‘เท้ง’เมินผสมพันธุ์พท. นายกฯจ่อทัวร์‘เยอรมนี’

นายกฯ เตรียมนำคณะบินเยอรมนี  3-8 มี.ค. พบนักธุรกิจยุโรป "สุทิน" ยันซักฟอก 3  วันเหมาะแล้ว แนะฝ่ายค้านอย่าพาดพิงคนนอก  "โฆษกรัฐบาล" โอดรัฐบาลทำงานไม่กี่เดือนจะอภิปราย 5 วันเลยหรือ มั่นใจพรรคร่วมฯ ไม่แตกคอ เชื่อเสียงโหวตทิศทางเดียวกัน "เท้ง" เสี้ยมพรรคร่วมฯ ขาดเอกภาพ ชงข้อมูลให้ฝ่ายค้านซักฟอก ลั่นไม่ร่วมรัฐบาล พท.แน่นอน "เรืองไกร"  เก็บทุกเม็ด ร้อง ป.ป.ช.สอบรองเท้าหรู "นายกฯ   อิ๊งค์" แจ้งครบถ้วนหรือไม่ "สวนดุสิตโพล" เผย  ปชช.ไม่เชื่อมั่น รบ.ฟื้นเศรษฐกิจ "พปชร." ท้า พท.เลือกตั้งปี 70 ชูกาสิโนเป็นนโยบายเรือธง

เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร  นายกรัฐมนตรี ว่าในเดือน มี.ค.นี้ มีภารกิจเดินทางเยือนกรุงเบอร์ลิน สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ระหว่างวันที่ 3-8 มี.ค.68 โดยมีรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องร่วมคณะเดินทางไปด้วย ซึ่งมีกำหนดการกลับถึงประเทศไทยในช่วงบ่ายของวันที่ 8  มี.ค.

สำหรับภารกิจเยือนสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี นายกฯ จะเข้าร่วมงาน ITB Berlin 2025  ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 4-6 มี.ค.นี้ ณ กรุงเบอร์ลิน  และพบปะนักธุรกิจชั้นนำอุตสาหกรรมด้านแฟชั่นของเยอรมนี อุตสาหกรรมยานยนต์ เครื่องจักร ผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น

นายสุทิน คลังแสง สส.บัญชีรายชื่อ และแกนนำพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวกรณีฝ่ายค้านเตรียมยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลในวันที่ 27 ก.พ.นี้ และยืนยันกรอบเวลาการอภิปรายควรเป็น 5 วันว่า ในส่วนของวิปรัฐบาลยังไม่ได้มีการหารือในเรื่องดังกล่าว ต้องขอดูญัตติที่ฝ่ายค้านยื่นมาเสียก่อน ส่วนตัวมองว่าระยะเวลาในการอภิปรายควรอยู่ที่ประมาณ 3 วัน และลงมติอีก 1 วันก็น่าจะเพียงพอและเหมาะสมแล้ว ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับจำนวนผู้อภิปราย ผู้ถูกอภิปราย รวมถึงเนื้อหาสาระด้วย

"หากฝ่ายค้านอภิปรายอยู่ในกรอบก็ไม่น่าหนักใจอะไร แต่ถ้ามีการอภิปรายพาดพิงไปถึงคนนอก ก็จะเกิดการประท้วงกันวุ่นวาย ซึ่งไม่อยากให้เกิดภาพแบบนั้นขึ้น ดังนั้นขอให้ฝ่ายค้านอภิปรายอย่างสร้างสรรค์ ส่วนสภาพของพรรคร่วมรัฐบาลนั้น ยืนยันว่ามีความเป็นเอกภาพ ยิ่งเมื่อมีศึกเข้ามาก็จะยิ่งรักกัน เชื่อว่าจะไม่มีปัญหาเรื่องของเสียงโหวตอย่างแน่นอน เชื่อว่าไม่มีพรรคร่วมรัฐบาลไหนที่คิดสั้น พรรคร่วมรัฐบาลย่อมอยากบริหารงานและผลักดันนโยบายของตัวเองต่อไปจนครบเทอมอยู่แล้ว"  นายสุทินกล่าว

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ฝ่ายค้านเตรียมยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจฯ ว่า การเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจถือเป็นสีสัน และทางรัฐบาลก็มีการเตรียมตัว ดูว่าสิ่งที่ทำไปแล้วมีอะไรบ้าง และส่วนอื่นที่เกี่ยวข้องก็ดูว่าการอภิปรายจะมีประเด็นไหนแบบใด ก็แบ่งแยกกันไปในแต่ละกระทรวง  ในส่วนพรรคร่วมรัฐบาลก็ไปดูว่าเรื่องไหนที่อาจจะถูกพาดพิง ในส่วนของ พท.เชื่อมั่นว่าตลอด  3-4 เดือนที่ผ่านมาก็ยังไม่เห็นมีอะไร เพราะทำงานเชิงรุก

ส่วนที่พรรคฝ่ายค้านขอเวลาในการอภิปราย 5 วันนั้น นายจิรายุกล่าวว่า ตอนที่ตนเป็นฝ่ายค้านก็ขอเวลาในการอภิปราย 5 วัน เป็นเรื่องปกติ ที่จะขอมากไว้ก่อน แต่ทั้งนี้หากใช้เวลา 5 วัน อภิปรายแล้วมีเนื้อหาสาระก็ไม่มีปัญหา ปกติที่ขอ 5 วันก็ได้เวลาในการอภิปราย 2-3 วันอยู่แล้ว รัฐบาลของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ เพิ่งทำงานได้ 3-4 เดือนเอง จึงขอย้อนถามว่าจะใช้เวลา 5 วันเลยหรือ ส่วนกระแสความขัดแย้งระหว่างพรรค พท.กับพรรคภูมิใจไทย (ภท.) นั้น   ไม่ได้แตกคอกัน นายกฯ และผู้ที่เกี่ยวข้องก็พูดคุยกันอยู่เป็นประจำอยู่แล้ว และจะมีงานเลี้ยงแกนนำพรรคร่วมฯ รับประทานอาหารร่วมกัน ก็ถือเป็นเรื่องที่ดี ไม่มีอะไรแตกคอกัน ยังปกติ

พรรคร่วมฯ ไม่เสียงแตก

"หากเสียงโหวตไม่เป็นในทิศทางเดียวกัน ก็ไม่ใช่พรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งปกติจะต้องโหวตไปในทิศทางเดียวกัน เพราะไม่ได้หมายความว่าอภิปรายไม่ไว้วางใจ พท.เพียงอย่างเดียว ก็อภิปรายทุกพรรค ถ้าไม่โหวตของผม ผมไม่โหวตท่าน ก็จะยุ่ง ก็เป็นรัฐบาลกันไม่ได้ ดังนั้นไม่ต้องกังวล เชื่อว่าผู้หลักผู้ใหญ่เข้าใจกันดี การทำงานก็มีอะไรที่เห็นต่างกันบ้าง แต่ไม่ถึงกับแตกแยก คุยกันได้และทำงานกันได้ดี” นายจิรายุกล่าว

ที่ จ.สมุทรปราการ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านฯ ให้สัมภาษณ์ถึงภาพรวมการทำงานของรัฐบาลว่า ที่ผ่านมาก็เห็นได้ชัดว่าไม่มีความเป็นเอกภาพ ล่าสุดที่เป็นประเด็นที่เห็นได้ชัดที่สุดคือการที่สภาล่มจากการประชุมวาระที่  1 ของการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 256 ในส่วนของการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ก็จะมีอีกหลายประเด็นที่พวกเราได้ข้อมูลมาหลายทาง ซึ่งบางส่วนก็ได้รับมาจากพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกันเอง  สิ่งต่างๆ เหล่านี้เห็นได้ชัดว่า การที่รัฐบาลขาดความมีเอกภาพ ทำให้การดำเนินนโยบายหลายอย่าง ซึ่งหลายนโยบายได้แถลงไว้ต่อรัฐสภา ไม่สามารถที่จะเดินหน้าเพื่อประชาชนได้

เมื่อถามว่า รัฐบาลจะไปรอด 4 ปีหรือไม่  นายณัฐพงษ์กล่าวว่า การจัดตั้งรัฐบาลชุดนี้ผิดพลาดมาตั้งแต่ต้น เป็นการผสมพันธุ์ข้ามขั้ว ซึ่งเราเองไม่เชื่อว่าการจัดตั้งรัฐบาลแบบนี้จะช่วยในการผลักดันนโยบายที่สำคัญเป็นนโยบายใหญ่ให้กับพี่น้องประชาชนได้ ครึ่งเทอมที่ผ่านมาเป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นชัดที่สุดแล้ว เชื่อว่าประชาชนเฝ้ามองอยู่เช่นเดียวกัน ตอนนี้รอยร้าวก็จะยิ่งแสดงให้เห็นมากขึ้นเรื่อยๆ

ถามถึงความขัดแย้งสมาชิกวุฒิสภา (สว.) และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) จะนำมาสู่การยื่นข้อมูลลับเพื่ออภิปราย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรมหรือไม่ นายณัฐพงษ์ระบุว่า  ประเด็นนี้อยู่ในกรอบญัตติแน่นอน จะมีเรื่องความไม่โปร่งใส การไม่ลงรอยกันระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกันเอง รวมถึงปัญหาที่สำคัญของประชาชน ส่วนการเตรียมการอภิปราย ตอนนี้เกือบ 100% แล้ว เรื่องเนื้อหาก็มีความเข้มข้น

เมื่อถามว่า พรรคร่วมรัฐบาลขัดแย้งกันแบบนี้ จะส่งผลให้ช่วงอภิปรายไม่ไว้วางใจมีการซื้อเสียงงูเห่าจาก ปชน.ไปโหวตรัฐมนตรีรายบุคคลหรือไม่ นายณัฐพงษ์กล่าวว่า ไม่คิดว่าพรรค ปชน.เป็น 1 ในกระบวนการอย่างนั้น เชื่อมั่นว่าไม่มี สส.ของ ปชน.คนไหนที่จะโหวตสวนหรือถูกซื้อตัวไปโหวตให้กับฝั่งรัฐบาลแน่นอน

ผู้สื่อข่าวถามถึงสูตรรัฐบาลใหม่ เป็นไปได้หรือไม่ที่พรรค ปชน.จะเข้าร่วม นายณัฐพงษ์กล่าวว่า “คงเป็นไปไม่ได้ครับ เราประกาศชัดว่าในสมัยสภาชุดนี้คงไม่ได้ไปร่วมเป็นฝ่ายบริหารแน่นอน ขอทำหน้าที่ฝ่ายค้านต่อ”

ทั้งนี้ นายณัฐพงษ์ร่วมบรรยายในหัวข้อ "การเมืองไทย ในทรรศนะ เท้ง-ณัฐพงษ์" โดยกล่าวตอนหนึ่งว่า ถ้าพรรค ปชน.ยังตั้งใจทำงาน ในการเลือกตั้งปี 2570 เชื่อว่าชนะการเลือกตั้งได้  ส่วนกลุ่มชนชั้นนำจะยอมให้เป็นรัฐบาลหรือไม่  ไม่สามารถตอบได้ แต่หน้าที่ขณะนี้คือเดินหน้าต่ออย่างเต็มที่ จะต้องชนะการเลือกตั้ง เพื่อนำใบอนุญาตใบที่ 1 ในการเป็นรัฐบาลให้ได้ก่อน ในสมัยนี้ยืนยันว่าจะไม่เข้าร่วมรัฐบาลอย่างแน่นอน หากสมการการเมืองเปลี่ยน

ยื่นถอดถอน 'อิ๊งค์' ซุกรองเท้า

นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเผยว่า วันนี้ได้ส่งหนังสือทางไปรษณีย์ EMS เพื่อขอให้ ป.ป.ช.รีบทำการตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินอื่นของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ว่ามีการแจ้งรายการรองเท้าไว้โดยถูกต้องครบถ้วนตามความใน พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 ตามมาตรา 105 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 114 วรรคหนึ่งหรือไม่ และขอให้ ป.ป.ช.ร้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิจารณาพิพากษาว่าจะเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งตลอดไปของ น.ส.แพทองธารหรือไม่

นายเรืองไกรระบุว่า น.ส.แพทองธารได้ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน กรณีเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 6 ก.ย.2567 โดย ป.ป.ช.รับไว้เลขที่ 307 เมื่อวันที่ 6 ธ.ค.67 ไม่ปรากฏว่ามีการแจ้งรายการรองเท้าไว้ (ทั้งที่ปรากฏเป็นข่าวทั่วไปเกี่ยวกับรองเท้ามาแล้วหลายคู่) กรณีจึงมีเหตุอันควรขอให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบว่าการไม่แจ้งรายการรองเท้าและมูลค่าไว้ รวมทั้งวันเดือนปีที่ได้มานั้น จะเข้าข่ายฝ่าฝืน ม.105 และ ม.114 หรือไม่ จากการสุ่มตรวจรายการรองเท้าของ น.ส.แพทองธารใน Google พบตัวอย่างข่าวที่มีภาพรองเท้าที่มีราคาสูงจำนวน 4 คู่ (ตามสำเนาที่แนบ) ซึ่งควรนำไปแจ้งรวมไว้ในรายการทรัพย์สินอื่นด้วย หากไม่แจ้ง ป.ป.ช.ก็ควรร้องต่อศาลฎีกาฯ เพื่อวินิจฉัยว่า น.ส.แพทองธารควรถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งตลอดไป

นายเรืองไกรกล่าวว่า ตามคำพิพากษาของศาลฎีกาฯ คดีหมายเลขแดงที่ อม.40/2567 วันที่ 18 ธ.ค.2567 ที่แนบมาด้วย เป็นกรณีที่ ป.ป.ช.เป็นผู้ร้องต่อศาลฎีกาฯ ว่า ผู้ถูกร้อง (รองนายก อบจ.รายหนึ่ง ขอสงวนนาม) ไม่แจ้งรายการทรัพย์สินและหนี้สินหลายรายการ รวมทั้งแหวน 1 วง โดยศาลมีคำพิพากษาส่วนหนึ่งในหน้า 4 ว่า “…ให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้ถูกกล่าวหาตลอดไป…”

"ดังนั้น ป.ป.ช.ควรถือเอากรณีรองนายก อบจ. ในคดี อม.40/2567 มาเป็นบรรทัดฐานอย่างเดียวกันเพื่อนำไปตรวจสอบว่า น.ส.แพทองธารมีรองเท้าทั้งหมดกี่คู่ แต่ละคู่ราคาเท่าใด ได้มาวันที่เท่าใด มีใบเสร็จค่าซื้อรองเท้าหรือไม่ และมีการแจ้งรองเท้าทุกคู่ที่มีราคาแพงไว้ในรายการทรัพย์สินอื่นหรือไม่" นายเรืองไกรกล่าว

ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” เปิดเผยผลการสำรวจของประชาชนเรื่อง “เพื่อไทย VS ภูมิใจไทย” ระหว่างวันที่ 17-18 กุมภาพันธ์ 2568 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป จำนวน 1,310 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างพรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทย พบว่า ตัวอย่างร้อยละ 38.85 ระบุว่ามีความขัดแย้งกัน แต่ไม่ค่อยจริงจังเท่าไร รองลงมา ร้อยละ 32.91 ระบุว่ามีความขัดแย้งกันอย่างจริงจังพอสมควร,  ร้อยละ 17.40 ระบุว่าไม่มีความขัดแย้งกันเลย,  ร้อยละ 10.38 ระบุว่ามีความขัดแย้งกันอย่างจริงจังมาก

ปชช.ไม่เชื่อฝีมือฟื้น ศก.

ด้านความคิดเห็นต่อความเป็นไปได้ของความขัดแย้งระหว่าง พท.และ ภท. พบว่า ร้อยละ 38.09 ระบุว่าท้ายที่สุดทั้งสองพรรคจะตกลงกันได้ และยุติความขัดแย้ง, ร้อยละ 37.40 ระบุว่าความขัดแย้งจะมีต่อไปเรื่อย แต่ก็ยังอยู่ร่วมรัฐบาลกันเหมือนเดิม, ร้อยละ 10.31 ระบุว่ามีการปรับ ครม.ดึงกระทรวงที่สำคัญออกจาก ภท., ร้อยละ 7.10 ระบุว่านายกฯ จะประกาศยุบสภา,  ร้อยละ 2.52 ระบุ ภท.จะประกาศถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล

 “สวนดุสิตโพล” มหาวิทยาลัยสวนดุสิต  สำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ เรื่อง “คนไทยกับภาวะเศรษฐกิจ ณ วันนี้” กลุ่มตัวอย่างจำนวน 1,141 คน ระหว่างวันที่ 18-21 ก.พ.2568 พบว่า มองว่าสภาพเศรษฐกิจไทย ณ วันนี้ส่งผลกระทบทำให้ใช้จ่ายเดือนชนเดือน ต้องระมัดระวังการใช้จ่าย ร้อยละ 51.01 โดยคิดว่าปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยมากที่สุดคือ เรื่องค่าครองชีพสูง คนไม่กล้าจับจ่ายใช้สอย กำลังซื้อในประเทศไม่ขยายตัว ร้อยละ 82.94 ทั้งนี้เห็นว่ามาตรการของรัฐบาลในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจนั้นยังไม่มีประสิทธิภาพ ร้อยละ 69.50 โดยนายกฯ และฝ่ายรัฐบาลควรเข้ามาเร่งแก้ปัญหาโดยด่วน ร้อยละ 76.58 เมื่อถามว่าหากอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร จะเข้ามาช่วยแก้ปัญหาเศรษฐกิจ กลุ่มตัวอย่างมองว่าเศรษฐกิจน่าจะเหมือนเดิม ร้อยละ 41.63 สุดท้ายเมื่อคาดการณ์เศรษฐกิจในปี 2568 นี้ ร้อยละ 46.01 มองว่าก็น่าจะเหมือนเดิมเช่นกัน

นายชัยมงคล ไชยรบ สส.สกลนคร เขต 5 และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ....ว่า รัฐบาลสิ้นคิดที่จะหาเงินจากการพนันแล้วนำมาพัฒนาประเทศ แทนที่จะไปคิดนโยบายอื่นที่มั่นคงและยั่งยืน สร้างให้ประชาชนมีรายได้มากขึ้น เพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจจึงหาทางออกด้วยการเปิดบ่อนพนัน มอมเมาประชาชน สร้างปัญหาให้สังคม

"ขอเรียกร้องให้พรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคคำนึงถึงอนาคตของลูกหลานและประเทศไทย  ช่วยกันหยุดยั้งร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ และถ้าหากพรรคเพื่อไทยอยากเปิดบ่อนการพนันเสรีในประเทศไทยมากนัก ก็ขอให้อดใจรอการหาเสียงปี 2570 ขอให้ท่านชูเรื่องบ่อนเป็นนโยบายเรือธงไปเลย ว่าถ้าใครเลือกพรรคไทยเป็นรัฐบาล  ประเทศไทยจะมีบ่อนทันที ผมก็อยากทราบเหมือนกันว่าจะมีประชาชนสักกี่คนที่เขาจะเลือกท่าน" นายชัยมงคลกล่าว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ทบ.เดือดจัด ซัด‘เฮงรัตนา’ จอมลวงโลก

โฆษก ทบ.จี้นานาชาติจับตา “เฮง รัตนา” ผอ. CMAC กัมพูชา เผยแพร่ข้อมูลเท็จ บ่อนทำลายความไว้วางใจและสันติภาพในภูมิภาค ใช้จินตนาการปั้นแต่งเรื่องราวเพื่อหลอกลวงสังคมโลก

‘ราชินี’แรงบันดาลใจคนรุ่นใหม่

ในหลวงพระราชทานถ้วยรางวัลนักกีฬาเรือใบ “ภูเก็ตคิงส์คัพรีกัตต้า” ครั้งที่ 37 พระราชินีทรงแข่งเรือใบรอบชิงชนะเลิศ ทำให้เรือวายุมีคะแนนดีที่สุดในการแข่งขัน

‘อนุทิน’ล่องลงใต้ ขออภัยผมผิดเอง

"อนุทิน" นำคณะ ครม.ลงใต้อีกรอบ เตรียมตั้งกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติส่วนหน้า ที่ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 12

พท.ขึงขังซักฟอก อ้างเหตุเพราะมีคนตายปากกล้าขาสั่นท้าไม่กลัวยุบสภา

พรรคเพื่อไทยจะเอาทุกอย่าง ซักฟอกดิสเครดิตรัฐบาลก่อนเลือกตั้ง บีบพรรคส้มตัดสินใจ เชื่อ "อนุทิน" ไม่ยุบสภา ไม่กระทบรัฐธรรมนูญ "สรวงศ์" ลั่น

รำลึกพ่อหลวงร.9 ในหลวง-พระราชินีทรงบำ เพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน

ในหลวง-พระราชินี ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพรัชกาลที่ 9 และสถาปนาพระอิสริยศักดิ์เฉลิมพระนามพระอัฐิสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมพระนราธิวาสราชนครินทร์ บดินทรเชษฐภคินี