‘วิชา’ซัดอุปถัมภ์ฝังราก โครงการสังคมโกงที่สุด

“ฅนธรรมศาสตร์” มองปัญหาทางออกสังคมไทย “วิชา”  เผยยิ่งเป็นโครงการสังคมยิ่งดึงดูดเสือหิวมางาบ เพราะรู้คนด้อยโอกาสไร้ทางสู้ ย้ำระบบอุปถัมภ์ฝังรากลึกทำให้เหลื่อมล้ำเรื่องความยุติธรรม “ชวน” เตือนสติ มธ.ผลิตบัณฑิตต้องยึดมั่นตามแนวทางก่อตั้งมหา’ลัย “ศิริกัญญา”  ชำแหละรัฐบาลเละ ทั้งดิจิทัล-ส.ป.ก.

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 21 มกราคม 2567   ที่หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ได้จัดงาน 2 ทศวรรษแห่งการแบ่งปัน 9 ทศวรรษแห่งการสร้างสรรค์สังคม เนื่องในโอกาสครบรอบ 20 ปีกองทุนทำบุญวันเกิดกับธรรมศาสตร์ และ 90 ปีการสถาปนามหาวิทยาลัย โดยได้จัดเวทีเสวนาพิเศษ  “มุมมองฅนธรรมศาสตร์ มองปัญหาสู่ทางออกสังคมไทย ปัญหาคอร์รัปชัน  เศรษฐกิจและตำรวจ”

โดย ศ.พิเศษวิชา มหาคุณ อดีตกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวเสวนาหัวข้อคอร์รัปชัน ช่วงหนึ่งว่า ปัญหาหนักมาก หลายภาคส่วนยังไม่ได้ทำงานกันอย่างจริงจังเพื่อให้บรรลุผล ซึ่งนิสัยคนไทยนั้นต่างทำ ยังไม่เห็นว่าปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นปัญหาร้ายแรงครอบคลุมทุกมิติ จึงจำเป็นต้องกระตุ้นให้เยาวชนรุ่นใหม่รู้ถึงปัญหาทุจริตคอร์รัปชันร้ายแรงเพียงใด

 “ปัญหาทุจริตคอร์รัปชันกระทบการพัฒนาด้านเศรษฐกิจ การพัฒนาสังคม  การเจริญเติบโตทางด้านเศรษฐกิจ จะเห็นได้ว่าส่วนต่างๆ เหล่านี้มันขยายตัวการทุจริตทั่วทุกหนทุกแห่ง เช่นเดียวกันกับสิ่งแวดล้อมเรียกว่ากรีนคอร์รัปชัน  ขณะนี้ปัญหากรีนคอร์รัปชันเป็นปัญหาร้ายแรงที่สุดในโลก เพราะกำลังมีการทำลายสิ่งแวดล้อม โลกวิปริตไปหมดแล้วด้วยน้ำมือมนุษย์ เพราะฉะนั้นต้องให้เยาวชนทุกคนตระหนักรู้รักษาผลประโยชน์ของประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม”

ศ.พิเศษวิชากล่าวอีกว่า การทุจริตหรือคอร์รัปชันจะเป็นการบั่นทอนความเจริญของเศรษฐกิจ ไม่สามารถไปช่วยเหลือคนยากจนที่ด้อยโอกาสได้ โครงการต่างๆ ที่เป็นโครงการสังคมที่ดีเราจะพบว่ามีการทุจริตมาก เป็นแหล่งเสือหิว เสือโหย เพราะเขาเห็นว่าสามารถจัดการได้ดีที่สุด เพราะคนด้อยโอกาสไม่มีแรงเพียงพอต่อต้านการทุจริต เมื่อมาเอาของไปก็ได้แต่นั่งมองตาปริบๆ ไม่ได้ต่อสู้หรือต่อต้านอะไร โครงการเหล่านี้บอกได้เลยว่าตกหล่นเป็นเงินทอนไปเยอะแยะ เหลือแทบไม่คุ้มกับการลงทุนสร้างประโยชน์ให้กับประชาชน เช่นเดียวกันกับด้านการศึกษาขั้นพื้นฐาน เงินงบประมาณแผ่นดิน ทั้งที่จะสร้างเด็กดีๆ แทบไม่เห็นหัวเลย

“ปัญหาความเหลื่อมล้ำด้านความยุติธรรมเป็นปัญหาที่น่าตลก เพราะเราต้องการความยุติธรรม แต่เรากลับไม่อยากให้ความยุติธรรมแก่ใครนอกจากพวกเดียวกันเอง การเลือกปฏิบัติเป็นการก่อให้เกิดการละเมิดสิทธิมนุษยชนก่อให้เกิดระบบอุปถัมภ์ขึ้นมา ระบบอุปถัมภ์เป็นดีเอ็นเอของคนไทย คนไทยหนีไม่พ้นในเรื่องของพรรคพวกพ้อง น้องพี่ ระบบอุปถัมภ์ฝังรากลึกในพลเมืองของเรา” นายวิชากล่าว

นายชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรี และอดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวปาฐกถาพิเศษ “Looking back & forward : เหลียวหลังแลหน้า ธรรมศาสตร์ และประชาชน” ว่าตั้งแต่ 90 ปีที่แล้ว เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง 24 มิถุนายน 2475 คณะราษฎรประกาศหลักการ 6 ข้อ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ หลักให้โอกาสในการศึกษา ซึ่งเป็นเหตุผลที่เมื่อมีการปกครองในระบอบรัฐธรรมนูญแล้ว ก็เป็นการสมควรบำรุงการศึกษาวิชาธรรมศาสตร์และการเมืองในระดับมหาวิทยาลัยเช่นนานาประเทศ จึงจัดตั้งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และการเมืองขึ้นเป็นพิเศษ และตลาดวิชาสมัยนั้นเข้มแข็ง นักศึกษาเข้ามามาก ออกไปน้อย ไม่มีการขอคะแนนอาจารย์ ทำให้คนจบธรรมศาสตร์สมัยนั้นมีความเข้มแข็งทางความรู้ไม่น้อยกว่าที่ไหน แต่ทุกมหาวิทยาลัยต่างพัฒนาหลักสูตร ดังนั้น สิ่งที่สำคัญคือการปลูกฝังให้มีความคิดในประชาธิปไตย และซื่อตรงสุจริต อยากให้ธรรมศาสตร์เป็นส่วนหนึ่งของความเชื่อในสังคม ซึ่งในยุคปัจจุบันนี้ ขอฝากเน้นให้มหาวิทยาลัย ผลิตศิษย์ที่มีความรับผิดชอบ เพราะเมื่อศิษย์มีความรับผิดชอบแล้ว ก็จะไม่ทุจริตคอร์รัปชัน ตลอดจนให้ศิษย์ยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตย หลักนิติธรรม และมีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นสำคัญ นี่คือสิ่งที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์กับประชาชนนั้นเชื่อมโยงกัน สร้างบัณฑิตออกไปรับใช้ประเทศชาติและประชาชน

“มหาวิทยาลัยก็ผ่านชีวิตเหมือนกับพวกเรา ทั้งลุ่มๆ ดอนๆ ทั้งดีทั้งร้าย แต่แน่นอนที่สุด ตราบเท่าที่เรายังมีหลักการอยู่ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในบ้านเมือง ถ้ามหาวิทยาลัยของเรายังมีหลักยึดมั่นแนวทางตั้งแต่เริ่มต้น เป็นบ่อน้ำสำหรับดื่มกิน แม้ขณะนี้มีบ่อเกิดขึ้นมากมาย แต่บ่อนี้ก็จะเป็นน้ำพิเศษ ไม่ทะนงว่าดีกว่าที่อื่น แต่ไม่ด้อยกว่าที่ไหน หากผู้บริหารและครูบาอาจารย์ของเราเชื่อมั่นสิ่งที่เกิดมาตั้งแต่ 90 ปีที่แล้ว และดำรงสิ่งนี้ต่อไป ผมเชื่อว่าธรรมศาสตร์จะผลิตบัณฑิตเพื่อรับใช้ประชาชน รับใช้บ้านเมือง ที่จะเป็นประโยชน์ต่อไปในอนาคต” นายชวนกล่าว

น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) กล่าวในหัวข้อเศรษฐกิจว่า การจะทำให้ไทยหลุดจากกับดักประเทศรายได้ปานกลาง ปัญหาเชิงโครงสร้าง ทั้งความเหลื่อมล้ำ และปัญหาคอร์รัปชัน เป็นเรื่องหลักที่รัฐบาลต้องแก้ และการที่ช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจนถ่างออกไปเรื่อยๆ จึงเป็นผลให้มีนโยบายกระตุ้นอย่างดิจิทัลวอลเล็ตออกมา แต่นโยบายขจัดความยากจนต่างๆ ก็เป็นอาหารอันโอชะของคนที่อยากจะคอร์รัปชันเช่นกัน

ส่วนปัญหาภาคการเกษตร น.ส.ศิริกัญญากล่าวว่า ถ้าพูดแบบใจร้ายที่สุด ประเทศเรามีคนในภาคเกษตรมากจนเกินไป แต่ผลิตของออกมาได้คุณภาพต่ำ ทำให้เราไม่สามารถเติบโตไปข้างหน้าได้ ด้วยภาคเกษตรที่ใหญ่โตเทอะทะ แต่ไร้ประสิทธิภาพ จากการที่ภาครัฐเข้าไปอุดหนุนภาคเกษตรอยู่เรื่อยๆ เป็นการเลี้ยงคน เลี้ยงไข้ และเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้จีดีพีของภาคเกษตรไม่ไปไหน ถ้าเราอยากเห็นทางออกในเรื่องนี้ เราต้องทำให้การอุดหนุนน้อยลง ขณะเดียวกันต้องพยายามหยุดแช่แข็งภาคเกษตรและชนบทไทย อย่างเรื่องการให้ที่ดินทำมาหากิน หรือการให้ ส.ป.ก. เหมือนเป็นการกักขังให้เขาอยู่เฉพาะภาคเกษตร เพราะคนที่ได้ ส.ป.ก. อาจจะไม่อยากทำเกษตรตลอดชีวิต เขาอาจอยากขายของหน้าบ้านหรือทำโฮมสเตย์ แต่ก็ทำไม่ได้ จึงควรต้องมีการปลดล็อก และหยุดแช่งแข็ง และต้องคิดเสมอว่าจะต้องทำให้เขาหลุดพ้นจากบ่วงนี้ไปให้ได้

น.ส.ศิริกัญญากล่าวว่า ในส่วนการลงทุนที่ต่ำของประเทศ ทั้งเอกชนและภาครัฐ ทุกวันนี้แม้จะผ่านวิกฤตโควิด แต่ก็ยังไม่ฟื้นตัวอยู่ในระดับก่อนวิกฤตต้มยำกุ้ง การลงทุนมีน้อย การพัฒนาฝีมือก็ยังอยู่แบบเดิมๆ และประเทศไทยก็ไม่ชอบลงทุนกับนวัตกรรม แต่ชอบการลงทุนผ่านคอร์รัปชันเพื่อให้ได้สิทธิ์ในการผูกขาดอาจจะจ่ายมาก แต่จ่ายแล้วจบ มีความเสี่ยงต่ำ และผลตอบแทนสูง สุดท้ายเศรษฐกิจในประเทศก็อ่อนแอ

น.ส.ศิริกัญญากล่าวต่อว่า คำตอบยังเป็นเรื่องของการแจกเงินหรือไม่ ซึ่งอาจจะเป็นไปได้ เพื่อให้เศรษฐกิจฟื้นมาในระยะสั้น ทางออกจะยังเป็นการแจกเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจอยู่หรือเปล่า แต่หัวใจสุดท้ายอยู่ที่ Execution หรือ Implementation ลำพังตัวเองและ ป.ป.ช. ก็ไม่อาจขัดขวางโครงการใหญ่ของรัฐบาลได้ ไม่ว่าคิดมาดีแค่ไหน แต่ถ้าตกม้าตาย ต่อให้ใครก็ช่วยไม่ได้ ไม่มีใครทำให้โครงการล้มได้นอกจากตัวท่านเอง

น.ส.ศิริกัญญากล่าวทิ้งท้ายว่า เป็นเรื่องเทคนิคว่าทำไมประเทศถึงไม่เรียกว่าวิกฤต ซึ่งอาจค้านสายตาประชาชนทั่วไป ว่าตอนนี้ประชาชนรู้สึกวิกฤตมากแล้ว ต้องการความช่วยเหลือ แต่ตัวบทกฎหมายเขียนไว้อย่างชัดเจน เราไม่ควรทำให้เกิดบรรทัดฐานใหม่ขึ้นมาที่ไม่ต้องรอให้ประเทศเกิดวิกฤต ก็สามารถกู้ได้เลยแบบนี้ ก็ไม่ต้องมีงบประมาณรายจ่ายประจำปีแล้ว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ทบ.เดือดจัด ซัด‘เฮงรัตนา’ จอมลวงโลก

โฆษก ทบ.จี้นานาชาติจับตา “เฮง รัตนา” ผอ. CMAC กัมพูชา เผยแพร่ข้อมูลเท็จ บ่อนทำลายความไว้วางใจและสันติภาพในภูมิภาค ใช้จินตนาการปั้นแต่งเรื่องราวเพื่อหลอกลวงสังคมโลก

‘ราชินี’แรงบันดาลใจคนรุ่นใหม่

ในหลวงพระราชทานถ้วยรางวัลนักกีฬาเรือใบ “ภูเก็ตคิงส์คัพรีกัตต้า” ครั้งที่ 37 พระราชินีทรงแข่งเรือใบรอบชิงชนะเลิศ ทำให้เรือวายุมีคะแนนดีที่สุดในการแข่งขัน

‘อนุทิน’ล่องลงใต้ ขออภัยผมผิดเอง

"อนุทิน" นำคณะ ครม.ลงใต้อีกรอบ เตรียมตั้งกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติส่วนหน้า ที่ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 12

พท.ขึงขังซักฟอก อ้างเหตุเพราะมีคนตายปากกล้าขาสั่นท้าไม่กลัวยุบสภา

พรรคเพื่อไทยจะเอาทุกอย่าง ซักฟอกดิสเครดิตรัฐบาลก่อนเลือกตั้ง บีบพรรคส้มตัดสินใจ เชื่อ "อนุทิน" ไม่ยุบสภา ไม่กระทบรัฐธรรมนูญ "สรวงศ์" ลั่น

รำลึกพ่อหลวงร.9 ในหลวง-พระราชินีทรงบำ เพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน

ในหลวง-พระราชินี ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพรัชกาลที่ 9 และสถาปนาพระอิสริยศักดิ์เฉลิมพระนามพระอัฐิสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมพระนราธิวาสราชนครินทร์ บดินทรเชษฐภคินี