"ภูมิธรรม" ร่ายยาว แจง กคพ.รับคดีฮั้วเลือก สว.ตามพยานหลักฐาน-อำนาจดีเอสไอ ยันไม่คิดเอาเรื่องการเมืองมาทำร้ายกัน บอกแค่อยากสร้างความเชื่อมั่นระบบนิติบัญญัติ "ทวี" ขีดเส้น 3 เดือนสอบฟอกเงินเสร็จ “สว.สรชาติ” จี้ดีเอสไอพิสูจน์เส้นเงินเลือก สว.ให้ชัด ดักคอหากสอบพบเงินไม่ถึง 300 ล้านบาทต้องยุติ ชี้ 1.2 พันชื่อโพยฮั้วทำย้อนหลังได้หมด "รังสิมันต์” ข้องใจตั้งคดีฮั้ว สว.แค่ฟอกเงิน เหตุต้องกลับไปตั้งต้นที่อั้งยี่ซ่องโจรอยูู่ดี เหน็บนายกฯ ไร้ภาวะผู้นำจนบังคับใช้ กม.จริงจังไม่ได้ เชื่อดีลลับทำคดีเปลี่ยน "อนุทิน" ขำ "โรม" พูดไปเรื่อย เชื่อ ขรก.ประจำไม่กล้าปฏิบัติตามคำสั่งหากผิด กม. เผยพบ "ทักษิณ" กินเส้นเล็กแห้งไม่มีเกาเหลา ลั่นรักกันดี "ดร.สุขุม" เชื่อปม สว.โยกศึกซักฟอก
เมื่อวันที่ 7 มี.ค. นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวถึงการทำหน้าที่คณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) พิจารณาคดีฮั้วเลือก สว. ระบุว่า ความโปร่งใสคือหัวใจของความชอบธรรม เมื่อวานนี้ (6 มี.ค.) กคพ.ได้มีมติให้กรณีการสมคบกันในความผิดฐานฟอกเงินของบุคคลหรือคณะบุคคลที่กระทำผิดเป็นอั้งยี่ ที่เกี่ยวข้องกับการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา (สว.) เมื่อปี 2567 เป็นคดีพิเศษ ตามมาตรา 21 วรรคหนึ่ง (1) แห่งพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ.2547 โดยพิจารณาบนฐานข้อเท็จจริง กรณีที่มีผู้เสียหายมาร้องทุกข์กล่าวหากับทางดีเอสไอ เป็นการสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของภาครัฐในการตรวจสอบข้อสงสัยเกี่ยวกับความโปร่งใสของกระบวนการเลือกตั้ง สว.
"การตัดสินใจครั้งนี้ดำเนินการตามหลักกฎหมายและอำนาจหน้าที่ของดีเอสไออย่างเคร่งครัด เพื่อให้เกิดการตรวจสอบอย่างรอบด้าน และสร้างความเชื่อมั่นต่อระบบนิติบัญญัติของประเทศ ใช้ข้อกฎหมายตรวจสอบ ไม่ใช่เรื่องการเมือง" นายภูมิธรรมระบุ
รองนายกฯ ระบุด้วยว่า การพิจารณาและมีมติชี้ขาดของบอร์ดดีเอสไอให้กรณีดังกล่าวเป็นคดีพิเศษ เนื่องจากเป็นการกระทำที่เข้าข่ายความผิดทางอาญาที่มีลักษณะซับซ้อน และส่งผลกระทบต่อผลประโยชน์สาธารณะ โดยมิได้ยุ่งเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ของ กกต. ซึ่งทำงานตามภารกิจในฐานะผู้ดูแลจัดการการเลือกตั้ง หากแต่เป็นการแยกกันทำหน้าที่ตามกรอบภารกิจที่เป็นข้อกำหนดในกฎหมาย นี่คือกระบวนการที่เป็นไปตามหลักกฎหมาย ไม่ใช่การใช้ดีเอสไอเป็นเครื่องมือทางการเมืองเพื่อโจมตีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง การสืบสวนของดีเอสไอ มีเป้าหมายเพื่อตรวจสอบความถูกต้องและยืนยันความโปร่งใสของกระบวนการเลือกตั้ง สว. ซึ่งมีบทบาทสำคัญต่อการใช้อำนาจนิติบัญญัติและการแต่งตั้งคณะกรรมการอิสระในอนาคต
ความสำคัญของการตรวจสอบกระบวนการเลือกตั้ง สว. สมาชิกวุฒิสภา (สว.) มีบทบาทสำคัญในการถ่วงดุลอำนาจและกำกับดูแลการบริหารราชการแผ่นดิน อีกทั้งยังมีอำนาจในการให้ความเห็นชอบการแต่งตั้งคณะกรรมการอิสระต่างๆ เช่น คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.), คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.), คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (คตง.) ซึ่งล้วนเป็นกลไกสำคัญในกระบวนการยุติธรรมของประเทศ
หากการได้มาซึ่ง สว. มีข้อกังขา เกี่ยวกับการทุจริตหรือการสมคบกันเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ย่อมส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือของระบบนิติบัญญัติและกระบวนการยุติธรรมโดยรวม อย่างไรก็ตาม กระบวนการในวันนี้ ไม่ได้หมายความว่า ผู้ถูกกล่าวหาเป็นผู้กระทำความผิดทางกฎหมายแล้ว แต่ยังต้องมีการสอบสวน รวบรวมข้อเท็จจริง เพื่อนำเข้าสู่การพิจารณาตัดสินของศาล จึงจะถือเป็นข้อสรุปที่สิ้นสุด
ฮั้ว สว.คดีพิเศษไม่เกี่ยวการเมือง
ช่วงท้ายนายภูมิธรรมระบุว่า "ความโปร่งใสคือรากฐานของประชาธิปไตยที่เข้มแข็ง การเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ยุติธรรมเป็นหัวใจของระบอบประชาธิปไตย และเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ประชาชนสามารถไว้วางใจในกลไกของรัฐ การที่ DSI ใช้อำนาจตามกฎหมายเพื่อสืบสวนข้อร้องเรียนเกี่ยวกับการเลือกตั้ง สว. เป็นการดำเนินการที่จำเป็น ไม่ใช่เรื่องของเกมการเมือง แต่เป็นเรื่องของหลักนิติรัฐและความยุติธรรม เพื่อให้มั่นใจได้ว่าสมาชิกวุฒิสภาที่ได้รับเลือกมาปฏิบัติหน้าที่นั้น เป็นตัวแทนที่มาจากกระบวนการที่ถูกต้องและโปร่งใส
ต่อมานายภูมิธรรมให้สัมภาษณ์ชี้แจงการโพสต์เฟซบุ๊กดังกล่าวว่า ไม่ได้ตอบโต้ใคร เพียงแต่ตนทำหน้าที่โดยใช้ความรู้สึกนึกคิดที่มีอยู่ และประเด็นคือเราอยากบอกเรื่องนี้ ยืนยันว่าไม่ใช่เรื่องของพรรคการเมืองขัดแย้งกัน เป็นเรื่องของตัวบุคคล ที่อยู่ในตำแหน่งหน้าที่ เกิดการกระทำและเกิดขบวนการที่สำเร็จ คือการกระทำก่อนที่จะมาเป็น สว.
"ดีเอสไอต้องดูเรื่องที่เกี่ยวข้องกับคดีการฟอกเงิน และเป็นเรื่องของการร่วมมือกันทำผิดกฎหมาย ส่วนคดีของ กกต.เราคืนส่งไป เราเริ่มต้นจากตรงนี้ทำให้เกิดความชัดเจน เราก็รับฟัง เมื่อ กกต.ทำหนังสือมาถึงเรา เราก็ได้ทำการแยกคดี ใช้ในสิทธิ์และความเกี่ยวข้องของดีเอสไอที่สามารถทำได้ ส่วนทำแล้วคดีไปถึงไหน ก็เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม หากเกี่ยวข้องกับใคร เราจะส่งให้องค์กรนั้นๆ ที่รับผิดชอบ รับเรื่องไปดำเนินการ เรามีหน้าที่ทำความจริงให้ปรากฏ เพราะมีคนมาร้องเรียน หากเราไม่ทำก็โดนมาตรา 157 คือละเว้นหรือไม่ปฏิบัติหน้าที่ จึงเป็นสิ่งที่เราต้องปฏิบัติ" นายภูมิธรรมกล่าว
ถามว่า การรับคดีฮั้ว สว.เป็นคดีพิเศษ จะกระทบไปถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ หรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ได้เป็นการเมืองแล้วจะกระทบได้อย่างไร อย่าไปคิดอะไรเป็นเรื่องการเมืองไปหมด ไม่เช่นนั้นองค์กรที่ทำหน้าที่เขาจะทำงานยาก เพราะถ้าเขาขยับทำงานอะไรไปหน่อยก็จะกลายเป็นเรื่องการเมืองไปหมด
“ผมยืนยันโดยเฉพาะตัวผมเอง ไม่ใช่เอาการเมืองมาทำร้ายกัน ว่ากันไปตามอำนาจหน้าที่และตามกฎหมาย” นายภูมิธรรมกล่าว
ส่วน พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ยืนยันว่าการรับคดีพิเศษตามกฎหมายฟอกเงิน หากมีความเชื่อโยงไปถึงความผิดฐานอั้งยี่ การได้มาซึ่ง สว.หรือการฮั้ว และความผิดอื่นๆ เช่น ความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งรัฐ ตามประมวลกฎหมายอาญา ม.116 (3) ที่มีการร้องทุกข์ไว้ ก็ให้ถือเป็นคดีพิเศษ โดยตอนนี้ดีเอสไอมีพยานประมาณ 7,000 คน ซึ่งเป็นผู้ที่เข้าไปในพื้นที่การเลือก สว.ระดับประเทศที่เมืองทองธานีถึง 3,000 คน เราก็จะดูพยานหลักฐานนี้ โดยได้ส่งหนังสือขอให้พนักงานอัยการร่วมสอบสวนด้วย เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์และพิสูจน์ความผิด โดยได้ให้นโยบายดีเอสไปแล้ว จะต้องใช้เวลารวบรวมหลักฐานไม่เกิน 3 เดือน เพราะเขาสอบมานานแล้ว
ถามว่า มีการตั้งข้อสังเกตการใช้เงินจูงใจให้เลือกเข้าข่ายเป็นการซื้อเสียง ซึ่งอยู่ในอำนาจของ กกต. ตอนนี้ดีเอสไอพยายามล้วงลูก กกต.ด้วยการอ้างกฎหมายฟอกเงินหรือไม่ พ.ต.อ.ทวีกล่าวว่า ไม่ใช่ มันเหมือนบริษัทหลบเลี่ยงภาษี ก็มีความผิดหลายกรรม แต่นี่เป็นความผิดอั้งยี่ มีการสมคบกันกระทำการที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายก็ถือเป็นหนึ่งความผิดแล้ว
"กกต.เป็นฝ่ายมาขอให้เราทำ เราจึงต้องร่วมมือกับ กกต. และเมื่อพบพยานหลักฐานแล้ว กกต.ก็สามารถนำไปพัฒนาและใช้ในการยื่นต่อศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งเพื่อถอดถอนได้ คิดว่าหลักฐานที่มีการจ่ายเงินน่าจะถึง 20 คน ถ้า กกต.ร่วมมือกัน ซึ่งตอนนี้ก็คิดว่าเขาร่วมมือเพราะเขาส่งหนังสือมา และเราไม่ได้ก้าวล่วงอำนาจเขา ตราบใดที่เขายังไม่ยกเลิกดีเอสไอและตำรวจเข้าไปร่วมสืบสวนคดีฮั้วเลือก สว. เราก็พยายามรวบรวมพยานหลักฐานให้ เพราะอำนาจของ กกต.คือการเดินหน้าถอดถอนบุคคลที่ได้ซึ่งตำแหน่ง สว.โดยมิชอบ" พ.ต.อ.ทวีกล่าว
รมว.ยุติธรรมกล่าวว่า ไม่กังวลกรณีที่ สว.ตอบโต้ด้วยการยื่นถอดถอนจากตำแหน่งฐานกระทำความผิดด้านจริยธรรมอย่างร้ายแรง และเตรียมยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปในวุฒิสภา เพราะเรื่องความยุติธรรมไม่ว่าจะเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ล้วนมีความสำคัญเท่ากัน
สว.จี้ DSI สอบฟอกเงินต้องชัด
แหล่งข่าวจาก กคพ.ระบุว่า เหตุที่คดีฟอกเงินมีการโหวตในบอร์ด กคพ. เพื่อชี้ขาดว่าถึงหรือไม่ถึง 300 ล้านบาท ตามมาตรา 21 วรรคหนึ่ง (1) แห่ง พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ.2547 โดยใช้มติเสียงส่วนใหญ่ในที่ประชุม ซึ่งผ่านมติด้วยเสียง 11 ต่อ 4 ว่ามีมูลค่าเกิน 300 ล้านบาท และเสนอให้อธิบดีดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษตามอำนาจหน้าที่ แต่ถ้าไม่ถึงกึ่งหนึ่ง ก็ต้องโหวตตามมติ 2 ใน 3 คือตามมาตรา 21 วรรคหนึ่ง (2)
ขณะที่ นายสรชาติ วิชย สุวรรณพรหม สว. กล่าวถึงกรณี กคพ.รับคดีฮั้วเลือก สว.ฐานความผิดฟอกเงินว่า ประเด็นฟอกเงินเป็นอำนาจดีเอสไอ ซึ่งตามกรอบต้องมีวงเงินทั้งกระบวนการจำนวน 300 ล้านบาท ซึ่งกรณีการเลือก สว.นั้น ดีเอสไอจะตรวจสอบอย่างไร เพราะเป็นประเด็นที่ไม่เหมือนกับคดีแชร์ลูกโซ่ หรือคดีหลอกลวงโดยแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่มีมูลค่าความเสียหายและเส้นเงิน ดังนั้นแม้ดีเอสไอจะมีอำนาจตรวจสอบประเด็นฟอกเงิน ก็ต้องตรวจสอบให้ได้ว่ามาจากไหน หากไม่ได้หรือยอดเงินไม่ถึง เท่ากับว่าไม่เข้าข่าย การสอบสวนต้องยุติ
“การตรวจสอบเส้นทางการเงินต้องหาให้ได้ว่ามาจากไหน มีหลักฐานที่มา ซึ่งพวกเรามั่นใจว่าไม่มีหลักฐานถึง และมั่นใจว่าไม่มีการฮั้ว เพราะ สว.ชุดปัจจุบันที่ถูกกล่าวหาไม่มีพฤติกรรมอะไร แต่พวกสอบตก หรือพวกที่มาร้องคือพวกที่ทำแล้วทำคะแนนไม่ได้จึงมาร้องว่าคนอื่นฮั้ว เป็นคนที่วางแผนเข้ามา คนกลุ่มดังกล่าวเป็นคนกลุ่มเดียวกับที่ปิดห้องลับจำนวน 400 คน และยังมีที่อื่นๆ อีก ซึ่งเป็นคนกลุ่มปลายแถวที่จัดฮั้ว แต่เมื่อทำไม่สำเร็จจึงมาร้อง ดังนั้นจึงเป็นเกมของผู้แพ้” นายสรชาติกล่าว
ถามว่า มองประเด็นตรวจสอบเส้นเงินเรื่องของ สว.อย่างไร นายสรชาติกล่าวว่า จะเอาหลักฐานมาจากไหน ทั้งนี้พวกเรามั่นใจว่าจะไม่มีหลักฐานที่ถึงจำนวนดังกล่าว หากถามว่าฮั้วหรือไม่ ก็ไม่มี เพราะสว.ไม่ได้ฮั้ว และไม่เข้าข่ายสักอย่าง ไม่มีหลักฐาน
ซักถึงเรื่องตรวจสอบจะเกี่ยวกับ 1,200 รายชื่อผู้สมัคร สว.ที่ถูกเปิดเผยก่อนหน้านี้ นายสรชาติกล่าวว่า เป็นการสร้างหลักฐานเพื่อให้เชื่อมโยงและให้มีความน่าเชื่อถือเท่านั้น เพราะหากคิดย้อนกลับ เหมือนกับว่ามีตัวเลข สว.138 คนที่รู้ว่ามาได้อย่างไร และที่เปิดเผยคือโหวตเตอร์ ซึ่งการเลือก สว.นั้นต้องดูโปรไฟล์ ส่วนโพยที่กล่าวหานั้นสามารถทำย้อนหลังได้หมด แต่เป็นหลักฐานไม่ได้ ยกเว้นนำไปตรวจดีเอ็นเอหรือพิสูจน์ลายมือได้ว่าเป็นของใคร
เมื่อถามว่า ใน 1,200 รายชื่อ พบชื่อของนายสรชาติด้วย กังวลหรือไม่ นายสรชาติกล่าวว่า ไม่กังวล เพราะไม่ได้ฮั้ว
ด้านนายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) กล่าวถึงกรณี กคพ.รับคดีฮั้วเลือก สว.ฐานความผิดฟอกเงินว่า เวลาจะพูดถึงฟอกเงินต้องมีคดีมูลฐานก่อน ซึ่งตนงงว่าจะตั้งฐานโดยใช้คดีมูลฐานอั้งยี่ซ่องโจรก็จะสามารถไปคดีฟอกเงินได้ แต่เมื่อตั้งต้นจากคดีฟอกเงินก่อน ก็จะต้องกลับไปตั้งต้นว่าคดีมูลฐานเป็นอย่างไร ตนเข้าใจว่ามีปัญหาเรื่องของการล็อบบี้ ซึ่งเป็นเรื่องที่แปลกประหลาด เพราะเริ่มต้นพิจารณาตำรวจหายไปถึง 3 คน ทั้งที่ตำรวจอยู่ภายใต้กำกับดูแลของนายกรัฐมนตรี ซึ่งแทบจะเรียกได้ว่าเป็นผู้บัญชาการสูงสุดของตำรวจ ทำไมถึงไม่สามารถกำกับดูแลให้ตำรวจปฏิบัติหน้าที่ของตัวเองในบอร์ดดีเอสไอได้
"ต้องยอมรับกันตรงๆ ว่ามีผู้ที่มาเกี่ยวข้องมาแทรกแซงแล้วทำให้กระบวนการของดีเอสไอที่มีการประกาศไปเมื่อวันที่ 6 มี.ค.ที่ผ่านมา อาจจะดูแปลกประหลาด กลายเป็นว่าแทนที่จะสามารถตั้งต้นได้จากอั้งยี่ซ่องโจร แล้วไปในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงินก็จะเดินไปได้ดีกว่า ซึ่งแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลนี้ไม่สามารถที่จะดำเนินการได้แม้กระทั่งการปราบอาชญากรรมที่มีความร้ายแรงขนาดนี้ จึงมีคำถามว่าศักยภาพของรัฐบาลนี้จะทำได้มากน้อยแค่ไหน
โรมเชื่อดีลลับทำคดีเปลี่ยน
ถามว่า เป็นเพราะการพบกันของผู้มีอิทธิพลทั้งในและนอกรัฐบาลหรือไม่ นายรังสิมันต์กล่าวว่า ต้องยอมรับว่าสถานภาพของรัฐบาลที่มีความไม่แน่นอนสูง เป็นสภาวะเสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกัน ซึ่งทำให้ปัญหาความเป็นเอกภาพของรัฐบาลที่ต้องยอมรับว่ามีอยู่ เพราะมีการปะทะกันระหว่างการทำงานของสองขั้ว ทำให้การทำงานไม่มีความเป็นเอกภาพ การที่เราจะบอกว่าเสือตัวไหนแข็งแรง จะดูแค่ที่นั่ง สส.ไม่ได้ เพราะมีปัจจัยที่มากกว่านั้น เมื่อเป็นแบบนี้ ยิ่งทำให้เสถียรภาพของรัฐบาลมีความอ่อนแอลง ผนวกกับมีผู้มีอำนาจที่อยู่นอกรัฐบาลเข้ามามีปัจจัยเกี่ยวข้องในการล็อบบี้ต่างๆ สุดท้ายจึงทำให้ดีเอสไอไม่สามารถที่จะทำคดีเรื่องนี้เป็นคดีพิเศษได้อย่างเต็มที่ การตั้งข้อกล่าวหาจึงดูค่อนข้างแปลกประหลาด
"ส่วนหนึ่งคือภาวะผู้นำของนายกฯ มากเพียงพอหรือไม่ว่ามีภาวะผู้นำที่เข้มแข็งมากเพียงพอในการที่ทำให้ทุกฝ่ายเชื่อมั่นว่า รัฐบาลนี้เอาจริงเอาจังกับการบังคับใช้กฎหมาย ที่จะทำให้ทุกฝ่ายซึ่งรวมไปถึงพรรคร่วมรัฐบาล ให้ความเชื่อมั่นว่านี่คือรัฐบาลที่เขาต้องยอมรับ และการเป็นผู้นำต่อไป ถ้าปัญหานี้ไม่ได้รับการแก้ไข ปัญหาอาชญากรรมต่างๆ ที่เชื่อมโยงกับผู้มีอำนาจฝ่ายต่างๆ ก็อาจจะไม่ได้รับการแก้ไขต่อไป และเป็นปัญหาร้ายแรงของประเทศต่อไป" นายรังสิมันต์กล่าว
ส่วนนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย ปฏิเสธแสดงความเห็นกรณี กคพ.รับฐานความผิดฟอกเงินเป็นคดีพิเศษในคดีฮั้วเลือก สว. โดยระบุว่า การรับคดีเป็นคดีพิเศษนั้นเป็นการลงมติ
ถามว่า มีการวิจารณ์ในอนาคตหากพรรคใดได้คุมกระทรวงยุติธรรมจะมีดีเอสไอเป็นเครื่องมือ นายอนุทินกล่าวว่า คงไม่หรอกมั้ง เพราะข้าราชการประจำคงมีแนวทาง อะไรเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบไม่ถูกด้วยกฎหมาย ข้าราชการประจำเขาไม่ปฏิบัติอยู่แล้ว
เมื่อถามว่า นายรังสิมันต์ระบุเหตุที่ผลของดีเอสไอออกมาแบบนี้ มาจากดีลลับบ้านจันทร์ส่องหล้า นายอนุทินหัวเราะและส่ายหัวพร้อมกล่าวว่า ท่านก็พูดอะไรของท่านไปเรื่อย จริงบ้างไม่จริงบ้างก็แล้วแต่
ซักว่ายืนยันไม่ได้เกี่ยวกับดีลบ้านจันทร์ส่องหล้าใช่หรือไม่ นายอนุทินส่ายหัวและตอบว่า ไม่เกี่ยวเลย ประเด็นนี้ยิ่งไม่เกี่ยวเลย จะมีดีลลับได้อย่างไร หากมีดีลลับแล้วตนจะรู้ได้อย่างไร เราทำอะไรตรงไปตรงมาเปิดเผย ไม่จำเป็นต้องไปลับอะไร และไปพบใครก็เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว ไม่ใช่ว่าไปพบใครแล้วต้องมารายงาน แต่ถ้าใครรู้เราก็ไม่ปฏิเสธ
เมื่อถามว่า วันที่พบกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีที่บ้านจันทร์ส่องหล้า ได้รับประทานมาม่าเหมือนเดิมหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า “กินเส้นเล็กแห้งลูกชิ้นปลา” เมื่อถามย้ำว่าไม่มีเกาเหลาใช่หรือไม่ นายอนุทินตอบว่า "ไม่มี ไม่มี รักกัน"
ถามถึงกรณีนายรังสิมันต์มองรัฐบาลเหมือนเสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกัน นายอนุทินตอบติดตลกว่า เสือตัวหนึ่งตัวผู้ เสืออีกตัวตัวเมีย ไม่มีปัญหาอะไร
'สุขุม' มั่นใจมีปมซักฟอกเอี่ยว
ที่รัฐสภา นางอังคณา นีละไพจิตร สว. กล่าวว่า ไม่แปลกใจที่ กคพ.รับเป็นคดีฟอกเงิน เพราะจากที่ทราบน่าจะมีการพูดคุยกันแล้วในระดับหนึ่ง แต่ในฐานะที่ฟังมาจากประชาชน ถ้าทำมาถึงขนาดนี้แล้วก็ทำต่อให้จริง
ถามว่า ที่ระบุมีการพูดคุยกันนั้นหมายถึงใคร นางอังคณากล่าวว่า ที่มีข่าวว่านายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด นายอนุทินไปพบกับนายทักษิณ ซึ่งเรื่องนี้มีการพูดกันเยอะในหน้าสื่อและโซเชียล ต่อข้อถามว่าเชื่อหรือไม่ว่ามีการไปพูดคุยเรื่องเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์กัน นางอังคณากล่าวว่า ส่วนตัวไม่เชื่อ และคิดว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับเรื่องคดีนี้ด้วย ถือเป็นเรื่องสำคัญ
นางอังคณากล่าวว่า เรื่องคดีฮั้วที่ กกต.ทำอยู่ตั้งแต่วันแรกที่มีการประกาศรายชื่อของ สว. ก็มีการวิพากษ์วิจารณ์มาตลอด ฉะนั้น กกต.ควรจะรีบเร่งในการดำเนินการ ไม่ควรปล่อยให้ล่าช้าและคลุมเครือไปเรื่อยๆ
ที่สำนักงาน กกต. มีการเปิดเผยรายละเอียดการทำคดีฮั้วเลือก สว.ที่มีการร้องเรียน โดยดำเนินการแล้วเสร็จ 299 เรื่อง ประกอบด้วย 1.พิจารณาคำร้องแล้ว 224 เรื่อง โดยสั่งไม่รับและรวบรวมเป็นข้อมูล 100 เรื่อง, สั่งยกคำร้องและสั่งยุติเรื่อง 122 เรื่อง และสั่งนับคะแนนใหม่ 2 เรื่อง 2.วินิจฉัยชี้ขาดสำนวนแล้ว 75 สำนวน โดยยกคำร้อง 62 สำนวน, ระงับสิทธิ์ 2 สำนวน, ดำเนินคดีอาญา 6 สำนวน และยื่นคำร้องต่อศาล 5 สำนวน และหรือเรื่องที่อยู่ระหว่างดำเนินการ 278 เรื่อง โดยอยู่ระหว่าง 1.ตรวจคำร้อง ตรวจสอบ ตรวจมูล 1 เรื่อง 2.เสนอสั่งไม่รับรายงานตรวจสอบ รายงานตรวจมูล 17 เรื่อง 3.สืบสวน ไต่สวน 5 สำนวน 4.สำนักงาน กกต.สรุปสำนวน จัดทำความเห็นเลขาธิการ กกต. 106 สำนวน 5.สำนักงาน กกต.เสนอสำนวนต่ออนุกรรมการวินิจฉัยฯ 100 สำนวน และ 6.สำนักงาน กกต.อยู่ระหว่างเสนอสำนวนเข้าสู่วาระการประชุม กกต. 49 สำนวน
วันเดียวกัน รศ.ดร.สุขุม นวลสกุล อดีตอธิการบดี ม.รามคำแหง กล่าวถึงกรณี กคพ.รับเรื่องฮั้วเลือก สว.ฐานฟอกเงินเป็นคดีพิเศษว่า เป็นเรื่องการเมืองที่เชื่อมโยงกับการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพื่อต้องการจะบีบให้พรรคภูมิใจไทยเทคะแนนให้นายกฯ เป็นการสร้างความมั่นใจอีกชั้นหนึ่ง นอกเหนือจากคำประกาศของหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ที่จะสนับสนุนนายกฯ แพทองธาร ชินวัตร แบบ 100%
“ผมไม่มองว่าเป็นเรื่องกฎหมาย เพราะที่ผ่านมากับบ้านเมืองนี้ ถ้าเอากฎหมายไปจับมันออกมาไม่เป็นไปตามนั้น เรื่อง สว.ก็เป็นเรื่องการเมือง เมื่อเขาอภิปรายนายกฯ คนเดียว คนเป็นพ่อต้องเล่นบทง้อพรรคร่วมฯ แลกกับคะแนน มีทั้งง้อประชาธิปัตย์ ง้อพรรคประชาชาติ ง้อพรรคภูมิใจไทย ของภูมิใจไทยเราก็เห็นแล้วว่าผู้ยิ่งใหญ่ได้เจอกัน เรื่องโมโตจีพีก็จะต่อสัญญาแล้ว แต่ก็ขอค้างปม สว.ไว้เป็นตัวประกัน สำหรับศึกอภิปราย พรรคเพื่อไทยมองว่าพรรคภูมิใจไทยมีอำนาจมาก เป็นพรรคที่มีความเป็นเอกภาพ ไม่ใช่พรรคเครือข่ายเพื่อไทย แบบพรรคประชาชาติ การจัดการความสัมพันธ์ต่างๆ จึงมีความซับซ้อนพอสมควร” รศ.ดร.สุขุมระบุ
เช่นเดียวกับนายจตุพร ที่เฟซบุ๊กไลฟ์ว่า ถัดจากนี้ไปการขัดแย้งเชิงอำนาจยังไม่จบลง เพราะ สว.ตั้งป้อมต่อสู้เอาคืนกับ พ.ต.อ.ทวี แล้วยังจะลุกลามไปถึงการยื่นคำร้องให้ตรวจสอบนายกฯ ผิดจริยธรรมร้ายแรงกรณีสนามกอล์ฟอัลไพน์ ดังนั้น แสดงให้เห็นว่าอำนาจดีลเริ่มถดถอย ไฟที่เคยบอกว่าเขียวก็เริ่มริบหรี่ลง
"การพบกันของระดับนำทางการเมืองระหว่างพรรคภูมิใจไทยกับทักษิณนั้นยังตกลงอำนาจทับเส้นกันไม่ได้ เพราะไม่ได้เล่นงาน สว.ข้อหาอั้งยี่ ซ่องโจร และแม้ไม่โหวตมติ 15 เสียงเพื่อรับเป็นคดีพิเศษ แต่ให้ดำเนินการข้อหาฟอกเงิน ซึ่งเป็นอำนาจพิจารณาของอธิบดีดีเอสไอโดยตรงอยู่แล้ว ดังนั้นการประชุม กคพ. สะท้อนให้เห็นว่า กรรมการที่มาจากตำรวจไม่เข้าประชุมถึง 3 คน คงไม่เอาด้วยกับสิ่งที่รัฐบาลต้องการ และอำนาจไฟเขียว ซึ่งมักกล่าวอ้างกันนั้นกำลังเปลี่ยนแปลงไป หรือไม่ได้อยู่ในสถานะเดิมตามดีลกลับเข้าประเทศ” นายจตุพรระบุ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ทบ.เดือดจัด ซัด‘เฮงรัตนา’ จอมลวงโลก
โฆษก ทบ.จี้นานาชาติจับตา “เฮง รัตนา” ผอ. CMAC กัมพูชา เผยแพร่ข้อมูลเท็จ บ่อนทำลายความไว้วางใจและสันติภาพในภูมิภาค ใช้จินตนาการปั้นแต่งเรื่องราวเพื่อหลอกลวงสังคมโลก
‘ราชินี’แรงบันดาลใจคนรุ่นใหม่
ในหลวงพระราชทานถ้วยรางวัลนักกีฬาเรือใบ “ภูเก็ตคิงส์คัพรีกัตต้า” ครั้งที่ 37 พระราชินีทรงแข่งเรือใบรอบชิงชนะเลิศ ทำให้เรือวายุมีคะแนนดีที่สุดในการแข่งขัน
‘อนุทิน’ล่องลงใต้ ขออภัยผมผิดเอง
"อนุทิน" นำคณะ ครม.ลงใต้อีกรอบ เตรียมตั้งกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติส่วนหน้า ที่ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 12
พท.ขึงขังซักฟอก อ้างเหตุเพราะมีคนตายปากกล้าขาสั่นท้าไม่กลัวยุบสภา
พรรคเพื่อไทยจะเอาทุกอย่าง ซักฟอกดิสเครดิตรัฐบาลก่อนเลือกตั้ง บีบพรรคส้มตัดสินใจ เชื่อ "อนุทิน" ไม่ยุบสภา ไม่กระทบรัฐธรรมนูญ "สรวงศ์" ลั่น
รำลึกพ่อหลวงร.9 ในหลวง-พระราชินีทรงบำ เพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน
ในหลวง-พระราชินี ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพรัชกาลที่ 9 และสถาปนาพระอิสริยศักดิ์เฉลิมพระนามพระอัฐิสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมพระนราธิวาสราชนครินทร์ บดินทรเชษฐภคินี
นายกฯยังห่วงหาดใหญ่ ประเดิมพ.ย.เว้น‘ค่าไฟ’
"อนุทิน" รับยังกังวลน้ำท่วมหาดใหญ่ ขนกองทัพนักวิชาการลงพื้นที่ถอดบทเรียน นำประชาชนกลับบ้านแล้ว 90% “เท้ง” แซะบอร์ดมีไว้แค่ให้พาดหัว

