"ทักษิณ" ยันเตรียมพบ "อันวาร์" กำลังรอคอนเฟิร์ม แต่พบที่ฝั่งไทยไม่ได้ข้ามไป คิดการใหญ่บริหารอาเซียนคน 700 ล้าน "ภูมิธรรม" ลั่นพ่อนายกฯ เป็นคนไทยอยากไปไหนก็ได้ เปิดสมุดปกขาวกลาโหมวางยุทธศาสตร์กองทัพ 12 ปี ลดนายพลร้อยละ 50 ในปี 71
เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2567 น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีสื่อมาเลเซียรายงานว่า นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะเดินทางไปพบนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย และนายปราโบโว สุเบียนโต ประธานาธิบดีอินโดนีเซีย ที่เกาะลังกาวี ประเทศมาเลเซีย ในวันที่ 26 ธ.ค.นี้ เพื่อหารือเกี่ยวกับประเด็นยุทธศาสตร์ในภูมิภาคและการพัฒนาอาเซียนว่า ยังไม่ทราบเลย ต้องถามสื่อแล้วว่าเรื่องนี้คอนเฟิร์มแล้วหรือ
ผู้สื่อข่าวถามว่า มองว่าการเดินทางไปครั้งนี้จะได้รับความร่วมมือที่ดีเรื่องการพัฒนาภาคใต้ด้วยหรือไม่ นายกฯ ตอบว่า จริงๆ เราได้รับความร่วมมืออย่างดีอยู่แล้วจากมาเลเซีย และถ้านายทักษิณได้เจอได้พบก็น่าจะเป็นเรื่องที่ดี แต่ไม่ทราบว่าจะได้เจอจริงหรือเปล่า
เมื่อถามว่า นายทักษิณตอบรับที่จะไปคุยใช่หรือไม่ น.ส.แพทองธารกล่าวว่า "เดี๋ยวจะไปถามให้ ยังไม่ได้คุยกันเลย"
ที่ จ.เชียงใหม่ นายทักษิณให้สัมภาษณ์เรื่องนี้ว่า กำลังรอการยืนยันอยู่ แต่เป็นการพบกันในฝั่งไทยไม่ได้ข้ามไป
ถามว่า ได้เตรียมความพร้อมไว้อย่างไรบ้างในการเป็นที่ปรึกษา นายทักษิณตอบว่า ก็คงจะต้องคิดในเรื่องของยุทธศาสตร์ร่วมกันของอาเซียน เพราะระยะหลังอาเซียนก็มักจะพูดของใครของมัน ไม่มียุทธศาสตร์ของอาเซียน ซึ่งอาเซียนนั้นควรจะรวมพลังกัน เพราะเรามีประชากร 700 ล้านคน ถ้าเรารวมกันให้แข็งแรง มันก็เหมือนเป็นประเทศใหญ่ๆ เหมือนกัน ซึ่งจะทำให้มีการต่อรองทางการค้า ซึ่งช่วงนี้สงครามทางการค้าก็หนักขึ้นทุกวัน
ซักว่า เป็นผลดีกับประเทศไทยด้วยใช่หรือไม่ เขายืนยันว่า แน่นอนประเทศไทยเป็นประเทศหลัก เป็นเศรษฐกิจหลักเป็นอันดับ 2 ของอาเซียนอยู่แล้ว
ส่วนนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม บอกว่า ข่าวจริงหรือไม่ก็ยังไม่รู้ เรื่องที่เราควรทราบก็จะทราบ แต่เรื่องนี้ไม่ทราบเพิ่งได้ยิน
เมื่อถามว่า หากมีการนัดกันจริงจะเดินทางไปด้วยหรือไม่ รองนายกฯ ตอบว่า ยังไม่ทราบขอให้นัดก่อน ส่วนนายทักษิณต้องขออนุญาตศาลก่อนเดินทางไปหรือไม่นั้น นายทักษิณก็เป็นประชาชนคนหนึ่ง อยากจะไปไหนก็ได้ อยู่ที่กฎเกณฑ์ที่เขาต้องปฏิบัติ อย่างไรก็ตามข่าวนี้เป็นข่าวของต่างประเทศ อย่าเพิ่งไปคิดว่าจริงหรือไม่ ไม่เช่นนั้นเราก็ต้องหมุนไปกับโลกที่พลุ่งพล่าน
วันเดียวกันนี้ นายภูมิธรรมยังแถลงภายหลังการประชุมสภากลาโหมว่า เป็นการประชุมสภากลาโหมครั้งสุดท้ายของปี 2567 โดยมีเรื่องสำคัญหารือหลายเรื่อง เรื่องแรกคือมีการรายงานการจัดทำสมุดปกขาว ที่กำหนดทิศทางของกองทัพในส่วนต่างๆ เข้ามาอยู่ภายใต้ยุทธศาสตร์เดียวกัน โดยที่ผ่านมาแต่ละหน่วยของกลาโหมมียุทธศาสตร์ของตัวเอง และดำเนินการกันไปไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่ขณะนี้ต้องการให้กำลังพลและส่วนต่างๆ ในกองทัพทั้งหมดเดินไปในทิศทางเดียวกัน รวมถึงสามารถปรับทิศทางกำลังพล กำลังรบ ให้เป็นไปอย่างสอดคล้องกัน และใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่ โดยเป็นการกำหนดทิศทางกองทัพตั้งแต่ปี 2569-2580
ส่วนเรื่องที่ 2 เกี่ยวข้องกับกฎหมายกระทรวงกลาโหม โดยที่ประชุมได้รับทราบรายงานความคืบหน้าและนำร่างแก้ไข พ.ร.บ.กลาโหม ฉบับของนายสุทิน คลังแสง ที่เคยอนุมัติไว้มาพิจารณา เพื่อดำเนินการและนำไปประกบกับร่างของพรรคการเมืองในสภา โดยคณะรัฐมนตรีจะนำร่างของกระทรวงกลาโหมเป็นร่างหลักของรัฐบาล ซึ่งต้องมีการประชุมกลั่นกรอง ทั้งที่ในฐานะที่ตนเป็นประธานก็ได้มีการประชุมกลั่นกรองกันหลายเรื่อง และก็มีข้อวิจารณ์กันหลายเรื่อง เพราะต้องการให้ร่างนี้สอดรับกับความเป็นจริงของกองทัพและกำลังพลต่างๆ รวมถึงสอดรับกับการรับรู้ตามที่ประชาชนอยากเห็นการเปลี่ยนแปลง ดังนั้นต้องมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงโดยเร็วที่สุด ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการในบางประเด็น จากนั้นจะนำเข้าสู่ที่ประชุมสภากลาโหมอีกครั้ง โดยจะใช้เวลาไม่นานเพราะต้องมีการหมุนเวียนและถามความเห็นจากฝ่ายต่างๆ เพื่อเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ให้เป็นร่างของรัฐบาลที่จะประกบเข้าสู่สภา
ส่วนที่ผู้บัญชาการเหล่าทัพได้มีข้อเสนอแนะ หรือท้วงติงในประเด็นการปรับย้ายนายทหารที่เกี่ยวข้องกับการทำรัฐประหารหรือไม่นั้น นายภูมิธรรมกล่าวว่า เป็นเพียงการแจ้งให้ที่ประชุมรับทราบ แต่การพูดคุยกับผู้บัญชาการเหล่าทัพและผู้เกี่ยวข้อง รวมถึงรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม คงจะคุยในรายละเอียดต่อไป แต่สิ่งสำคัญอยู่ที่การทำให้ผลการดำเนินงานต่างๆ ดีที่สุด และบางเรื่องที่เสนอไปไม่ตอบโจทย์หรือสร้างผลกระทบ และเป็นปฏิกิริยาที่ไม่ดีต่อเหล่าทัพ ก็ไม่อยากให้เกิดการสะเทือน เพราะย้ำไปแล้วว่าหากจะมีการปรับเปลี่ยนก็ต้องทำให้เกิดประโยชน์ที่สุด
ด้าน พล.ต.ธนาธิป สว่างแสง โฆษกกระทรวงกลาโหม แถลงว่า ในที่ประชุมสภากลาโหมได้มีการนำเสนอเอกสารยุทธศาสตร์พัฒนากองทัพ พ.ศ. 2569 ถึง 2580 หรือ white paper เพื่อเป็นกรอบแนวทางในการพัฒนาทั้งด้านการเตรียมกำลัง และการใช้กำลังกองทัพให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน นำไปสู่การจัดทำแผนและโครงการรองรับที่เป็นรูปธรรม เพื่อให้ทุกภาคส่วนได้รับทราบและเข้าใจถึงบทบาท รวมทั้งเหตุผลความจำเป็นในการพัฒนากองทัพ
โดยกำหนดแนวทางพัฒนาเชิงยุทธศาสตร์ 3 แนวคิด ได้แก่ 1.การสร้างความร่วมมือด้านความมั่นคงกับต่างประเทศ องค์การระหว่างประเทศ 2.การผนึกกำลังป้องกันประเทศและรักษาผลประโยชน์ของชาติ 3.การปกป้องอธิปไตยและผลประโยชน์ของชาติ
ได้แบ่งการบริหารจัดการเชิงยุทธศาสตร์ที่เน้นหนักไปที่การปรับปรุงโครงสร้าง การจัดหน่วยและอัตรากำลังพลและการปรับลดจำนวนข้าราชการทหาร ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการทยอยปรับลดกำลังพลแล้ว แต่ในภาพรวมทั้งนายทหารสัญญาบัตรและนายทหารประทวน รวมถึงพลอาสาสมัครจะลดลงร้อยละ 5 ภายในปีงบประมาณ 2570
มีเป้าหมายปรับลดนายทหารชั้นนายพล ในตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิและผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ รวมถึงนายทหารปฏิบัติการร้อยละ 50 ไปภายในปีงบประมาณ พ.ศ. 2571 และการจัดทำโครงการเกษียณอายุราชการก่อนกำหนดในระยะต่อไป.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ทบ.เดือดจัด ซัด‘เฮงรัตนา’ จอมลวงโลก
โฆษก ทบ.จี้นานาชาติจับตา “เฮง รัตนา” ผอ. CMAC กัมพูชา เผยแพร่ข้อมูลเท็จ บ่อนทำลายความไว้วางใจและสันติภาพในภูมิภาค ใช้จินตนาการปั้นแต่งเรื่องราวเพื่อหลอกลวงสังคมโลก
‘ราชินี’แรงบันดาลใจคนรุ่นใหม่
ในหลวงพระราชทานถ้วยรางวัลนักกีฬาเรือใบ “ภูเก็ตคิงส์คัพรีกัตต้า” ครั้งที่ 37 พระราชินีทรงแข่งเรือใบรอบชิงชนะเลิศ ทำให้เรือวายุมีคะแนนดีที่สุดในการแข่งขัน
‘อนุทิน’ล่องลงใต้ ขออภัยผมผิดเอง
"อนุทิน" นำคณะ ครม.ลงใต้อีกรอบ เตรียมตั้งกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติส่วนหน้า ที่ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 12
พท.ขึงขังซักฟอก อ้างเหตุเพราะมีคนตายปากกล้าขาสั่นท้าไม่กลัวยุบสภา
พรรคเพื่อไทยจะเอาทุกอย่าง ซักฟอกดิสเครดิตรัฐบาลก่อนเลือกตั้ง บีบพรรคส้มตัดสินใจ เชื่อ "อนุทิน" ไม่ยุบสภา ไม่กระทบรัฐธรรมนูญ "สรวงศ์" ลั่น
'หมอวรงค์' มองภาพ 'เบนสมิธ' ร่วมวง 'ทักษิณ-ธรรมนัส' น่ามีผลต่อปท. มากกว่ารูปเก่า 'อนุทิน'
ภาพที่มีเบน สมิธกับทักษิณ และมีธรรมนัส น่าจะมีน้ำหนักสร้างผลกระทบต่อประเทศชาติมากกว่า เมื่อเทียบกับภาพเมื่อ 10 ปีที่แล้วของนายอนุทิน แต่สิ่งที่นายอนุทินต้องพิสูจน์ อาจจะมีบางสิ่งบางอย่างผ่านมาทางธรรมนัสก็ได้
รำลึกพ่อหลวงร.9 ในหลวง-พระราชินีทรงบำ เพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน
ในหลวง-พระราชินี ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพรัชกาลที่ 9 และสถาปนาพระอิสริยศักดิ์เฉลิมพระนามพระอัฐิสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมพระนราธิวาสราชนครินทร์ บดินทรเชษฐภคินี

