"อิ๊งค์" มั่นใจทีมไทยแลนด์เจรจาภาษีทรัมป์ทำเต็มที่ ขุนคลังยอมรับอ่วมหนักกว่าวิกฤตโควิด-19 แจงไทยเตรียมแผน 2 รับมือ เล็งปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ จ่อขยับเพดานหนี้สาธารณะเปิดช่องกู้เพื่อลงทุน สภาถกสนั่น “ไหม” ขีดเส้นกู้เงินเยียวยาใช้ถูกช่อง อย่ากู้ไปแจกเทน้ำลงบ่อทราย ตีเช็คเปล่าให้ตัวเอง “ลูกเนวิน” บอกต่อให้เทวดาก็คุยกับทรัมป์ไม่รู้เรื่อง “จุลพันธ์” แจงแผนเทงบ 5 หมื่นล้านใส่เอ็กซิมแบงก์ อุ้มส่งออก เด็กลุงตู่หนุน พท.ส่งผู้มีบารมีเป็นล็อบยี้ยิสต์
เมื่อวันพุธ เวลา 12.50 น. ที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการรับมือกับนโยบายภาษีของสหรัฐอเมริกา มั่นใจว่าทีมไทยแลนด์จะสามารถดำเนินการได้ใช่หรือไม่ว่า ก็เต็มที่ เพราะมีหลายๆ เรื่องที่ต้องเคลียร์และพูดคุยกัน เพราะอยู่ตรงนี้ต้องประสานความเข้าใจและดันเรื่องให้เกิดขึ้น ซึ่งทุกเรื่องก็ผลักดันไปข้างหน้าอย่างเต็มที่
เมื่อถามว่า ได้มีการนัดหมายวันเวลาแล้วหรือยัง นายกฯ ไม่ได้ตอบคำถามดังกล่าว พร้อมกล่าวว่า ขออนุญาตดูก่อน เพราะตอนนี้เราอยู่ที่ ททท. ไม่มีใครถามเรื่องท่องเที่ยวเลย
นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลัง กล่าวว่า ยืนยันว่าข้อมูลในหลักการเบื้องต้นพร้อมหมดแล้ว โดยไทยจะเดินทางไปเจรจาในเวลาที่เหมาะสม เพื่อทำให้การเจรจาเกิดประโยชน์ทั้ง 2 ฝ่าย โดยมองว่าแม้การเจรจาจะเป็นแค่กรอบ แต่จะเป็นกรอบที่เห็นร่วมกันว่าเป็นการแก้ปัญหาที่สามารถปฏิบัติร่วมกันได้อย่างแน่นอน
นายพิชัยระบุว่า มองว่ากรณีการยื่นข้อเสนอภาษี 0% กับสหรัฐนั้นไม่ใช่คำตอบ เพราะโจทย์สำคัญในขณะนี้คือ สหรัฐมีการนำเข้าสินค้ามากเป็นระยะเวลานาน ส่งผลให้ปัจจุบันขาดดุลการค้าปีละราว 1.3 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งไทยเห็นโจทย์ในส่วนนี้แล้ว
“ถ้ารีบไปโดยที่เราไม่รู้โจทย์ ก็ไม่รู้จะไปเสนออะไร ดังนั้นวิธีการส่งสัญญาณง่ายๆ เบื้องต้นอาจจะต้องหารือกับระดับปฏิบัติการก่อน โดยอาจจะหารือกับสำนักผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) ซึ่งจะเป็นหน่วยงานที่รวบรวมข้อมูลทั้งหมด ก็อาจจะเห็นและทำให้เราพอรู้ว่าอะไรจะสามารถตอบโจทย์ที่สหรัฐต้องการ และอะไรจะตอบโจทย์กับประเทศไทยด้วย” นายพิชัยกล่าว
นายพิชัยระบุว่า สำหรับข้อเสนอเบื้องต้นที่จะมีการเจรจากับ USTR ประกอบด้วย 1.พิจารณาการนำเข้าสินค้าพลังงาน เช่น ก๊าซธรรมชาติ โดยเฉพาะ LNG ที่มีต้นทุนต่ำในสหรัฐ 2.นำเข้าสินค้าจากสหรัฐมากขึ้น โดยเน้นสินค้าที่ไทยมีความต้องการใช้ในประเทศ เช่น สินค้าเกษตร โดยที่ไทยไม่เสียหาย เช่น ข้าวโพด โดยอาจพิจารณาการนำเข้าข้าวโพดในสัดส่วนที่เหมาะสม รวมถึงการนำเข้าเครื่องในสุกร 3.ลดหรือยกเว้นภาษีให้สินค้าสหรัฐ ที่ไทยเก็บภาษีได้ไม่สูงนักกว่า 100 รายการ ซึ่งจะเป็นการแก้ไขอุปสรรคการค้าที่ไม่ใช่ภาษี
นายพิชัยระบุว่า 4.แก้ไขหรือยกเลิกมาตรการที่ไม่ใช่ภาษี (Non Tariff Barrier) กับสินค้านำเข้ากว่า 100 รายการ เพื่ออำนวยความสะดวกทางการค้าให้กับสหรัฐมากขึ้น 5.ต้องมีมาตรการคุมเข้มการสวมสิทธิถิ่นกำเนิดกับสินค้าที่ใช้ไทยเป็นประเทศทางผ่าน โดยจะให้ความสำคัญกับการคัดถิ่นกำเนิดสินค้ามากขึ้น เพื่อป้องกันการสวมสิทธิสินค้าจากไทยที่จะส่งออกไปยังสหรัฐ
อ่วมกว่าโควิด
"ยอมรับว่าวิกฤตครั้งนี้ใหญ่กว่าโควิด-19 เพราะไม่สามารถประเมินได้ว่าสงครามการค้าโลกครั้งนี้จะเกิดอะไรขึ้น แม้ว่าอาจจะพอเดาได้รางๆ แต่วิกฤตครั้งนี้ไม่ได้เกิดแค่ไทยกับสหรัฐ หรือเวียดนามกับสหรัฐเท่านั้น แต่อาจจะมีอีกหลายคู่ เช่น อาจจะมีไทยกับยุโรป หรือไทยกับออสเตรเลีย นั่นเพราะเวลาที่ทั่วโลกมีปัญหา ทุกคนมีโจทย์เดียวกันทั้งหมด ดังนั้นแต่ละประเทศก็จะต่างคนต่างป้องกันตัวเอง ก็อาจจะกระทบกับประเทศไทยได้ในมิติต่างๆ เช่นกัน จึงมองว่าเรื่องนี้น่าจะแรงกว่าการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทั้งนี้ การประเมินว่าปัจจัยเสี่ยงในเรื่องนี้หากไม่ได้รับการแก้ไขจะส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจโลกให้หายไป 3% ส่วนเศรษฐกิจไทย คาดว่าจะส่งผลกระทบให้ตัวเลขจีดีพีหายไป 1-1.5%" นายพิชัยระบุ
ทั้งนี้ นายพิชัยระบุว่า ในกรณีเลวร้ายหากการเจรจาไม่ประสบผลสำเร็จ และเศรษฐกิจโลกเกิดวิกฤต ประเทศไทยจะต้องมีการเตรียมแผน 2 ไว้เพื่อรองรับและเป็นทางเลือกสำหรับวิกฤตที่อาจจะเกิดขึ้น ซึ่งอาจทำให้เศรษฐกิจโลกถดถอยรุนแรง โดยสิ่งที่รัฐบาลต้องเร่งดำเนินการคือ การปรับโครงสร้างประเทศ ด้วยการปรับเพดานหนี้สาธารณะเพื่อเปิดช่องให้เกิดการลงทุน ซึ่งใน 20 ปีที่ผ่านมาไทยไม่มีการลงทุนในประเทศเลย หรือบางจังหวะอาจจำเป็นที่จะต้องมีการเติมเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ
ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 30 สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง ก่อนเข้าสู่วาระพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ..... และร่างพระราชบัญญัติสร้างเสริมสังคมสันติสุข พ.ศ..... รวมถึงร่างพระราชบัญญัติที่เกี่ยวข้องกับการนิรโทษกรรมอีก 3 ฉบับ ซึ่งมีนายภราดร ปริศนานันทกุล รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่สอง เป็นประธานการประชุม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สส.ทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาล_ร่วมเสนอ 10 ญัตติ โดยในที่ประชุมได้มีการลุกขึ้นเสนอญัตติด่วนด้วยวาจา เรื่องผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากนโยบายการขึ้นภาษีของประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อส่งให้รัฐบาลเร่งดำเนินการต่อไป
จากนั้นนายภราดรได้ถามต่อที่ประชุมว่า มีใครคัดค้านการพิจารณาญัตติด่วนด้วยวาจาหรือไม่ เมื่อไม่มีใครคัดค้าน จึงถือว่าที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้พิจารณาญัตติด่วนด้วยวาจาเรื่องนี้เป็นเรื่องด่วน
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า น.ส.แพทองธารก็มีดำริให้รัฐมนตรีเข้ามามีส่วนร่วม โดยจะผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนเข้ามารับฟังข้อเสนอแนะ เพื่อนำไปเจรจากับประเทศสหรัฐอเมริกาต่อไป ตนเองจึงขอใช้สิทธิ์ของคณะรัฐมนตรีเข้ามาร่วมรับฟัง ตอบคำถาม และชี้แจง
เวลา 11.58 น. น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน อภิปรายว่า ไพ่ที่เรามีอยู่ในมือนั้นไม่ได้มหัศจรรย์เหมือนที่ทรัมป์ต้องการ แถมแต้มต่อที่เคยมีก็หายไปทุกวัน และปฏิเสธไม่ได้ว่ากระทบจากการที่เราส่งชาวอุยกูร์กลับไปประเทศจีน มันทำให้มิตรกลายเป็นอื่น นอกจากนี้ ยังมีกรณีที่มีการแจ้งจับนักวิชาการสัญชาติสหรัฐ ด้วยข้อหามาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพ์ โดยไม่ให้มีการประกันตัวด้วย ซึ่งตนยังสงสัยอยู่ว่าเขาจะเจรจากับเราหลังจากมีเรื่องนี้หรือไม่ แต่เชื่อว่านายพิชัยคงจะเดินหน้านำข้อเสนอต่างๆ ของไทยไปเจรจาต่อรอง แต่ขอเรียกร้องว่า สิ่งที่ต้องทำคู่ขนานไปกับการเจรจาคือการเยียวยา พยุง กระตุ้นและฟื้นฟูเศรษฐกิจในประเทศ
น.ส.ศิริกัญญาระบุว่า หากเลวร้ายที่สุดจีดีพีอาจจะโตเพิ่งแค่ 1% เท่านั้น แล้วรัฐบาลเตรียมที่จะรับมือในกรณีที่ฉุกเฉินไว้อย่างไรบ้าง เพราะในหลายประเทศก็ออกมาตรการเยียวมาแล้ว เช่น เกาหลีใต้ สิงคโปร์ ญี่ปุ่น สเปน ออสเตรเลีย และไต้หวัน จึงขอเรียกร้องไปยังรัฐบาลว่า การเยียวยาเฉพาะหน้าเป็นเรื่องที่จำเป็นที่ต้องทำเร่งด่วน แต่ตอนนี้เรายังไม่เห็นมาตรการที่เป็นรูปธรรมออกมาจากภาครัฐ
เทวดาก็คุยไม่ได้
“ด้วยจีดีพีที่โตต่ำเช่นนี้ ปัญหาเฉพาะหน้าใหญ่หลวง การลงทุนกำลังจะหยุดชะงัก การลงทุนหยุดชะงัก คนกำลังตกงาน ต้องมีมาตรการฉุกเฉินเฉพาะหน้า ระยะกลาง ระยะยาว เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจไปในเวลาเดียวกัน ขณะนี้งบประมาณการคลังที่เหลืออยู่มีน้อยมาก หนี้สาธารณะใกล้ชนเพดาน เหลือพื้นที่กู้เพิ่มได้อีกในงบประมาณปี 2568 อีก 4-5 แสนล้านบาท หากวิกฤตที่จะเผชิญในวันข้างหน้า ที่รัฐบาลจำเป็นต้องออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ ถ้าต้องขยายกรอบเพดานหนี้สาธารณะเพื่อกู้เงินเพิ่ม สภายินดีสนับสนุน ถ้าไม่ได้กู้เพื่อไปแจกเงินอย่างสะเปะสะปะ ถ้ามีแผนชัดเจนเพื่อพยุงเศรษฐกิจ ฟื้นฟูประเทศ ให้กู้เลยเพื่อนำงบมาเยียวยาภาคอุตสาหกรรม แรงงาน ไปปรับโครงสร้างเศรษฐกิจอย่างจริงจัง เพื่อเพิ่มความสามารถแข่งขัน กระตุ้นการลงทุนภาคเอกชน ขออย่างเดียว อย่ากู้ไปแจกเพื่อเทน้ำลงบ่อทราย ตีเช็คเปล่าให้ตัวเอง หรือกู้โดยไม่มีแผนที่ชัดเจน วันนี้วิกฤตใหญ่หลวง ทั้งลึกและกว้าง กินเวลายาวนาน เราต้องจับมือก้าวข้ามไปด้วยกัน ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ขอให้ใช้โอกาสนี้ปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจ” น.ส.ศิริกัญญากล่าว
นายไชยชนก ชิดชอบ สส.บุรีรัมย์ พรรคภูมิใจไทย อภิปรายว่า ตนในฐานะหนึ่งในราษฎรไทย อยากจะเสนอญัตติด่วนเรื่อง ขอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาแผนการรับมือจากภัยพิบัติธรรมชาติ และผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจโลก และภัยความมั่นคงจากสถานการณ์โลก โดยเหตุผลจากข้อมูลที่ได้สะสมมา มีความเป็นไปได้อย่างสูงว่าเราจะได้ผลกระทบจากทั้ง 3 เรื่องในเวลาเดียวกัน
นายไชยชนกกล่าวว่า ปัญหาภายในประเทศ ทั้งปัญหาไฟป่า น้ำท่วม เหตุการณ์สึนามิ ที่ส่งผลต่อประชาชน โดยมองว่าไม่ใช่ความผิดของรัฐบาล แต่เราจำเป็นต้องตระหนักถึงปัญหานี้ เพราะตนเชื่อว่าทั่วโลกก็รับมือไม่ทันเหมือนกัน
“ผมอยากให้ทุกคนวางเกมการเมืองออก ผมอยากให้ทุกคนเริ่มนึกถึงตัวเอง แล้วมองขึ้นมาแล้วนึกถึงพี่น้องประชาชนชาวไทย เวลายังมี แม้จะน้อย แต่เวลาก็ยังมี” นายไชยชนก
นายไชยชนกกล่าวว่า สิ่งหนึ่งที่มองเห็นว่าทุกคนขาดไปคือสติ ทุกท่านมีเจตนาที่ดี แต่เราคือใคร ตนเห็นด้วยกับฝ่ายค้าน ที่นายกฯ ไม่มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะไปคุยกับทรัมป์ แต่ไม่ใช่ว่าเขาไม่มีศักยภาพ แต่จีนก็คุยกันทรัมป์ไม่รู้เรื่อง เช่นเดียวกับยุโรปที่รวมตัวกัน ก็คุยไม่รู้เรื่อง แล้วเรา อย่าว่าแต่นายกฯ หรือพวกท่าน วันนี้เทวดามาคุยกับก็ไม่รู้ว่าจะคุยรู้เรื่องหรือเปล่า
เวลา 14.25 น. นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายว่า หากเปรียบเทียบประกาศฉบับนี้กับแผ่นดินไหว ถ้าเกิดการตอบโต้ ก็อาจจะกลายเป็นอาฟเตอร์ช็อก และอย่าคิดว่าจะจบลงเท่านี้ อาจมีอะไรตามมาอีกก็ได้ ดังนั้นรัฐบาลต้องไม่นิ่งนอนใจ เพราะตลาดสหรัฐอเมริกาเป็นตลาดส่งออกที่สำคัญของประเทศไทย โดยเฉพาะข้าว ยางรถยนต์ และวัตถุดิบผลิตอาหารสัตว์ ซึ่งจะกระทบต่อเกษตรกรซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศเรา และการส่งออกข้าวของประเทศไทย จะต้องมีการแข่งขันกับประเทศเวียดนาม เพราะเมื่อบวกภาษีเข้าไปแล้ว ราคาข้าวของเราจะแพงกว่าเกือบเท่าตัว ซึ่งจะนับเป็นดาบสาม ที่จะส่งผลต่อชาวนา
เล็งอุ้มส่งออก
เวลา 15.08 น. นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ชี้แจงว่า ตนเองก็เชื่อว่าไม่มีกระทรวงการคลังหรือหน่วยงานรัฐของประเทศใดในโลกที่จะคาดคำนวณได้ เนื่องจากสูตรที่ใช้คำนวณค่อนข้างที่จะหลุดไปจากหลักเศรษฐศาสตร์โดยพื้นฐาน เป็นการคิดคำนวณที่แปลกประหลาดพอสมควร
นายจุลพันธ์กล่าวว่า สิ่งที่ต้องคิดเป็นโจทย์แรก คือความห่วงใยต่อพี่น้องเกษตรกร ประชาชนและภาคธุรกิจ โดยเฉพาะ SMEs ภายในประเทศ หากเราจะมีการนำเข้าสินค้าใดก็ตาม ต้องไม่เป็นการสร้างภาระหรือมีผลกระทบต่อราคาสินค้าภายในประเทศ โดยจะถือเป็นโจทย์แรกที่ทางทีมเจรจานำไปพูดคุย
นายจุลพันธ์ยืนยันว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ ทีมเจรจาจะนำไปเจรจาด้วยความเข้าใจ โดยอาศัยความเป็นพันธมิตรทางการค้า เป็นประเทศที่มีความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ อยู่เคียงข้างกันในเวทีโลกมาอย่างยาวนาน เราเป็นพันธมิตรที่มีความถาวร มีความมั่นคงในจุดยืนมาโดยตลอด ซึ่งเราก็จะนำสิ่งนี้ไปพูดคุย นอกจากนั้นยังมีในเรื่องของกิจกรรมอย่างอื่นที่เราจะต้องไปดูเพิ่มเติมด้วย วันนี้ไม่ใช่เพียงแค่เรื่องของความเร็ว แต่เป็นเรื่องของความแม่นยำ การที่เราจะแก้ไขปัญหา
“นอกจากนี้ก็ยังเป็นโอกาสของประเทศไทย เพราะว่าเราเองก็มีการพูดคุยมาอย่างยาวนาน แต่การปฏิบัติบางครั้งก็เกิดขึ้นได้ยาก หากไม่เกิดสถานการณ์ที่มีความแหลมคม เมื่อเรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นเราก็ต้องมีการปรับตัว และรัฐบาลเองก็ต้องเป็นกลไกมาช่วยสร้างตัวให้กับภาคเอกชนด้วย ขณะนี้เราได้มีการเตรียมเงินวงเงินไว้ 5,000 ล้านบาท ผ่านทาง Exim Bank เป็นส่วนที่จะช่วยเหลือในบริษัทที่มีการส่งออกไปยังสหรัฐส่วนหนึ่ง นำเข้าจากสหรัฐส่วนหนึ่ง โดยเป็นการให้วงเงินสินเชื่อ เพื่อที่ภาคเอกชน ผู้ประกอบการ สามารถเข้าถึงสินเชื่อได้ในอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าปกติ และเป็นการช่วยเหลือในเบื้องต้น” นายจุลพันธ์ระบุ
นายธนกร วังบุญคงชนะ สส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ อภิปรายว่า ควรจะต้องมีการยกระดับคณะทำงานระดับชาติเชิงนโยบาย และต้องมีผู้เชี่ยวชาญ ไม่ใช่มีเฉพาะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และ BOI สส.พรรคเพื่อไทย แต่ต้องใช้ล็อบบี้ยิสต์ในการเจรจากับทรัมป์หรือไม่ ซึ่งรัฐบาลควรมีที่ปรึกษาหารือในเรื่องนี้
“อยากให้นึกถึงอดีตผู้นำพรรคเพื่อไทย ผมคิดว่าท่านเก่ง และเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก เพราะฉะนั้นไหว้วานท่านได้ไหม ช่วยเจรจากับทรัมป์ ผมเชื่อว่านักธุรกิจไทย เศรษฐีเมืองไทยก็รู้จักกับผู้สนับสนุนทรัมป์หลายคน ท่านไหว้วานได้หรือไม่ นี่เป็นเรื่องของประเทศชาติ ไม่ใช่เวลาที่ต่างคนต่างเอาตัวรอด ต้องร่วมมือกัน” นายธนกรระบุ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ทบ.เดือดจัด ซัด‘เฮงรัตนา’ จอมลวงโลก
โฆษก ทบ.จี้นานาชาติจับตา “เฮง รัตนา” ผอ. CMAC กัมพูชา เผยแพร่ข้อมูลเท็จ บ่อนทำลายความไว้วางใจและสันติภาพในภูมิภาค ใช้จินตนาการปั้นแต่งเรื่องราวเพื่อหลอกลวงสังคมโลก
‘ราชินี’แรงบันดาลใจคนรุ่นใหม่
ในหลวงพระราชทานถ้วยรางวัลนักกีฬาเรือใบ “ภูเก็ตคิงส์คัพรีกัตต้า” ครั้งที่ 37 พระราชินีทรงแข่งเรือใบรอบชิงชนะเลิศ ทำให้เรือวายุมีคะแนนดีที่สุดในการแข่งขัน
‘อนุทิน’ล่องลงใต้ ขออภัยผมผิดเอง
"อนุทิน" นำคณะ ครม.ลงใต้อีกรอบ เตรียมตั้งกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติส่วนหน้า ที่ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 12
พท.ขึงขังซักฟอก อ้างเหตุเพราะมีคนตายปากกล้าขาสั่นท้าไม่กลัวยุบสภา
พรรคเพื่อไทยจะเอาทุกอย่าง ซักฟอกดิสเครดิตรัฐบาลก่อนเลือกตั้ง บีบพรรคส้มตัดสินใจ เชื่อ "อนุทิน" ไม่ยุบสภา ไม่กระทบรัฐธรรมนูญ "สรวงศ์" ลั่น
รำลึกพ่อหลวงร.9 ในหลวง-พระราชินีทรงบำ เพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน
ในหลวง-พระราชินี ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพรัชกาลที่ 9 และสถาปนาพระอิสริยศักดิ์เฉลิมพระนามพระอัฐิสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมพระนราธิวาสราชนครินทร์ บดินทรเชษฐภคินี
นายกฯยังห่วงหาดใหญ่ ประเดิมพ.ย.เว้น‘ค่าไฟ’
"อนุทิน" รับยังกังวลน้ำท่วมหาดใหญ่ ขนกองทัพนักวิชาการลงพื้นที่ถอดบทเรียน นำประชาชนกลับบ้านแล้ว 90% “เท้ง” แซะบอร์ดมีไว้แค่ให้พาดหัว

