นายกฯ เผย วง ครม.เสนอแผนจัดการฝุ่น PM 2.5 รายกระทรวง และอนุมัติงบกลาง 620 ล.แก้ไฟป่า แนะ “ธนาธร” หาข้อมูลเพิ่ม พร้อมให้อำนาจอธิบดีกรมควบคุมโรคประกาศพื้นที่ควบคุมโรค สั่ง WFH ได้ ใครฝ่าฝืนโทษปรับ 1 แสน ขณะที่ “สุริยะ” ยอมถอยของบกลางนั่งรถไฟฟ้า-เมล์ฟรี เหลือ 185 ล้าน หลังเตรียมผลาญ 329 ล้าน
ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 28 มกราคม น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.นำเสนอแผนการจัดการปัญหาฝุ่น PM 2.5 โดยแต่ละกระทรวงจะทำแยกกันไป อาทิ กระทรวงมหาดไทยสั่งการผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศให้รับมือภัยพิบัติในครั้งนี้ ออกประกาศห้ามเผาให้มีการบริหารจัดการซังข้าวโพด ต้นอ้อยแห้ง ให้ใช้วิธีการฝังกลบแทนการเผา ทำปุ๋ยอินทรีย์ และการใช้เครื่องแพ็กฟาง ตลอดจนร่วมมือกับหน่วยงานความมั่นคงและกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในการเตรียมรับมือดับไฟป่า ขณะที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ให้ดูแลกลุ่มเปราะบางต่างๆ โดยการให้หน้ากากอนามัย N95 และห้องคลีนรูม หรือห้องปลอดเชื้อ เพื่อให้ผู้ป่วยและเด็กเล็กใช้บริการ ฯลฯ
นอกจากนี้ ครม.อนุมัติงบกลางปี 2568 ภายใต้มาตรการรับมือไฟป่าหมอกควัน และฝุ่นละออง ปี 2568 วงเงิน 620 ล้านบาท ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ซึ่งได้กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดใช้งบประมาณอย่างคุ้มค่า และเร่งมือในการแก้ไขปัญหาและป้องกันสถานการณ์ฝุ่นควันที่จะเกิดขึ้นในพื้นที่ต่างๆ
เมื่อถามว่า นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ระบุว่ารัฐบาลมีแต่การสั่งงาน แต่ยังไม่เห็นการติดตามงานหรืออะไรที่เป็นรูปธรรมจากสิ่งที่ได้สั่งไปแล้ว นายกฯ กล่าวว่า อย่างที่ได้รายงานไป ทุกกระทรวงมีการติดตามอย่างใกล้ชิด ก็เป็นงานของรัฐบาล และแต่ละกระทรวงที่ต้องตามหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ยังไงก็สามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ในแต่ละกระทรวงที่แจ้งไว้
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุม ครม.ว่า ในส่วนของกระทรวงเกษตรฯ ที่บอกว่ากรมฝนหลวงไม่ขึ้นบิน เพราะไม่มีงบนั้น ไม่เป็นความจริง นั่นเป็นข่าวเก่าเมื่อ 2-3 ปีที่แล้ว แต่ปัจจุบันกรมฝนหลวงออกบินอย่างน้อยขึ้นบินวันละ 2 รอบ เพื่อลดฝุ่นเจาะชั้นบรรยากาศ ส่วนเที่ยวบินอื่นๆ ได้รับการสนับสนุนจากกองทัพอากาศ เช่น ส่งเฮลิคอปเตอร์ เครื่องบินปีกบน ปีกล่างเพื่อโปรยสารต่างๆ สำหรับทำฝนหลวงบ้าง
ผู้สื่อถามรายงานว่า จากเอกสารประกอบการแถลงข่าว มีรายละเอียดรายงานผลการประชุม ที่ประชุม ครม.เห็นชอบตามที่คณะกรรมการควบคุมโรคจากการประกอบอาชีพและโรคจากสิ่งแวดล้อม ในคราวการประชุมวันที่ 22 ม.ค.2568 ให้กำหนดเขตพื้นที่ที่ต้องมีการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคจากฝุ่น PM 2.5 โดยอาศัยอำนาจตามนัยมาตรา 14 (2) แห่ง พ.ร.บ.ควบคุมโรคจากการประกอบอาชีพและโรคจากสิ่งแวดล้อม พ.ศ.2562 บัญญัติให้อำนาจคณะกรรมการควบคุมโรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อมเสนอเขตพื้นที่ต้องมีการเฝ้าระวัง ป้องกันและควบคุมโรคจากการประกอบอาชีพและโรคจากสิ่งแวดล้อม
แบ่งเป็น 2 ระดับ คือ 1.เขตพื้นที่ที่ต้องมีการเฝ้าระวังและการป้องกันโรค หรืออาการที่เกิดจากการสัมผัสฝุ่น PM 2.5 ที่มีค่าฝุ่นเฉลี่ย 24 ชั่วโมงระดับ 37.5-75 มคก./ลบ.ม. ให้กระทรวงสาธารณสุขร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการแจกหน้ากากอนามัยแก่กลุ่มเปราะบาง จัดเตรียมพื้นที่ห้องปลอดฝุ่นในอาคารสถานที่ เช่น โรงพยาบาล โรงเรียน ศูนย์รับประชาชนกลุ่มเปราะบาง
2.พื้นที่ที่มีปริมาณฝุ่น PM 2.5 เฉลี่ยในรอบ 24 ชม. มากกว่า 75 มคก./ลบ.ม. ให้ใช้มาตการตามข้อ 1 อย่างต่อเนื่อง และเพิ่มเติมคือ ให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นของรัฐ พิจารณาปรับรูปแบบการทำงาน โดยให้บุคลากรทำงานนอกสถานที่ตั้ง เช่น การทำงานจากที่บ้าน และงดกิจกรรมกลางแจ้ง เพื่อลดการสัมผัสฝุ่น PM 2.5 ให้หน่วยงานของรัฐที่มีหน้าที่บังคับใช้กฎหมายเพื่อใช้ในการป้องกันหรือแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 อย่างเคร่งครัด
ให้คณะกรรมการควบคุมโรคจากการประกอบอาชีพและโรคจากสิ่งแวดล้อมจังหวัด หรือคณะกรรมการควบคุมโรคจากการประกอบอาชีพและโรคจากสิ่งแวดล้อม กทม. ให้คำแนะนำแก่อธิบดีกรมควบคุมโรค เพื่อประกาศเขตพื้นที่ที่จำเป็นต้องเฝ้าระวัง ป้องกัน หรือควบคุมโรคที่เกิดจากการสัมผัสฝุ่น PM 2.5 ในกรณีที่หากปล่อยไว้อาจก่อให้เกิดอันตรายอย่างร้ายแรงต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพอนามัยของประชาชนในเขตพื้นที่ เพื่อให้มีการกำหนดมาตรการสำหรับเขตพื้นที่นั้นเป็นการเฉพาะ ซึ่งเป็นการใช้กลไกตามมาตรา 35 แห่ง พ.ร.บ.ควบคุมโรคจากการประกอบอาชีพและโรคจากสิ่งแวดล้อม พ.ศ.2562
ซึ่งเมื่อมีการประกาศ เขตดังกล่าวจะทำให้เอกชนต้องปฏิบัติตามมาตรการเฉพาะสำหรับเขตพื้นที่นั้น เช่น การหยุดงาน การปิดสถานประกอบการชั่วคราว เป็นต้น โดยผู้ฝ่าฝืนมีโทษปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท ซึ่งแตกต่างจากการที่ ครม.กำหนดเขตพื้นที่ที่ต้องเฝ้าระวังตามข้อเสนอในเรื่องนี้ที่ไม่มีผลบังคับกับเอกชนโดยตรง
ขณะที่ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมคณะรัฐมนตรี หลังกระทรวงคมนาคมได้ของบกลาง 329 ล้านบาท จากเดิมที่เคยตั้งไว้ 140 ล้านบาท เพื่อจ่ายเงินชดเชยให้กับผู้ประกอบการจากมาตรการรถไฟฟ้าและรถเมล์ฟรี ว่า ในส่วนของบริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) รัฐบาลจะจ่ายเงินชดเชยให้ 133.84 ล้านบาท และจ่ายชดเชยให้ ขสมก. 51.7 ล้านบาท รวมเป็นเสนอของบกลางทั้งสิ้น 185.54 ล้านบาท
ส่วนเงินชดเชยที่จะจ่ายให้กับการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย หรือ รฟม. เดิมทีครั้งแรกกระทรวงคาดว่าจะใช้งบกลางมาจ่ายชดเชย จำนวน 144 ล้านบาท แต่ถูกมองว่า รฟม.มีรายได้เป็นของตัวเองก็ให้ใช้งบประมาณของ รฟม.เอง ซึ่งสาเหตุที่ต้องตัดงบประมาณตรงนี้ออก เพราะรัฐบาลต้องการลดค่าใช้จ่ายต่างๆ หากหน่วยงานไหนที่มีรายได้เป็นของตัวเองและมีเพียงพอ ก็ให้ใช้รายได้ของตัวเองไปก่อน ฉะนั้นเรื่องนี้ก็ให้ รฟม.รับภาระไป
นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึงการแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ของกระทรวงว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา กรมวิชาการเกษตรก็ได้ออกประกาศว่า จากนี้ไปหากมีผลเสียจากการเผาโดยเกษตรกรรายใด จะต้องดำเนินการ หากมีการเยียวยาในครั้งหน้า จะถูกงดสิทธิ์ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในมาตรการที่เข้มงวด
นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (รมว.ทส.) เผยว่า จากข้อมูลจุดความร้อนสะสมที่พบมากที่สุดใน 5 จังหวัด คือ ตาก กาญจนบุรี นครราชสีมา เพชรบูรณ์ ชัยภูมิ พบว่า พื้นที่ที่พบจุดความร้อนส่วนใหญ่อยู่ในเขตป่า พื้นที่เกษตร และเขต ส.ป.ก. โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดตากและกาญจนบุรี ที่เป็นป่าเต็ง-รัง จึงได้สั่งการให้เฮลิคอปเตอร์ของกระทรวงเข้าร่วมปฏิบัติการดับไฟป่าใน 2 พื้นที่เป็นการด่วน ตั้งแต่ 27 ม.ค.
นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน ให้สัมภาษณ์ถึงมาตรการที่ให้ใช้รถไฟฟ้าฟรีเพื่อแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 โดยเฉพาะงบประมาณที่ไปอุดหนุนนั่งรถไฟฟ้า รถเมล์ฟรี มองว่าคุ้มค่าหรือไม่ ว่า ต้องดูหลังจากที่มาตรการจบไปแล้วว่าสุดท้ายแล้วจะใช้งบประมาณแค่ไหน ข้อมูลต่างๆ ควรมีการประเมินผลว่าการใช้รถส่วนตัวลดลงหรือไม่ หากลดลงเป็นรถประเภทไหน ถ้าเราว่ากันด้วยข้อมูลน่าจะประเมินได้ว่ามาตรการนี้ได้ผลหรือไม่ หากประเมินแล้วไม่ได้ผล จะได้รู้ว่าครั้งหน้าถ้ามีปัญาหาแบบนี้ มาตรการนี้อาจจะไม่ใช่มาตรการที่ควรจะทำในระยะสั้น.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
จับเบอร์พรรคมีโห่ไล่ ‘อนุทิน’37เด็ดตรงหนู
จับเบอร์ผู้สมัคร สส.ปาร์ตี้ลิสต์ พรรคเพื่อไทยโชคดีได้เลข 9 เบอร์เก่า
ว่าที่นายกฯ73คน! 34พรรคส่งแคนดิเดต/ดีเด่นดังแห่สมัครสส.ปาร์ตี้ลิสต์
"กกต." รับสมัคร สส.บัญชีรายชื่อราบรื่น ส่ง 52 พรรค เสนอแคนดิเดตนายกฯ 34
ผู้อพยพกลับบ้านวัดใจเขมร
กองทัพภาคที่ 2 แจ้งประชาชนตามแนวชายแดนไทย-เขมร
‘พรรคส้ม’ไร้เพื่อน คุยลั่นมาตรฐานสูง
เห็นโฉมหน้ารัฐบาลต่อไปรำไร "อนุทิน" ย้ำห้ามแตะนิรโทษกรรม ม.112
หยุดยิงเขมรกระอัก ลงนาม16ข้อยึดตรงไหน‘ทหารไทย’ปักหลักตรงนั้น!
ไทย-เขมรเห็นพ้องหยุดยิงทันทีเที่ยงวัน 27 ธ.ค. ยึดปฏิญญากัวลาลัมเปอร์ เปิดแถลงการณ์ร่วมยาวเหยียด 16 ข้อ เขมรกระอักเลือด พื้นที่ไทยยึดได้ยึดเลย การวางกำลังทหารในปัจจุบันโดยไม่มีการเคลื่อนย้ายเพิ่มเติม
ตามล่าอาชญากร ‘ฮุนเซน-ฮุนมาเนต’
ไม่ปล่อยให้ลอยนวล เดินหน้าเอาผิด 2 พ่อลูกตระกูลฮุน อธิบดีอัยการฯ ลงพื้นที่ประชุม ผบช.ภ.3 สอบเสธ.ทหารเป็นพยานมัด "ฮุน เซน-ฮุน มาเนต"

