ตัดไฟเมืองบาปเบาไปหาหนัก

รัฐบาลไทยมะงุมมะงาหรา ไม่กล้าตัดไฟเมืองบาป “สมช.” ดิ้นหนีความรับผิดชอบ ซื้อเวลาตั้ง คกก.ร่วมไทย-เมียนมา ขณะที่ “อนุทิน” ลั่นพร้อมสับสวิตช์หากมั่นคงออกหน้าสั่งการมา “บิ๊กอ้วน” ตัดจบปัญหาโยนกันไปมา งัดข้อสรุปทีมกุนซือบ้านพิษณุโลก เคาะไทยตัดไฟครึ่งหนึ่งจากเบาไปหาหนัก ยันไม่ต้องเข้า ครม.ชี้ขาด จับตาพบ ผช.รมต.มั่นคงจีนรับแนวทางแก้ปัญหา ขณะที่ “ดีอี"  ลงดาบบัญชีม้าแล้วกว่า 1.6 ล้าน รวบเจ้าของบัญชีเกือบ 2,500 ราย ผงะศูนย์เอโอซี 1441 รับเรื่องร้องเรียน 3 พันสายต่อวัน

เมื่อวันจันทร์ เวลา 08.30 น. นายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เป็นประธานการประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อประมวลข้อมูลด้านความมั่นคงเพื่อส่งให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) โดยมีตัวแทนจากกระทรวงมหาดไทย, กฟภ., กองทัพ และหน่วยงานด้านการข่าวเข้าร่วม      จากนั้นเวลา 10.40 น. นายฉัตรชัยแถลงผลการประชุมว่า วันนี้มีมติอีก 3 เรื่อง คือ 1.สมช.จะประมวลข้อมูลด้านความมั่นคงให้ กฟภ.ประกอบการพิจารณา 2.ให้กฟภ.นำข้อมูลไปเจรจากับบริษัทคู่สัญญา เพื่อกำหนดมาตรการที่เหมาะสมให้เป็นไปตามหลักของสัญญา ตามมาตรการจากเบาไปหาหนักตามเงื่อนไขของ กฟภ. เช่นอาจมีการงดการจ่ายไฟ และถ้ามีการงดจ่ายไฟจะงดแบบไหน เป็นไปตามระเบียบ กฟภ.และสัญญา และล่าสุดเป็นเรื่องดีที่ กฟภ.มีการทำงานเชิงรุก โดยมีการแจ้งไปที่บริษัทคู่สัญญาว่าเรามีความกังวลต่อพื้นที่ดังกล่าว ว่าใช้ไฟไม่ถูกต้องและไม่เป็นไปตามสัญญา ซึ่ง กฟภ.มีหนังสือแจ้งไปแล้วเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

 “3.ที่ประชุมมีมติให้กระทรวงการต่างประเทศประสานกับรัฐบาลเมียนมา ไปกำชับบริษัทคู่สัญญาที่รัฐบาลเมียนมาอนุมัติให้มาทำสัมปทานกับ กฟภ. เพื่อให้รัฐบาลเมียนมาตรวจสอบว่ามีการใช้ไฟไม่เหมาะสม รวมถึงมีคณะทำงานร่วมจากฝั่งไทยและเมียนมาเข้าไปดูพื้นที่ร่วมกัน ว่าจุดไหนมีปัญหาเพื่อจะรับทราบปัญหาร่วมกัน ซึ่งทั้งหมดเป็นมาตรการเฉพาะกรณีที่เกิดขึ้นระหว่าง กฟภ.และ บริษัทคู่สัญญาใน 3 พื้นที่หลัก ได้แก่ ท่าขี้เหล็ก-แม่สาย  แม่สอด-เมียวดี และพญาตองซู” นายฉัตรชัยระบุ   

  ขณะที่นายประสิทธิ์ จันทร์ประสิทธิ์ รองผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) กล่าวว่า ปัจจุบันที่ กฟภ.มีข้อมูล บริษัทที่ได้สัมปทานจากเมียนมาไปนั้น ถ้าเป็นที่เมืองท่าขี้เหล็ก รัฐฉาน มีอยู่ 1 บริษัท คือ บริษัท อัลลัว กรุ๊ป (พีแอนด์อี) จำกัด และที่แม่สอด จ.ตาก มีทั้งหมด 2 บริษัท ส่วนที่เมืองพญาตองซู เมียนมา ก็มีอีก 1 บริษัท  รวมทั้งหมด 4 บริษัท ตอนนี้ในส่วนของข้อมูลความมั่นคงจากการที่ได้รับในที่ประชุมมา ก็มีข้อมูลที่เป็นประโยชน์และ กฟภ.จะนำไปใช้ในการดำเนินการต่อไป

เมื่อถามอีกว่า จะใช้ระยะเวลาในการตัดไฟเท่าไหร่ นายประสิทธิ์กล่าวว่า หากผิดกฎหมายก็สามารถตัดได้ แต่ในกระบวนการต่างๆ ต้องมีความรอบคอบรัดกุม เราต้องมองในเรื่องของกฎหมายและมติของคณะรัฐมนตรี (ครม.)

เมื่อถามอีกว่าระยะสัญญาจะหมดในช่วงปีไหน นายประสิทธิ์กล่าวว่า สัญญาจะเป็นสัญญาแต่ละจุดพื้นที่ไป อยู่ที่ระยะเวลา 1-3 ปี แต่ส่วนใหญ่จะ 5 ปี

ขณะที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทยเป็นผู้ร้องขอไปเองว่าให้ สมช.ช่วยยืนยันแหล่งกระทำผิด เพราะถ้ามีจริงก็พร้อมที่จะตัดการจ่ายไฟ แต่ต้องยืนยันมาก่อน ซึ่งตอนนี้มีแต่ข้อมูลที่คนนั้นพูดทีคนนี้พูดที แต่ยังไม่มีการยืนยัน เราจะไปทำสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้

เมื่อถามว่า มีกระแสข่าวว่าหากทางการไทยหยุดจ่ายไฟ กลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์จะปั่นไฟใช้เอง นายอนุทิน กล่าวว่า ถ้าเขาปั่นไฟใช้เองจริงก็ไม่มีทางที่จะได้รับความเอื้อประโยชน์จากฝั่งไทย เขาซื้อไฟของเราไป ถ้าหน่วยงานความมั่นคงให้หยุดจ่าย ทางกระทรวงมหาดไทยก็ได้จะหยุดจ่ายทันทีถ้าเขาส่งมา ถ้าหยุดจ่ายไฟแล้วเขาไปปั่นไฟใช้เอง ในบ้านของเขาและเชื้อเพลิงของเขา เราก็ไม่เกี่ยว  โดยกระทรวงมหาดไทยพร้อมสับสวิตช์

มท 1.ย้ำรอคำสั่งนายกฯ

 “เรื่องนี้มันจะเป็นต้องถึงมือ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ รอเพียงหน่วยงานที่ไปทำข้อตกลงแจ้งกลับมาให้ กฟภ.หยุดจ่ายไฟ เราก็หยุดจ่ายไฟ ซึ่งตอนนี้ก็ยังไม่มีหน่วยงานใดยืนยันกลับมาว่าได้มีการกระทำผิด อย่างที่ถูกกว่าเขากล่าวอ้าง” นายอนุทินระบุ 

เมื่อถามต่อว่า นอมินีสัมปทานไฟฟ้ามีหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ไม่มี บริษัทที่จะเข้ามาทำสัญญาซื้อไฟข้ามแดนกับ กฟภ.มีการตรวจสอบยืนยันจากรัฐบาล ประเทศเพื่อนบ้านเอง และหน่วยงานความมั่นคงจากประเทศไทยตรวจสอบหมดแล้วว่าขายได้ ไม่ใช่ว่าใครจะมาซื้อเราก็ขาย

ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ระบุว่า เรื่องนี้ไม่อยากให้โยนไปโยนมา เพราะทั้งกระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานต่างๆ เป็นหน่วยงานความมั่นคงทั้งหมด ซึ่งมี สมช.เป็นคนกลางประสาน โดยเรื่องนี้ได้ดำเนินการมาตั้งแต่สมัยนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งในเดือนมิถุนายน 2566 ได้มีการตัดไฟไปแล้ว 2 ส่วน ที่เมืองชเวโก๊กโก่ และ KK Park

"เมื่อเช้านี้ได้มีการสั่งให้ประชุม ซึ่งผลออกมาเป็นเอกภาพไม่โยนไปโยนมา สิ่งที่สำคัญคือให้ดำเนินการตามกฎหมายทั้งหมด โดยจะให้มีการประสานงานระหว่างกระทรวงการต่างประเทศ, สมช.และกระทรวงมหาดไทย โดยจะให้กระทรวงการต่างประเทศติดต่อประสานงานกับทางเมียนมา เพื่อให้ดำเนินการตามมาตรการจากเบาไปหาหนัก คือให้ทางการเมียนมาดำเนินการพูดคุยกับบริษัทเอกชนในพื้นที่ ว่าถ้ายังมีปัญหาแล้วไม่ดำเนินการแก้ไข  ทั้งนี้ฝ่ายไทยได้แจ้งกับทางการเมียนมาในฐานะเป็นเจ้าของพื้นที่ เพื่อให้ไปดำเนินการแก้ไขต่อ ซึ่งไทยอาจจะต้องดำเนินการตัดไฟครึ่งหนึ่ง เพื่อให้กระแสไฟตกในจุดที่ยังใช้งานอยู่" นายภูมิธรรมระบุ

นายภูมิธรรมกล่าวอีกว่า ที่ผ่านมามีการหารือมาหลายวันแล้ว และมีข้อเสนอแนะจากที่ปรึกษาบ้านพิษณุโลก จนเป็นที่มาของการประชุมเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา  และในวันพรุ่งนี้ช่วงบ่าย นายหลิว จงอี้ ผู้ช่วยรัฐมนตรี กระทรวงความมั่นคงและสาธารณะ สาธารณรัฐประชาชนจีน จะเดินทางมาพบและพูดคุยกับตนเองว่าจะร่วมมือกันอย่างไร ซึ่งทางจีนเองก็คงมีข้อเสนอแนะ

 “เท่าที่ดูเขาก็เคารพในอธิปไตยของไทย ยังไม่ได้รู้สึกแบบที่เป็นข่าว และจะถามไทยในกระบวนการการทำงานร่วมกันต่อไป และในวันพฤหัสนี้ (6 ก.พ.) ตนจะเดินทางลงพื้นที่จริงที่จังหวัดตาก และจะไปเยี่ยมกองกำลังราชมนูซึ่งดูแลรับผิดชอบพื้นที่ รวมถึงดูเรื่องของการซีลพื้นที่ชายแดน 2 ชั้นตามนโยบายของรัฐบาล หลังจากนั้นจะมีการสั่งการที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น แต่หัวใจหลักตอนนี้อยู่ที่เมืองชเวโก๊กโก่ และ KK Park เราก็ยังต้องพูดคุยกับสาธารณรัฐประชาชนจีนก่อน เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่แค่ประเทศไทยอย่างเดียว” นายภูมิธรรมระบุ 

'บิ๊กอ้วน' ลั่นไม่ทำตามกระแส

เมื่อถามว่า มาตรการตัดไฟครึ่งหนึ่งจะเริ่มเมื่อไหร่ รมว.กลาโหมกล่าวว่า ขอดูรายละเอียดหลังจากที่ตนกลับมาจากจังหวัดตากก่อน และการตัดไฟไม่จำเป็นต้องเอาเข้าคณะรัฐมนตรี เพราะ สมช.สามารถดำเนินการได้เลย เพราะมีเรื่องที่ผิดกฎหมายทำลายความมั่นคง แต่จริงๆเรื่องแบบนี้หน่วยงานเฉพาะหน้าพบเจอก็สามารถดำเนินการได้ หรือทำเรื่องมาขอก็ได้ ไม่ต้องรอให้คนสั่ง เพราะเป็นหน่วยงานที่ปฏิบัติซึ่งรู้ดีอยู่แล้ว ยืนยันว่าเราไม่มีหน้าที่ทำตามกระแสหลังถูกทวงถามว่าจะตัดไฟกี่โมง แต่เรามีหน้าที่ทำตามข้อเท็จจริงและตามกฎหมาย

มีรายงานว่า การประชุม สมช.ได้พิจารณา 6 ประเด็นคือ พื้นที่ที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมข้ามชาติและแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน เช่น อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย, เมืองเมียวดี และพญาตองซู ความเชื่อมโยงกับบริษัทสัมปทาน พบว่ามีการเชื่อมโยงระหว่างบุคคลในบริษัท สัมปทานกับกลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์และบ่อนกาสิโน และการขอใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอย่างผิดปกติ ซึ่งไม่ได้รับการอนุมัติเนื่องจากไม่สามารถอธิบายการใช้งานได้    การดำเนินกิจการหลังการตัดไฟ แม้ว่าที่ผ่านมาการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) เคยตัดไฟในพื้นที่ชเวโก๊กโก่และ KK Park แต่พบว่ายังคงมีกิจการดำเนินต่อไป อาจเป็นเพราะการใช้น้ำมันปั่นไฟสัดส่วนการใช้ไฟฟ้า การพิจารณาสัดส่วนการใช้ไฟฟ้าในจุดต่างๆ เพื่อประเมินความเหมาะสม การหาแหล่งพลังงานทดแทน พบหลักฐานว่ามีการหาแหล่งพลังงานอื่นเพื่อทดแทนหลังจากที่ถูกตัดไฟ

วันเดียวกัน นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผยว่า มีสถิติการระงับบัญชีม้าจนถึง ธ.ค. 67 จำนวนรวมกว่า 1.66 ล้านบัญชี (ปปง. 630,537 บัญชี ธนาคารระงับ 581,637 บัญชี และศูนย์ AOC ระงับ 455,241 บัญชี) พร้อมกับการขยายผลดำเนินการจับกุมเจ้าของบัญชีม้าอย่างเข้มข้น โดยมีสถิติผลการจับกุมบัญชีม้า ซิมม้าที่เป็นความผิด พบว่าในปี 2567 ตั้งแต่เดือน ม.ค.-ธ.ค. มีการจับกุมบัญชีม้ารวม 2,495 ราย และเฉพาะในเดือน ธ.ค. 67 มีผลการจับกุม 328 ราย

ที่รัฐสภา ในการประชุมวุฒิสภาที่มี พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภา คนที่หนึ่ง เป็นประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามเป็นหนังสือของนายสุทนต์ กล้าการขาย สว. เรื่องการดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับการปราบปรามและหลอกลวงทางออนไลน์ผ่านโซเชียลมีเดีย และการบริการโทรคมนาคม รวมถึงมาตรการควบคุมไม่ให้เกิดปัญหา และการพัฒนาระบบเตือนภัยออนไลน์ผ่านการสร้างความร่วมมือกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง และการพนันออนไลน์

ขณะที่นายประเสริฐชี้แจงช่วงหนึ่งว่า การเปิดซิมบัญชีม้าปัจจุบันมีราคาหมื่นบาท ส่วนบัญชีนิติบุคคลมีราคาหลักแสนบาท ซึ่งกระทรวงได้ร่วมมือกับกระทรวงพาณิชย์ดำเนินการตรวจสอบ ทั้งนี้ จากการตั้งศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ หรือศูนย์เอโอซี  1441 เพื่อรับเรื่องร้องเรียน และตั้งแต่เริ่มต้นทำงานพบว่ามีการร้องเรียนประมาณ 3,000 สายต่อวัน ส่วนปัจจุบันยังมีจำนวนเท่าเดิม แต่พบว่ามียอดความเสียหายต่อวันลดลง  40% ทั้งนี้ยอมรับว่ายังมีความเสียหายอยู่

นายประเสริฐระบุด้วยว่า ด้านมาตรการป้องกันระยะยาวนั้น รัฐบาลได้พัฒนาระบบการป้องกันการโทรศัพท์หลอกลวง ซึ่งระบบจะเสร็จในเวลาอันใกล้.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

หนูคาดเบลต์กั๊กยุบสภา12ธ.ค.

"อนุทิน" ส่งสัญญาณ 12 ธ.ค. คาดเข็มขัดนิรภัย ปัดญาติดีเพื่อไทยหลีกทางยื่นซักฟอก บอกทำงานทุกวันไม่ได้คุย ขีดเส้นอยู่ไม่เกิน 31 ม.ค.