ปชน.ลุยยุทธการโรยเกลือ ขยี้ปมตั๋วP/N-รร.เขาใหญ่

"อิ๊งค์" ย้ำ "ตั๋ว PN" ทำทุกอย่างถูกต้อง ชี้ยังไม่จ่ายเงินจะหนีภาษีได้ยังไง "ภูมิธรรม"  โต้ข่าวดีลเปลี่ยนตัวนายกฯ ไร้สัญญาณปรับ ครม.  "บิ๊กอ้วน" ยันไม่ใช่นโยบายรัฐบาลทำไอโอกลุ่มเห็นต่าง สั่ง “ผบ.เหล่าทัพ” ตรวจสอบ “ทวี” โบ้ยชั้น 14 ถาม ป.ป.ช.-แพทยสภา "กล้าธรรม" ลงพื้นที่ขอนแก่น งูเห่าโผล่ร่วม ฝ่ายค้านลุยยุทธการโรยเกลือ บี้อธิบดีสรรพากรวินิจฉัยเป็นลายลักษณ์อักษร บุกกรมที่ดินเพิกถอนโฉนด "รร.เทมส์ วัลลีย์" ขณะที่ "กรมที่ดิน" ร่อนหนังสือแจงออกโดยชอบกฎหมาย "สนธิญา" ยื่น กกต.สอบคนนอกครอบงำ  พท.-ปชน.

เมื่อวันที่ 28 มีนาคม น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน ไปยื่นกรมสรรพากรให้ตรวจสอบกรณีใช้ตั๋วสัญญาใช้เงิน (ตั๋ว PN) กรณีซื้อหุ้นว่า ให้เขาไปยื่น ทราบอยู่แล้วว่าต้องไปยื่น ไม่เป็นไร อย่างที่ชี้แจงในสภาว่าทำทุกอย่างถูกต้องอยู่แล้ว

"มันจะหนีภาษีได้อย่างไร มันยังไม่มีการจ่ายตังค์เลย ต้องจ่ายก่อนถึงจะคิดภาษีได้ และภาษีต้องเกิดจากกำไรด้วยซ้ำ อันนี้คือข้อที่ชัดเจนอยู่แล้ว นักวิชาการก็ออกมาพูด แต่ว่าก็นั่นแหละค่ะ" นายกฯ ระบุ

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ภายหลังจบศึกซักฟอกว่า ถูกถามเรื่องนี้เป็นครั้งที่ 20 แล้ว ยังไม่เห็นว่ามีการปรับ ครม.เลย ถือเป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรี และได้พูดชัดเจนแล้วว่าไม่มีการปรับ ครม. ยังทำงานร่วมกันได้เป็นอย่างดี

สำหรับกระแสข่าวดีลเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรีนั้น นายภูมิธรรมยิ้มแล้วตอบว่า ดีลอีกแล้ว ดีลระดับประเทศ ดีลไปก็ไม่มีความหมาย

นายภูมิธรรมยังกล่าวถึงข้อเท็จจริงเรื่องปฏิบัติการไอโอของกองทัพว่า เรื่องรายละเอียดเป็นเรื่องที่ทุกหน่วยงานทุกประเทศมีการทำ อยู่ที่ลักษณะว่าจะมีการดำเนินการลักษณะปัญหาเป็นอย่างไร ส่วนที่ฝ่ายค้านหยิบยกมาอภิปรายนั้น ได้เรียนไปแล้ว นโยบายใช้ไอโอเพื่อดูแลเรื่องความมั่นคง แต่ว่าสิ่งที่พูดมาไม่ใช่นโยบายของรัฐบาล เพราะฉะนั้นได้สั่งการทุกส่วนไปแล้วให้ตรวจดูว่ามีกระบวนการทำด้านความมั่นคง กระทบกับสิ่งที่ฝ่ายค้านพูดหรือไม่

ส่วนที่มีชื่อแกนนำรัฐบาลอยู่ในปฏิบัติการไอโอนั้น นายภูมิธรรมกล่าวว่า อย่าไปคิดเยอะ เพราะตนก็โดนได้ ซึ่งจริงหรือไม่ยังไม่รู้ ซึ่งต้องมีการตรวจสอบที่เข้มข้นขึ้น และต้องให้โอกาสฝ่ายปฏิบัติได้ทบทวน ขณะที่ผู้บัญชาการเหล่าทัพได้ยืนยันว่าจะไปตรวจสอบดูแลอย่างเต็มที่ จึงไม่มีอะไรน่ากังวล

"ไม่มีรัฐซ้อนรัฐ มีรัฐเดียว ผมไม่เชื่อว่าแกนนำรัฐบาลจะโดน พวกเราทำงานด้วยกันมาอย่างดี” นายภูมิธรรมระบุ

พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงกรณีชั้น 14 ที่นายกรัฐมนตรีระบุว่าพร้อมเปิดเผยเวชระเบียนของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ โดย พ.ต.อ.ทวีถามกลับว่า เปิดเพื่อใคร แพทยสภาก็เอาไปแล้ว ชื่อฝ่ายตรวจสอบดำเนินการแล้ว จึงต้องส่งให้ฝ่ายตรวจสอบ คือคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และแพทยสภา

เมื่อถามว่า ทั้งสององค์กรนี้ได้รับเวชระเบียนแล้วหรือไม่ พ.ต.อ.ทวีระบุว่า ต้องไปถามทั้ง 2 องค์กร เพราะโดยหลัก ผู้มีอำนาจตรวจสอบจะดูพยานหลักฐานว่ามีแค่ไหนจึงจะไต่สวนได้

เมื่อถามย้ำว่า หากมีความคาใจมากๆ แล้วครอบครัวของนายทักษิณหรือฝ่ายค้านรวมถึงสังคมพร้อมจะเปิดเผย ทำได้หรือไม่ พ.ต.อ.ทวีถามกลับทันทีว่า คาใจใคร เพราะฝ่ายค้านอภิปรายไปแล้ว ซึ่งทำหน้าที่ได้ดี แต่ไม่มีหน้าที่ไปชี้ถูกชี้ผิดใคร ซึ่งในรัฐธรรมนูญกำหนดให้ ป.ป.ช.และแพทยสภาเป็นคนชี้มูลในเรื่องนี้

ผู้สื่อข่าวถามว่า ไม่จำเป็นต้องเปิดเผยเวชระเบียนใช่หรือไม่ รมว.ยุติธรรมกล่าวว่า ไม่มีหน้าที่และอำนาจต้องไปเปิด ต้องไปถามเอง ส่วนกรณีแพทยสภาจะมีการลงมติในวันที่ 10 เม.ย. และหากผลออกมามีข้อพิรุธ สามารถใช้เป็นหลักฐานในชั้น ป.ป.ช.ได้หรือไม่นั้น ให้ไปถาม ป.ป.ช. ว่าจะใช้ได้หรือไม่ เพราะถ้าเป็นเรื่องแพทย์ เป็นส่วนของแพทยสภา ไม่กังวล เพราะทำตามกฎหมาย หน้าที่และอำนาจ ไม่มีอะไรที่ทำนอกเหนือ

งูเห่าโผล่รับธรรมนัส

ที่ห้องประชุมมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา ในฐานะประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม (กธ.) พร้อมด้วย สส.พรรคกล้าธรรม ร่วมเดินทางลงพื้นที่พร้อมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นำโดยนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อติดตามโครงการประตูระบายน้ำหนองเลิง พร้อมอาคารประกอบ โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาหนองหวาย สำนักงานชลประทานที่ 6 ต.โคกสี อ.เมืองฯ จ.ขอนแก่น

ทั้งนี้ มี สส.ที่เตรียมย้ายมาสังกัดพรรคกล้าธรรมมาร่วมลงพื้นที่ด้วย ได้แก่ นายเอกราช ช่างเหลา สส.ขอนแก่น พรรคภูมิใจไทย (ภท.) หลังจากที่ผู้ใหญ่ทั้ง 2 พรรคได้คุยกันแล้ว รวมถึง น.ส.กาญจนา จังหวะ สส.ชัยภูมิ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และนายวัฒนา ช่างเหลา นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น

โดย ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า ทุกคนที่อยู่บนเวทีวันนี้คือ สส.จากหลายจังหวัด อาจจะต่างพรรค หากประชาชนติดตามจะทราบว่าในข่าวเรียกเขาว่างูเห่า อย่าเรียกว่างูเห่า เพราะตนคืองูตัวจริง เพราะเกิดปีงู อย่างนายเอกราช ถือว่าเป็นเสี่ยว (เพื่อน) ของแท้ ตั้งแต่ยังไม่เข้าสู่เวทีการเมือง ทำธุรกิจด้วยกัน ร่วมอุดมการณ์ด้วยกัน ตอนออกจากพรรค พปชร. ทั้งพ่อและลูกหนีออกมาด้วยน้ำตา รู้ดีว่าทำไมจึงออกมาจากตรงนั้น และเมื่อไปแล้วไม่ถึงที่สุดก็กลับมา ตนอ้าแขนรับตลอดเวลา เพราะเราเป็นเสี่ยวกัน นายเอกราชหัวใจหล่อ

"ส่วนนางกาญจนา ครอบครัวมาจากพื้นฐานการเกษตร เป็น สส.อยู่พรรคเดียวกันมาก่อน เมื่อเห็นมาอยู่บ้านใหม่แล้วมีความสุข ได้ทำเพื่อประชาชน มาร่วมอุดมการณ์ทางการเมือง คำเก่าๆ ที่เรียกว่างูเห่า ถ้ายุคก่อนเรียกจริงๆ งูเห่ากับชาวนา แต่ที่นี่งูจริง ทั้งงูเล็กหรืองูใหญ่ แต่ไม่ใช่งูเห่า อาจจะเป็นงูสิงที่กินได้" ร.อ.ธรรมนัสระบุ        

นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนา อดีตรองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากนี้รัฐบาลน่าที่จะใช้เสถียรภาพที่เข้มแข็งของรัฐบาลและอยู่ในโซนปลอดภัยได้อีก 1 ปี สามารถระดมทีม ระดมใช้เสถียรภาพของรัฐบาลให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการสร้างกลไกในการผลักดันมาตรการต่างๆ ให้เศรษฐกิจกลับมาฟื้น ส่วนเรื่องปรับ ครม. อยู่ในดุลยพินิจของหัวหน้ารัฐบาลว่า ผลจากการอภิปรายฯ แล้วคิดอะไร อยากจะปรับปรุงอะไรบ้าง แต่ว่าการเมืองมาครึ่งเทอมแล้ว ครึ่งเทอมหลังรัฐบาลต้องมีทั้งเสถียรภาพและมีประสิทธิภาพ ซึ่งคือการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ

ที่่กรมสรรพากร นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน เดินหน้ายุทธการโรยเกลือหลังอภิปรายไม่ไว้วางใจ ได้ยื่นหนังสือถึงนายปิ่นสาย สุรัสวดี อธิบดีกรมสรรพากร ให้ตรวจสอบนายกฯ กรณีการใช้ตั๋วสัญญาใช้เงินในการซื้อหุ้น เข้าข่ายทำนิติกรรมอำพราง หลบเลี่ยงหรือหลีกเลี่ยงภาษีที่ผิดกฎหมาย เพื่อจะได้ไม่ต้องจ่ายภาษีการรับให้

โดยนายวิโรจน์ระบุว่า จะต้องมีการวินิจฉัยอย่างเป็นทางการ และเป็นลายลักษณ์อักษร การกระทำในลักษณะแบบนี้เข้าข่ายนิติกรรมอำพราง เจตนาที่แท้จริงคือ การรับให้หุ้นจากบุคคลในครอบครัว แต่กลับใช้เครื่องมือทางการเงิน เปลี่ยนเจตนาการรับให้ เป็นการหลีกเลี่ยงภาษี 5% ใช่หรือไม่ เนื่องจาก น.ส.แพทองธารเป็นผู้นำประเทศ เป็นประธานคณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐ ซึ่งมีส่วนได้ส่วนเสียต่อสาธารณะ แม้นายปิ่นสายจะออกมาชี้แจงว่า สามารถทำได้ แต่เป็นการชี้แจงในลักษณะที่เชื่อว่า เป็นการทำธุรกรรมซื้อขายจริงๆ แต่ไม่ได้ตั้งข้อสงสัยว่าเป็นนิติกรรมอำพราง เพราะประชาชนทั่วไปมีความสงสัย หากทำตามนายกฯ กรมสรรพากรจะอนุญาตให้ทำใช่หรือไม่ จะไม่มีการเลือกปฏิบัติใช่หรือไม่ ซึ่งไม่ได้หมายถึงเรื่องโอนหุ้นอย่างเดียว แต่หมายถึงทรัพย์สินอื่นใดด้วย

โรยเกลือนายกฯ

ส่วนวิธีพิสูจน์ในการซื้อขายหุ้น จะต้องดูพฤติกรรมและเจตนา คณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากรสามารถตรวจสอบ และสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงได้ จึงทำหนังสือเพื่อขอให้อธิบดีกรมสรรพากรดำเนินการตามมาตรา 13 สัตต (3) ของประมวลรัษฎากร ขอให้วินิจฉัยกรณีของนายกฯ ออกมาอย่างเป็นทางการ และลายลักษณ์อักษร เพื่อเป็นแนวปฏิบัติของประชาชนทั่วไป อย่างไรก็ตาม อธิบดีอาจจะปักใจเชื่อว่าเป็นการซื้อขายกันจริงๆ  โดยไม่ได้ฉุกคิด แต่ขอชวนให้ฉุกคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ หากนายกฯ ทำได้ ประชาชนคนอื่นอาจจะทำบ้าง

"อะไรก็ตามเป็นช่องว่างทางกฎหมาย มีหลักคิดอยู่ 2 เรื่อง เรื่องแรก คนที่ทำหากรู้สึกว่าเราทำถูกกฎหมายก็พร้อมเปิดเผยและแสดงตัวต่อสาธารณะ แต่การมีพฤติกรรมหลบๆ ซ่อนๆ เพราะตนเองมีความระแวงว่าอาจจะผิดหรือไม่ผิดกฎหมาย ก็สู้ได้ เพราะสามารถตีความตามตัวบทกฎหมายและลายลักษณ์อักษร ให้ทนายโต้ ก็มีแนวโน้มว่าจะชนะ แต่ที่ไม่กล้าแสดงตัว เพราะหวาดระแวง เรื่องที่สอง อะไรก็ตามที่เป็นผลประโยชน์ต่อสาธารณะยิ่งทำได้ยิ่งดี กรณีนายกฯ หากทำได้ถูกต้อง แล้วทุกคนทั้งประเทศที่มีความมั่งมีทำบ้าง สาธารณะและรัฐจะได้ประโยชน์ สุดท้ายจะเป็นผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อการจัดเก็บรายได้" นายวิโรจน์ระบุ

โดยคงต้องให้เวลาอธิบดีกรมสรรพากรทำงาน หลังจากนี้จะใช้กลไกของคณะกรรมาธิการพัฒนาการเศรษฐกิจ สภาผู้แทนราษฎร ในการติดตามความคืบหน้า โดยจะเชิญอธิบดีไปชี้แจง และผู้แทนจากสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินเข้าชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการฯ ด้วย

นายวิโรจน์กล่าวว่า สิ่งที่น่ากลัวคือ ปีหน้านายกฯ จะมีการวางแผนมาชำระตั๋ว PN หรือไม่ หรืออาจจะคิดอยู่แล้วแต่ไม่ได้บอกใคร พอตนถาม เลยบอกว่าความลับที่ฉันซ่อนไว้ไม่เคยบอกใคร อดใจไม่ไหวก็เลยต้องบอกต่อสภา สะท้อนเจตนาที่จะทำให้คณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากร ตีความที่แท้จริงได้ว่าเจตนาที่แท้จริงเป็นการรับให้หรือซื้อขายจริง เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนมากๆ ทั้งนี้ ไม่อยากเอาเรื่องนี้มาเกี่ยวข้องนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เพราะปัจจุบันบริบททางกฎหมายเปลี่ยนไป ในยุคของนายทักษิณ ยังไม่มีภาษีการรับให้

ทั้งนี้ หากคณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากรมีคำวินิจฉัยออกมาในแนวทางว่า สามารถทำได้รับรองว่าถูกต้องดื้อๆ ในปีภาษีถัดไปจะพบกับความเสียหายแน่นอน ภาษีการรับให้จะลดลงอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อมีคำวินิจฉัยเป็นลายลักษณ์อักษรทั้งอธิบดีกรมสรรพากร และคณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากร จะต้องมีความรับผิดทางกฎหมาย เพราะสุดท้ายภาษีรับให้จัดเก็บไม่ได้เลย ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ จะต้องมีการเอาผิดกับอธิบดีกรมสรรพากร และคณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากร ที่ปรากฏชื่อวินิจฉัย

ส่วนกรณีที่นายปิ่นสาย เป็นลูกชายของนายปลอดประสพ สุรัสวดี อดีตรองนายกฯ ที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับนายทักษิณนั้น ความใกล้ชิดไม่ใช่ปัญหา เชื่อว่าอธิบดีกรมสรรพากรและบิดารู้จักคนเยอะ แต่การจะบอกว่าการรู้จักคนเยอะแล้วต้องเอื้อประโยชน์เป็นการกล่าวหาเกินไป แต่การกระทำของนายปิ่นสายและการตัดสินใจใช้อำนาจของอธิบดีจะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่า ประชาชนจะไว้ใจในฐานะอธิบดีกรมสรรพากรได้หรือไม่

จากนั้นนายวิโรจน์พร้อมด้วยนายธีรัจชัย พันธุมาศ สส.กทม. พรรคประชาชน และนายเลาฟั้ง บัณฑิตเทอดสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน เดินทางไปกรมที่ดิน ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ ยื่นหนังสือขอให้เพิกถอนโฉนดที่ดินที่เป็นที่ตั้งของโรงแรม Thames Valley เขาใหญ่ ซึ่งมีนายเจนกิจ เชฏฐวาณิชย์ รองอธิบดีกรมที่ดิน เป็นผู้รับหนังสือ

"มติ ครม. 2514 กำหนดพื้นที่ที่ดิน Thames Valley เป็นต้นน้ำลำธารอยู่ ยังไม่มีคำสั่งใดทางกฎหมาย ในการยกเลิกมติ ครม.2514 จึงยังเป็นพื้นที่ต้นน้ำลำธารยังอยู่ และล่าสุดที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.มีการเรียกตรวจสอบแผนที่ที่กรมที่ดินส่งให้คณะกรรมาธิการฯ ก็ยังปรากฏพื้นที่ต้นน้ำลำธารอยู่ ดังนั้น เมื่อพื้นที่ต้นน้ำลำธารยังอยู่ตาม พ.ร.บ.ให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน 2497 และกฎกระทรวง ฉบับที่ 43 ข้อที่ 14 (5) ยืนยันชัดเจนว่า พื้นที่ที่เป็นภูเขาต้นน้ำลำธารออกโฉนดไม่ได้ คำถามคือการออกโฉนดที่เป็นที่ตั้งของ Thames Valley ไม่ได้แปลว่าที่ดินแปลงนั้นถูกต้อง จึงต้องการให้มีการตรวจสอบว่ามีการออกโฉนดได้อย่างไร" นายวิโรจน์ระบุ

กรมที่ดินยันออกชอบ กม.

ต่อมากรมที่ดินได้ออกเอกสารชี้แจงว่า การออก น.ค.3 ให้แก่ราษฎรในพื้นที่ต้นน้ำลำธารบนเนื้อที่ประมาณ 3.3 หมื่นไร่ เพื่อปลูกป่าตามโครงการปลูกป่าเพื่อทดแทนและอนุรักษ์ที่ดิน และกรมที่ดินได้ออกโฉนดที่ดินและ น.ส.3 ก. เนื้อที่ประมาณ 5.2 หมื่นไร่นั้น ไม่ได้ออกโฉนดที่ดินในบริเวณที่ถูกอภิปรายแม้แต่พื้นที่เดียว ขณะที่พื้นที่ต้นน้ำลำธารในนิคมสร้างตนเองลำตะคองไม่ได้เป็นพื้นที่หวงห้ามเด็ดขาด คณะกรรมการจัดที่ดินแห่งชาติจึงมีมติให้ออก น.ค. 3 เพื่อเป็นหลักฐานไปออกโฉนดที่ดิน หรือ น.ส.3 ก. ในพื้นที่ต้นน้ำลำธาร ของนิคมสร้างตนเองลำตะคอง จึงเป็นไปตามนโยบายบริหารที่ดิน และชอบด้วยระเบียบกฎหมายที่เกี่ยวข้องทุกประการ

ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายสนธิญา สวัสดี นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ยื่นหนังสือต่อ กกต. เพื่อขอให้ตรวจสอบจากกรณีการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ เมื่อวันที่ 24 -25 มี.ค.ที่ผ่านมา ที่มีการกล่าวหาซึ่งกันและกัน ระหว่าง น.ส.แพทองธาร และนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ  ผู้นำฝ่ายค้านฯ และหัวหน้าพรรคประชาชน ที่มีการอภิปรายกล่าวหาซึ่งกันและกันว่าถูกครอบงำโดยบุคคลภายนอกพรรค ซึ่งไม่ใช่สมาชิกพรรค เป็นการชี้เบาะแสความผิดนำไปสู่การยุบพรรคเพื่อไทย และพรรคประชาชน และการตัดสิทธิทางการเมือง  แต่ถ้านายกฯ หรือผู้นำฝ่ายค้านกล่าวเท็จ จะเข้าข่ายกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 101 ถูกจำคุก 5 ปี ปรับ 100,000 บาท หรือทั้งจำต้องปรับ รวมถึงตัดสิทธิการเมือง ข้อหาให้การเป็นเท็จใส่ร้ายพรรคการเมืองหรือบุคคลอื่น.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ทบ.เดือดจัด ซัด‘เฮงรัตนา’ จอมลวงโลก

โฆษก ทบ.จี้นานาชาติจับตา “เฮง รัตนา” ผอ. CMAC กัมพูชา เผยแพร่ข้อมูลเท็จ บ่อนทำลายความไว้วางใจและสันติภาพในภูมิภาค ใช้จินตนาการปั้นแต่งเรื่องราวเพื่อหลอกลวงสังคมโลก

‘ราชินี’แรงบันดาลใจคนรุ่นใหม่

ในหลวงพระราชทานถ้วยรางวัลนักกีฬาเรือใบ “ภูเก็ตคิงส์คัพรีกัตต้า” ครั้งที่ 37 พระราชินีทรงแข่งเรือใบรอบชิงชนะเลิศ ทำให้เรือวายุมีคะแนนดีที่สุดในการแข่งขัน

‘อนุทิน’ล่องลงใต้ ขออภัยผมผิดเอง

"อนุทิน" นำคณะ ครม.ลงใต้อีกรอบ เตรียมตั้งกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติส่วนหน้า ที่ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 12

พท.ขึงขังซักฟอก อ้างเหตุเพราะมีคนตายปากกล้าขาสั่นท้าไม่กลัวยุบสภา

พรรคเพื่อไทยจะเอาทุกอย่าง ซักฟอกดิสเครดิตรัฐบาลก่อนเลือกตั้ง บีบพรรคส้มตัดสินใจ เชื่อ "อนุทิน" ไม่ยุบสภา ไม่กระทบรัฐธรรมนูญ "สรวงศ์" ลั่น

รำลึกพ่อหลวงร.9 ในหลวง-พระราชินีทรงบำ เพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน

ในหลวง-พระราชินี ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพรัชกาลที่ 9 และสถาปนาพระอิสริยศักดิ์เฉลิมพระนามพระอัฐิสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมพระนราธิวาสราชนครินทร์ บดินทรเชษฐภคินี