ธ.ค.เปิดชื่อแจกหมื่นเฟส2 หั่นเงินส่งFIDFแลกแก้หนี้

“คลัง” ปักธงแจกหมื่นเฟส 2 เป็นเงินสด ให้กลุ่มอายุ 60 ปีขึ้นไป 4 ล้านราย จ่อประกาศผู้ผ่านเกณฑ์เดือน ธ.ค. ส่วนเฟส 3 เตรียมตัว คาดเริ่ม เม.ย.68 “แบงก์ชาติ” ขานรับมาตรการแก้หนี้ครัวเรือน หั่นเงินนำส่ง FIDF เหลือ 0.23% นาน 3 ปี “สุริยะ” เล็งแจกของขวัญปีใหม่ จัดแพ็กเกจทางด่วนฟรี-รถโดยสารสาธารณะ กษ.ชง  นบข. 25 พ.ย. ของบ 3.8 หมื่นล้าน จ่ายชาวนาไร่ละพัน

เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการแจกเงิน 10,000 บาท  เฟส 2 สำหรับผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ไม่เกิน 4 ล้านคน ว่ากระทรวงการคลังวางเป้าหมายประกาศผลผู้ที่ผ่านเกณฑ์รับเงิน 10,000 บาท ผ่านแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” ให้อยู่ภายในเดือน ธ.ค.2567 เมื่อทราบผลว่าผ่านเกณฑ์แล้ว ย้ำว่าผู้มีสิทธิ์จะต้องเร่งดำเนินการลงทะเบียนพร้อมเพย์ที่ผูกกับเลขบัตรประชาชน เพื่อรอรับการจ่ายเงินของรัฐบาลต่อไป  อย่างไรก็ตาม หากพบว่าข้อมูลผิดพลาดไม่ถูกต้อง สามารถยื่นอุทธรณ์สิทธิได้

สำหรับผู้สูงอายุที่ไม่มีสมาร์ทโฟน หรือผู้สูงอายุที่ลงทะเบียนไม่สำเร็จ หรือยืนยันตัวตนผ่านระบบ KYC ไม่ผ่าน มีคำถามว่าจะได้รับเงินหมื่นหรือไม่นั้น ประเด็นนี้กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างการพิจารณาเพื่อหาช่องทางแก้ปัญหาให้ทันกับช่วงเวลา แต่หากดำเนินการไม่ทัน จะโยกกลุ่มนี้ไปรับสิทธิในเฟส 3 ต่อไป ซึ่งจะได้รับเป็นเงินดิจิทัล แต่ต้องเป็นผู้ที่ผ่านเกณฑ์ตามที่รัฐบาลกำหนด โดยกระทรวงการคลังเตรียมเปิดลงทะเบียนสำหรับกลุ่มที่ไม่มีสมาร์ทโฟนในเร็วๆ นี้ ส่วนกำหนดการจ่ายเงินขณะนี้ยังไม่สามารถระบุได้ เนื่องจากกระบวนการทั้งหมดยังไม่แล้วเสร็จ แต่เชื่อมั่นว่าจะโอนเงินให้ประชาชนได้ก่อนช่วงเทศกาลตรุษจีน หรือ 29 ม.ค.2568

 นายจุลพันธ์กล่าวว่า งบประมาณในการทำโครงการแจกเงินหมื่น เฟสแรก สำหรับกลุ่มเปราะบางและผู้พิการ จำนวน 14.5 ล้านคน อยู่ที่ 1.45 แสนล้านบาท ส่วนเฟสที่ 2 สำหรับผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป 4 หมื่นล้านบาท ขณะที่โครงการระยะที่ 3 จะใช้วงเงินที่เหลืออีก 1.4 แสนล้านบาท คาดจะเริ่มช่วงเดือน เม.ย.-มิ.ย.2568 หลังจากจัดทำและทดสอบระบบดิจิทัลวอลเล็ตเสร็จสมบูรณ์แล้ว  โดยกลุ่มนี้จะได้รับเงิน 10,000 บาท เพื่อใช้ผ่านระบบวอลเล็ตเท่านั้น ไม่มีการแจกเป็นเงินสด

วันเดียวกัน นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า วันนี้ (20 ก.ย.67) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) โดยคณะกรรมการนโยบายสถาบันการเงิน (กนส.) มีการประชุมเพื่อพิจารณารายละเอียดการแก้ไขหนี้ครัวเรือน โดยปรับลดเงินนำส่งเข้ากองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (FIDF) ของธนาคารพาณิชย์ลงครึ่งหนึ่ง เหลือ 0.23% จากเดิม 0.46% รวมถึงเงินสนับสนุนจากภาคธนาคาร โดยเบื้องต้นคาดว่าจะลดเงินนำส่งเข้ากองทุน FIDF เป็นระยะเวลา 3 ปี เท่ากับระยะเวลาการพักดอกเบี้ย ทั้งนี้ ยืนยันว่าการลดเงินนำส่งจะไม่กระทบต่อการชำระหนี้คืนหนี้ FIDF และฐานะของประเทศ

สำหรับลูกหนี้ที่เป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ที่จะได้รับความช่วยเหลือ ประกอบด้วย 3  กลุ่ม คือ 1.หนี้ที่อยู่อาศัยไม่เกิน 3 ล้านบาท โดยต้องเป็น NPL ไม่เกิน 1 ปี นับตั้งแต่ 31 ต.ค.2567 เพื่อป้องกันการตั้งใจผิดนัดชำระหนี้ 2.หนี้รถยนต์ ไม่เกิน 8 แสนบาทต่อคัน โดยต้องเป็น NPL ไม่เกิน 1 ปี และ 3.หนี้เอสเอ็มอีที่กู้เพื่อประกอบอาชีพ วงไม่เกิน 3 ล้านบาท และต้องเป็น NPL ไม่เกิน 1 ปี ทั้งนี้ จำนวนคนที่เป็นหนี้เสีย ประมาณ 2.3 ล้านบัญชี แบ่งเป็น หนี้บ้าน 4.6 แสนบัญชี คิดเป็นมูลหนี้ 4.8 แสนล้านบาท, หนี้รถยนต์ 1.4 ล้านบัญชี มูลหนี้ 3.75 แสนล้านบาท และหนี้เอสเอ็มอีกู้เพื่อประกอบอาชีพ 2.3 ล้านบัญชี มูลหนี้ 4.54 แสนล้านบาท โดยทั้งหมดคิดเป็นมูลหนี้ที่เข้าเกณฑ์ที่จะได้รับการช่วยเหลืออยู่ที่ 1.31 ล้านล้านบาท โดยผู้ที่ต้องการรับความช่วยเหลือจะต้องเข้าไปยืนยันตัวตนกับธนาคารเจ้าหนี้เท่านั้น จะไม่ได้รับการช่วยเหลือโดยอัตโนมัติ

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวถึงความคืบหน้าการจัดแพ็กเกจของขวัญปีใหม่ให้ประชาชน นอกเหนือเรื่องการเพิ่มเที่ยวบินว่า คงจะมีการประสานเรื่องค่าทางด่วนบางเส้น เพื่อให้ประชาชนใช้ได้ฟรี โดยขณะนี้รอรายละเอียดจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงแพ็กเกจที่เกี่ยวข้องกับรถบัสโดยสารสาธารณะ ยืนยันว่ารัฐบาลต้องการลดภาระให้ประชาชน อย่างไรก็ตาม มาตรการยกเว้นภาษีน้ำมันเครื่องบินนั้น  จากการดูข้อมูลแล้วไม่สามารถลดได้

ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จากกรณีมติของที่ประชุมคณะอนุกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติด้านการผลิต ครั้งที่ 1/2567 มีความเห็นให้ปรับเปลี่ยนเป็นสนับสนุนค่าเก็บเกี่ยวข้าว อัตราช่วยเหลือไร่ละ 500 บาท ไม่เกิน 20 ไร่ วงเงินรวมดอกเบี้ย 3.05% จำนวน 27,550.96 ล้านบาท เสนอ นบข.พิจารณาให้ความเห็นชอบต่อไป ตามที่มีรายงานไปเมื่อวันที่ 19 พ.ย.ที่ผ่านมานั้น

ล่าสุด มีรายงานเพิ่มเติมว่า กระทรวงเกษตรฯ ได้รับข้อเรียกร้องจากเกษตรกรจำนวนมาก ให้พิจารณาถึงเรื่องดังกล่าวอีกครั้งหนึ่ง เนื่องจากเกษตรกรรายย่อยของไทยส่วนใหญ่มีที่ดินไม่เกิน 10 ไร่ เงินช่วยเหลืออาจจะไม่เพียงพอ ทำให้นำมาพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง จึงได้ข้อสรุปว่า ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) ในวันจันทร์ที่ 25 พ.ย.นี้ คณะอนุกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติด้านการผลิต ที่มีนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จะเสนอการช่วยเหลือชาวนาในโครงการช่วยสนับสนุนค่าเก็บเกี่ยวข้าวเป็น 1,000 บาทต่อไร่ ครัวเรือนละไม่เกิน 10 ไร่

โดยข้อสรุปดังกล่าวเกิดขึ้นเนื่องจากกระทรวงเกษตรฯ พิจารณาถึงผลประโยชน์ของเกษตรกรเป็นที่ตั้ง เพราะหากช่วยเหลือ 1,000 บาทต่อไร่ ตามเดิม เกษตรกรรายย่อยที่มีที่นาเพียง 5 ไร่ ก็ยังจะได้รับเงินช่วยเหลือ 5,000 บาทต่อครัวเรือน แต่หากปรับมาเหลือ 500 บาทต่อไร่ จะได้รับการช่วยเหลือเพียง 2,500 บาทต่อครัวเรือน ซึ่งคาดว่าจะไม่เพียงพอต่อการช่วยเหลือ ทั้งนี้ การช่วยเหลือชาวนาในโครงการช่วยสนับสนุนค่าเก็บเกี่ยวข้าวเป็น 1,000 บาทต่อไร่ จะต้องใช้งบประมาณ 38,578 ล้านบาท มากกว่าเดิมที่มีกรอบวงเงินอยู่ 29,980.1645 ล้านบาท ซึ่งประเด็นนี้จะต้องมีการขอความเห็นจาก นบข.อีกครั้งหนึ่ง.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

รำลึกพ่อหลวงร.9 ในหลวง-พระราชินีทรงบำ เพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน

ในหลวง-พระราชินี ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพรัชกาลที่ 9 และสถาปนาพระอิสริยศักดิ์เฉลิมพระนามพระอัฐิสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมพระนราธิวาสราชนครินทร์ บดินทรเชษฐภคินี

อนุทินโวทำจริง/ปปง.จ่อฟันอีก

นายกฯ ลั่นรัฐบาลจริงจังปราบสแกมเมอร์ บอกแค่ 2 เดือนยึดอายัดทรัพย์หมื่นล้าน-เปิดชื่อเครือข่าย ถามมีใครกล้าทําหรือไม่ ตอกกลับ "เพื่อไทย" ถ้าทำงานห่วยจะให้ย้ายไปคุม