พณ.ดันราคาข้าว ชงเข้านบข.26กพ. ปัดชดเชยรายได้

"ขุนคลัง" แจงแก้ปัญหาราคาข้าวต้องดูต้นเหตุ อุดหนุนอย่างเดียวอาจทำชาวนาไม่แข็งแกร่ง ขณะม็อบชาวนาบุก พณ. "พิชัย" รับปากช่วยเหลือเต็มที่ ชงผลักดันราคาเข้า นบข. 26 ก.พ.นี้ เกษตรกรได้เงินเพิ่มแน่ตันละ 1,000-1,500 บาท ส่วนชดเชยรายได้หรือประกันรายได้ทำไม่ได้ เหตุขัดมติ ครม.และ นบข. อธิบดีกรมการค้าภายในแจงยิบ ชาวนาจะได้เงินค่าข้าวความชื้น 15% บวกค่าฝากเก็บ รวมตันละ 9,500-10,000 บาท ข้อเสนองดเผา-เยียวยาพื้นที่รับน้ำต้องรออนุ นบข.ด้านการผลิต พิจารณา

ที่ทำเนียบรัฐบาล วันที่ 24 กุมภาพันธ์ นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลัง ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีชาวนาเรียกร้องให้รัฐบาลกลับมาใช้นโยบายประกันรายได้ จะมีการนำข้อเรียกร้องดังกล่าวเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) หรือไม่ว่า เราคงต้องปรับเรื่องระบบเกษตรกร ต้นเหตุของปัญหาคือรายได้ไม่เพียงพอใช่หรือไม่ ต้องดูว่าที่รายได้ไม่พอเพราะอะไร เช่น คุณภาพของข้าว จำนวนผลผลิตที่ออกสู่ตลาดตรงกับความต้องการหรือไม่

"ดังนั้นหากเรายังไม่แก้ปัญหาเหล่านี้ ไม่ว่าจะใช้มาตรการอะไรมันก็คือการอุดหนุน แต่หากใช้การอุดหนุนไปนานๆ จะทำให้คนที่ได้รับการอุดหนุนไม่แข็งแรง จึงต้องแก้ไขที่ต้นเหตุของปัญหา แน่นอนว่าตอนนี้อาจแก้ไขไม่ได้ทันที คงต้องมีการผ่อนบ้างถอยบ้าง เพราะเกษตรกรถือเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ" นายพิชัยกล่าว

วันเดียวกัน เวลาประมาณ 10.00 น. กลุ่มชาวนาผู้ปลูกข้าวนาปรังจากหลายจังหวัดของภาคกลางได้เดินทางมาที่กระทรวงพาณิชย์ (พณ.) เพื่อทวงถามมาตรการช่วยเหลือราคาข้าวเปลือกนาปรังที่ตกต่ำ โดยไม่เห็นด้วยกับมาตรการที่อนุ นบข.ด้านการตลาดมีมติออกมา 3 มาตรการ โดยกลุ่มชาวนาขอให้ประกันราคาข้าวเปลือกเจ้า ความชื้น 15% ที่ตันละ 11,000 บาท และชดเชยให้ชาวนาที่เก็บเกี่ยวข้าวไปแล้ว ถ้าไม่ได้รับการพิจารณาจะยกระดับเอาข้าวไปโปรยที่สนามบิน และไปชุมนุมที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลและนายกรัฐมนตรีแก้ไขปัญหาโดยเร็วที่สุด 

ด้านนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยในการเดินทางไปพบกลุ่มชาวนาจากจังหวัดภาคกลาง ที่เดินทางมาชุมนุมที่ พณ.เพื่อเรียกร้องการช่วยเหลือราคาข้าว ว่า ได้ยืนยันไปว่ารัฐบาลให้ความสำคัญกับปัญหาของพี่น้องเกษตรกร และกำลังดำเนินมาตรการช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ซึ่งได้ข้อสรุปแล้วจะดำเนิน 3 มาตรการ โดยมาตรการหลักจะช่วยให้ชาวนาได้เงินเพิ่มตันละ 1,000-1,500 บาท คือการเก็บข้าวไว้ในยุ้งฉางของตนเอง  จะได้ตันละ 1,500 บาท และ 1,000 บาทหากฝากเก็บไว้กับสหกรณ์ เป้าหมาย 1.5 ล้านตัน ซึ่งวันที่ 26 ก.พ.นี้จะนำเข้าสู่การพิจารณาของ นบข.เพื่อพิจารณาอนุมัติ และนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีต่อไป

ส่วนอีก 2 มาตรการจะช่วยชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการโรงสี 6% ต้องเก็บสต๊อกไว้ 2-6 เดือน เป้าหมาย 2 ล้านตัน และเปิดจุดรับซื้อข้าวเปลือก โดยรัฐสนับสนุนค่าบริหารจัดการ 500 บาทต่อตัน เป้าหมาย 3 แสนตัน รวมทั้งจะมีมาตรการเสริมอื่นๆ เช่น การกระตุ้นการบริโภคข้าว ที่จะร่วมมือกับสมาคมผู้ประกอบการข้าวถุง  ผลิตข้าวถุงราคาประหยัดขายผ่านห้างโมเดิร์นเทรด การเร่งรัดผลักดันการส่งออกข้าวและการหาตลาดข้าว เช่น การผลักดันให้จีนซื้อข้าวจีทูจีที่ค้างอยู่ 2.8 แสนตัน และการผลักดันส่งออกไปยังแอฟริกาใต้ ซึ่งจะมีการเจรจาในช่วงปลายเดือน มี.ค.นี้

"สำหรับเรื่องเงินชดเชยรายได้ หรือการประกันรายได้ตามข้อเรียกร้องของเกษตรกร ยืนยันว่าทำไม่ได้ เพราะขัดกับมติ ครม.เมื่อวันที่ 21 พ.ย. 2566 และมติ นบข.เมื่อวันที่ 8 พ.ย. 2567 ที่กำหนดว่าในการจัดทำมาตรการ โครงการ เพื่อสนับสนุนหรือให้ความช่วยเหลือภาคเกษตรกร ให้หลีกเลี่ยงการดำเนินการในลักษณะการให้เงินอุดหนุน ช่วยเหลือ ชดเชย หรือประกันราคาสินค้าเกษตรโดยตรงแก่เกษตรกร"

นายวิทยากร มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า เป็นครั้งแรกที่รัฐบาลได้มีมาตรการช่วยเหลือข้าวนาปรังอย่างเป็นรูปธรรม เพราะปกติจะมีมาตรการช่วยเหลือเฉพาะข้าวนาปี โดยมาตรการที่ออกมาหากข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 15% ราคาตลาดอยู่ที่ 8,500 บาทต่อตัน เกษตรกรจะได้เงินเพิ่ม 1,000 บาทหากนำไปฝากไว้ที่สหกรณ์ และกำลังดูว่าจะเพิ่มที่ฝากอื่นๆ อีกเพื่ออำนวยความสะดวกให้เกษตรกร แต่ถ้าฝากไว้ที่ยุ้งฉางตัวเองจะได้เพิ่ม 1,500 บาท รวมเป็นเงิน 9,500-10,000 บาท แล้วแต่ว่าฝากไว้กับใคร ส่วนมาตรการชดเชยดอกเบี้ยให้โรงสีจะช่วยเพิ่มสภาพคล่อง และกระตุ้นให้มีการซื้อข้าวเพิ่มขึ้น และการเปิดจุดรับซื้อที่ให้ซื้อในราคานำตลาดอีก 300 บาทต่อตัน จะทำให้ราคาข้าวปรับตัวสูงขึ้นได้ต่อเนื่อง

ทั้งนี้ มาตรการของกระทรวงพาณิชย์ได้ผ่านการพิจารณาของคณะอนุกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติด้านการตลาดไปแล้ว ส่วนข้อเสนอของเกษตรกร เช่น การงดเผาตอซังฟางข้าว และการเยียวยากรณีเป็นพื้นที่รับน้ำนั้น ต้องรอคณะอนุกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติด้านการผลิต ที่มีกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับผิดชอบพิจารณาในช่วงเช้าวันที่ 26 ก.พ.นี้ ต้องรอดูว่าจะมีมาตรการแบบไหนอย่างไร ถ้าได้ข้อสรุปก็จะนำเข้าสู่ที่ประชุม นบข.ในช่วงบ่ายวันเดียวกันเลย และเมื่อ นบข.อนุมัติก็จะเสนอ ครม.วันที่ 4 มี.ค. 68 และดำเนินมาตรการทุกมาตรการได้ทันที.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

หนูคาดเบลต์กั๊กยุบสภา12ธ.ค.

"อนุทิน" ส่งสัญญาณ 12 ธ.ค. คาดเข็มขัดนิรภัย ปัดญาติดีเพื่อไทยหลีกทางยื่นซักฟอก บอกทำงานทุกวันไม่ได้คุย ขีดเส้นอยู่ไม่เกิน 31 ม.ค.