเหตุให้ต้องหารือสมาชิกในครอบครัว โดยมีสมาชิกในครอบครัวท่านหนึ่งได้เสนอให้ยกเว้นกฎในครอบครัวว่า ทุกคนต้องมีสิทธิ์เท่าเทียมกัน แต่หลานบอกว่าไม่เอาขอให้คนที่ทำงานหนักและเป็นตัวแทนครอบครัวมีน้ำหนักเสียงมากกว่าคนอื่น สรุปทุกคนต้องการให้โหวตเสียงให้ยกเว้นกฎระเบียบของครอบครัว ทุกคนก็เห็นด้วย แต่สุดท้ายการโหวตยกเว้นกฎระเบียบแพ้ให้กับหลาน ที่ยืนยันให้ใช้เสียงตามกฎระเบียบครอบครัว

หลังจากนั้นก็ถึงการโหวตว่าจะใช้รถน้ำมัน/รถไฟฟ้าแต่สุดท้ายมีสมาชิกในครอบครัวบางคนไม่เข้าประชุม ทำให้ประชุมต่อไปไม่ได้ ทำให้ต้องเลื่อนการโหวตออกไป

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่าทุกคนต้องยอมรับกติกา ยอมรับการเปลี่ยนแปลงและยอมรับโลกในปัจจุบัน ถ้าเราคิดแต่เรื่องความสำเร็จที่ผ่านมาและยังเชื่อมั่นแนวทางเดิม วันหนึ่งเราจะไม่เหลือใครเลย ถ้าเราไม่ยอมรับความจริง" นายชัยชนะระบุ

โดยนายชัยชนะได้เปิดเผยถึงทิศทางการโหวตเลือกนายกฯ ว่า ส.ส.ทั้ง 25 คนของพรรคจะประชุมหารือแนวทางการลงมติโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีร่วมกับกรรมการบริหารพรรคชุดรักษาการในวันที่ 12 ก.ค.ช่วงบ่ายที่รัฐสภา หลังการประชุมสภาผู้แทนราษฎรนัดแรก ภายหลังการประชุมใหญ่วิสามัญเมื่อวันที่ 9 ก.ค.เกิดปัญหาองค์ประชุมล่มและยังไม่มีการเลือกหัวหน้าพรรคและ กก.บห. ชุดใหม่ ซึ่งถือเป็นหน้าที่และอำนาจของ ส.ส.ในการตัดสินใจ ซึ่งจะได้คำตอบในวันดังกล่าว ส่วนการเลือกหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารใหม่นั้น ก็คาดว่าจะเกิดขึ้นโดยเร็วเพื่อให้เป็นไปตามข้อบังคับพรรค

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ยอมรับว่า เป็นไปได้ยากที่จะมีการเรียกนัดประชุมใหญ่วิสามัญ เพื่อเลือกหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ภายใน 1-2 วันนี้ เพื่อให้ทันก่อนจะมีการประชุมรัฐสภาเพื่อโหวตเลือกนายกฯ ในวันที่ 13 ก.ค.นี้ เนื่องจากจำเป็นต้องมีการประสานกับสาขาพรรคและนัดประชุมล่วงหน้า ซึ่งไม่สามารถทำได้ทัน โดยระหว่างนี้กรรมการบริหารพรรคชุดรักษาการยังคงทำหน้าที่ต่อไป ส่วนตัวเชื่อว่าการประชุมครั้งหน้าจะไม่ยืดเยื้อ ส่วนแนวทางการโหวตเลือกนายกฯ กรรมการบริหารพรรคชุดรักษาการจะมีการนัดหารือกับ ส.ส.ของพรรคทั้ง 25 คนอีกครั้ง

ขณะที่นางกาญจนี วัลยะเสวี หรือติ๊งต่าง เจ้าของฉายาไฮโซสปอร์ตคลับ ซึ่งสนับสนุนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า "ถ้าฉันคิดจะเป็นหัวหน้าพรรคการเมือง ฉันจะต้องไม่ 1.ใช้เงินซื้อคนในพรรคให้โหวตให้ตนเอง 2.ฉันจะไม่ใช่นักพนัน ที่วันๆ เอาแต่เข้าบ่อน 3.ฉันจะไม่หลอก ปชช.ว่าฉันทำงาน มีผลงาน แท้จริงฉันใช้ให้คนอื่นทำงานแทน 4.ฉันจะไม่มีทีมงานที่รับเงินเทาๆ 5.ฉันจะไม่อยากเป็นหัวหน้าพรรคเพียงเพื่อต้องการเอาพรรคไปร่วม รบ.เพื่อต่อรองขอตำแหน่งเขาไปทำงานหารับประทาน 6.ฉันจะไม่โกหกปลิ้นปล้อนหลอกลวง ปชช. เพราะ ปชช.เขารู้กันหมดแล้วว่าใครอยู่เบื้องหลังความชั่วร้ายทั้งหมด".

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง