นายกฯบี้ขุนคลัง สั่งเร่งปั้นจีดีพี แก้ราคาพืชผล

นายกฯ ตรวจการบ้าน "รมว.คลัง" รายงานแผนงานสั้น-กลาง-ยาว สั่งเร่งปิดดีลลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ เปิดตลาดใหม่กระตุ้นส่งออก พร้อมปรับโครงสร้างพลังงาน ปลอบเกษตรกรรัฐบาลไม่ทิ้งแก้ราคาพืชผลตกต่ำต้องดีขึ้นแน่ "รมว.พณ." ขอใจเย็นกำลังติดต่อจีน-แอฟริกาขายข้าว 6.5 แสนตัน ย้ำแก้หนี้จบ ศก.โต 4-5% ขณะที่ชาวนาสุโขทัยบุกศาลากลาง จี้รัฐช่วยประกันราคาข้าวตันละ 10,000 บาท “คลัง” กางยอดจ่ายเงินหมื่นให้กลุ่มผู้สูงอายุแล้ว 2.82 ล้านราย ก่อนกดปุ่มจ่ายซ้ำครั้งที่ 2 วันที่ 28 มี.ค.นี้

เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 3 มีนาคม น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ทวีตข้อความผ่าน X และโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก พร้อมภาพขณะนั่งพูดคุยหารือกับนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และ รมว.การคลัง ที่ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล โดยมีข้อความระบุว่า "ในการประชุมคณะรัฐมนครี (ครม.) สัปดาห์ที่แล้ว ดิฉันได้ให้นายพิชัยทำแผนงานกระตุ้นเศรษฐกิจ ให้จีดีพีโต 3-3.5%  โดยในวันนี้หลังประชุม ครม. นายพิชัยได้รายงานความคืบหน้าจากการหารือกับกระทรวงการคลัง สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) โดยแบ่งแผนงานดังนี้"

"แผนการดำเนินงานระยะสั้น-กลาง โดย 1.เร่งการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ กองทุนต่างๆ ซึ่งมีเงินค้างอยู่กว่า 1 แสนล้านบาท 2.เพิ่มประสิทธิภาพการใช้งบประมาณ และผันเม็ดเงินไปสนับสนุนการปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจ 3.เร่งการลงทุนของภาคเอกชน โดยเฉพาะการลงทุนผ่านสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ซึ่งในปี 2567 มีการยื่นขอสนับสนุนราว 1.14 ล้านล้านบาท โดยเราจะช่วยดูแลอำนวยความสะดวกเรื่องการรายงานผลการศึกษาจัดอันดับความยากง่าย ในการประกอบธุรกิจในประเทศต่างๆ ทั่วโลก (Ease of Doing  Business) โดยเฉพาะเรื่องใบอนุญาตต่างๆ

4.เร่งปิดดีลการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่  เช่น ระบบน้ำ เพื่อสอดรับกับความต้องการทั้งด้านเกษตร อุตสาหกรรม และการอุปโภคบริโภค รวมถึงโครงการแลนด์บริดจ์ รถไฟเชื่อมต่อกับจีน ขยายสนามบินและท่าเรือ เพื่อให้ไทยเป็นศูนย์กลางด้านการขนส่ง ตามนโยบาย Ignite Thailand หรือการขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายใต้วิสัยทัศน์ 5.กระตุ้นการส่งออก เช่น การเปิดตลาดใหม่ เร่งเจรจากับประเทศคู่ค้า ลดคอขวดด้านพิธีการส่งออก โดยดิฉันขอให้ดูแลเรื่องราคาสินค้าเกษตรควบคู่ไปด้วย 6.ด้านการท่องเที่ยว เน้นการจัดงาน เทศกาล เพิ่มการใช้จ่ายต่อหัวและทำให้ระยะเวลาในการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยว อยู่ในประเทศนานขึ้น

สำหรับแผนระยะกลาง-ยาว เน้นการแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน 1.เริ่มปฏิรูปโครงสร้างอุตสาหกรรมแบบ Sandbox โดยยึดความต้องการของตลาดโลกที่เปลี่ยนไป และการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันให้อุตสาหกรรมเดิม 2.ปรับโครงสร้างด้านราคาพลังงาน และการเพิ่มสัดส่วนพลังงานหมุนเวียน เช่นนโยบายการทำสัญญาซื้อขายพลังงานไฟฟ้าได้โดยตรง (Direct Power Purchase Agreement) หรือ Direct PPA และโครงการของภาครัฐ ที่ให้บริการจัดหาใบรับรองการซื้อพลังงานไฟฟ้าสีเขียว (Utility Green Tariff: UGT) เพื่อตอบโจทย์มาตรฐานการค้าการลงทุนปัจจุบัน

และ 3.เร่งปฏิรูปด้านเกษตรแบบ Sandbox โดยใช้ตลาดนำ เริ่มจากสินค้าเกษตรหลัก ได้แก่ ข้าว มันสำปะหลัง ยางพารา ปาล์มน้ำมัน และอ้อย เน้นเรื่องความสมดุลอุปสงค์-อุปทาน พัฒนาปัจจัยทุน ได้แก่ ดิน เมล็ดพันธุ์ น้ำ และเพิ่มผลิตภาพ ทั้งหมดนี้เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกร โอกาสต่อไป คณะทำงานจะหารือเพิ่มกับภาคเอกชนผ่านคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) และจัดทำเป็นแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจภายใน 2 สัปดาห์"

ทั้งนี้ น.ส.แพทองธารแถลงภายหลังการประชุม ครม. ถึงการแก้ไขปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำว่า เรื่องของราคาผลผลิตทางการเกษตรเรื่องนี้เราดูกันอย่างจริงจัง ล่าสุดหอมแดงราคาขึ้นแล้ว และยังมีพืชผลอีกหลายตัวที่ราคาขึ้นในตอนนี้ ส่วนตัวที่ราคายังตกอยู่จะกำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปเจาะลึกในรายละเอียด ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องนี้เป็นเรดาร์เลย เพราะ สส.ในพรรคคอยย้ำเตือนตลอด ยืนยันว่าเรื่องราคาพืชผลการเกษตรไม่ทิ้งแน่นอน จะพยายามเร่งดูในเรื่องนี้ให้ดีขึ้นในทุกปัญหาที่เกี่ยวข้อง

ด้านนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์ กล่าวถึงการแก้ปัญหาราคาข้าวตกต่ำว่า รัฐบาลและตนคิดเสมอว่า ความทุกข์ของชาวนาคือความทุกข์ของแผ่นดิน เราติดตามสถานการณ์ตลอด เรื่องราคาข้าวที่ตกต่ำเกิดจากอินเดียกลับมาส่งออกใหม่ ทำให้ราคาลด ซึ่งราคาตลาดโลกเราควบคุมไม่ได้ ยืนยันเราพยายามช่วยชาวนาเต็มที่ และกระทรวงพาณิชย์ได้มีการดำเนินการวางแผนล่วงหน้าไว้แล้ว ได้มีการติดต่อจีนขายข้าว 2.8 แสนตัน และติดต่อแอฟริกา 3.7 แสนตัน อย่างไรก็ตามรัฐบาลได้ดำเนินมาตรการชดเชยไร่ละพัน ไม่เกิน 10 ไร่ ตามความต้องการของชาวนาที่มาพูดคุยกับเราว่าอยากจะได้แบบนี้ ซึ่งเป็นมาตรการระยะสั้น แต่มาตรการระยะยาวเราอยากให้ชาวนามีรายได้ที่ถาวร ให้ผลตอบแทนต่อไร่เพิ่มมากขึ้นในการปรับปรุงพันธุ์ข้าว

นายพิชัยกล่าวว่า ประเด็นสำคัญในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ คือการแก้ปัญหาหนี้ในประเทศ เพราะเงินในประเทศมีน้อย คนมีหนี้กันเยอะ เงินหมุนเวียนในประเทศมีน้อย เราจะทำอย่างไรในการหาเงินจากต่างประเทศ เราเชื่อว่าถ้าหากธนาคารแห่งประเทศไทยช่วยแก้ปัญหาหนี้สิน เช่นยืดอายุหนี้ เชื่อว่าถ้าสามารถแก้ปัญหานี้ได้ เศรษฐกิจเราโต 4-5% เห็นแน่นอนในอนาคต ขอให้ใจเย็นๆ และเรื่องชาวนาเรากำลังแก้ปัญหาอยู่

วันเดียวกัน ที่ศาลากลางจังหวัดสุโขทัย ชาวนาสุโขทัยในนามสมัชชาประชาชนฅนเหนือล่าง ได้รวมตัวกันมายื่นหนังสือข้อเรียกร้องต่อนายกรัฐมนตรี ผ่านทางผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตัวแทน สส.และตัวแทนพรรคการเมือง โดยมีข้อเรียกร้องระยะสั้น คือ 1.ให้รัฐบาลรับประกันราคา หรือรับจำนำข้าว ความชื้นไม่เกิน 25% อย่างน้อยตันละ 10,000 บาท 2.ให้รัฐบาลปรับเปลี่ยนเงินสนับสนุนต้นทุนการผลิตไร่ละ 1,000 บาท จากเดิมจำกัดที่ 10 ไร่ ให้ขยายเป็น 20 ไร่ และเรียกร้องให้แก้ปัญหาระยะยาว คือ 1.ให้รัฐบาลควบคุมราคาปัจจัยการผลิต ค่าน้ำมัน ค่าปุ๋ย ค่ายา 2.ให้รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีนโยบายบริหารจัดการน้ำเพื่อการเกษตรที่จริงจัง นอกเหนือจากกรณีภัยพิบัติน้ำท่วมน้ำแล้ง

นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยความคืบหน้าการจ่ายเงินตามโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านผู้สูงอายุ ซึ่งมีกลุ่มเป้าหมาย 3,025,596 รายว่า กระทรวงการคลัง โดยกรมบัญชีกลางได้จ่ายเงิน 10,000 บาทต่อรายให้กลุ่มเป้าหมาย เมื่อวันที่ 27 ม.ค. 68 แล้ว จำนวน 3,025,596 ราย โดยมีผลการโอนเงินแบ่งเป็น โอนเงินสำเร็จ 2,825,076 ราย หรือคิดเป็น 93.37% และโอนเงินไม่สำเร็จ 200,520 ราย หรือคิดเป็น 6.63%

 อย่างไรก็ดี เมื่อวันที่ 28 ก.พ. 2568 กรมบัญชีกลางได้สั่งจ่ายเงินในรอบการจ่ายเงินซ้ำ (Retry) ครั้งที่ 1 ให้แก่กลุ่มเป้าหมาย 199,919 ราย (หักผู้ถูกระงับสิทธิเนื่องจากเสียชีวิต) สำหรับการจ่ายเงินซ้ำ (Retry) ในรอบถัดไป คือ วันที่ 28 มี.ค. 2568 โดยประชาชนที่ได้รับสิทธิ์ต้องเร่งผูกบัญชีพร้อมเพย์กับเลขประจำตัวประชาชนภายในวันที่ 25 มี.ค. 2568 และรอบจ่ายเงินซ้ำครั้งสุดท้าย ครั้งที่ 3 คือวันที่ 28 เม.ย. 2568.