พรรคลุงตู่หนุนบ่อน พีระพันธุ์ฟุ้งกาสิโนไม่ผิดกม./‘สรวงศ์’ลั่นจับมือภท.ยาวไป

“นายกฯ อิ๊งค์” อารมณ์ดีเดินช็อปร้านค้าทำเนียบฯ “สรวงศ์” ย้ำละครหลังข่าวจบแล้ว หลังหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยขอโทษ ลั่นจับมือกันยาว รีบปัดไฟเขียวโมโตจีพีแลกเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ประสานเสียง “เสี่ยหนู” แสลงคำว่ากาสิโน บอก “ไชยชนก” จ่อเข้าพบช่วงสงกรานต์ “พีระพันธุ์” โผล่ยืนยัน รทสช.หนุนบ่อน เหตุไม่ได้ผิดกฎหมาย “เทพไท” ชี้ “เนวิน” อ่านเกมขาดเลยไฟเขียวลูกฉีกหน้าแพทองธาร

เมื่อวันศุกร์ที่ 11 เม.ย.2568 น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีได้เดินลงจากตึกไทยคู่ฟ้า เยี่ยมชมโรงอาหารประจำทำเนียบรัฐบาล และรับประทานอาหารกลางวัน โดยมี น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกฯ และ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ร่วมเดินด้วย โดยทันทีที่ น.ส.แพทองธารเห็นสื่อมวลชนมายืนดักรอถามว่ารู้ได้อย่างไร ซึ่งสื่อมวลชนตอบว่า แม่ค้าที่โรงอาหารบอกว่านายกฯ จะมาเดิน

เมื่อถามว่า วันนี้จะซื้ออะไร น.ส.แพทองธารกล่าวว่า “ยังเลย แต่ก็จะไปดูเตรียมเงินไปช็อปปิ้ง ซื้อขนมเต็มที่" พร้อมถามกลับว่ามีอะไรอร่อยบ้าง ซึ่งสื่อตอบว่า “อร่อยทุกร้าน” จากนั้นนายกฯ เดินมายังโรงอาหาร ซึ่งบริเวณด้านข้างเปิดให้ขายของ ก่อนกล่าวว่า “มีหลายร้านเลย” พร้อมแวะร้านขายผลไม้ โดยแม่ค้าถามว่า นายกฯ กินมะยงชิดไหม นายกฯ บอกว่า ไม่เป็นไร เดี๋ยวอุดหนุน โดยนายกฯ ได้หยิบมะขามหวานโรยน้ำตาล 1 กล่อง มะยงชิดที่ปอกแล้ว 1 กล่อง โดยในจังหวะนั้น น.ส.จิราพรยกโทรศัพท์เพื่อสแกนจ่ายเงิน แต่นายกฯ บอกว่า “ไม่เป็นไร พร้อมหยิบเงินจ่ายเอง”

นอกจากนี้ นายกฯ ยังอุดหนุนซื้อเค้กกล้วยหอม เค้กส้ม ทอฟฟี่เค้ก กล้วยน้ำว้า กล้วยแขก ข้าวเหนียวมะม่วง 2  กล่อง ทั้งนี้ ได้มีข้าราชการพักกลางวันเข้ามาขอถ่ายรูปกับนายกฯ โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก

จากนั้นนายกฯ เดินไปที่โรงอาหารที่อยู่ติดกับร้านเซเว่นฯ โดยได้สั่งก๋วยเตี๋ยวเส้นเล็กน้ำตก ใส่ลูกชิ้น ใส่หมู ไม่ใส่ตับ ไม่ใส่ถั่วงอก และสั่งร้านอาหารตามสั่ง โดยนายกฯ ได้สั่งไก่ย่าง ไข่ดาว และได้สั่งผัดมาม่าไม่เผ็ด และยังมีของกินเล่นคือ ชานมไข่มุก ไส้กรอกทอด และครองแครงด้วย

ขณะที่ก่อนเดินทางกลับขึ้นตึกไทยคู่ฟ้า นายกฯ ได้เดินไปที่ร้านสวัสดิการทำเนียบฯ โดยได้อุดหนุนเสื้อแจ็กเกตสีน้ำเงิน ที่มีตราสัญลักษณ์ทำเนียบฯ ด้วย

ด้านนายสรวงศ์​ เทียนทอง​ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ในฐานะเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณีนายไชยชนก ชิดชอบ สส.บุรีย์รัมย์ และเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ประกาศกลางสภาผู้แทนราษฎรไม่เห็นด้วยกับกาสิโน​ ว่าอย่างที่นายอนุทิน​ ชาญวีรกูล​ รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรค ภท.พูดว่าเป็นความเห็นส่วนตัวของนายไชยชนก และจะพูดกันภายในพรรค ภท. ก็ให้พรรคเขาพูดคุยกันเอง ซึ่งก็สบายใจที่นายอนุทินออกมาพูดว่าสิ่งที่นายไชยชนกพูดไม่ใช่มติพรรค

สรวงศ์ลั่นฟังหัวหน้าพรรค

ผู้สื่อข่าวถามว่า คนพูดเป็นถึงเลขาธิการพรรค ซึ่งเป็นรองแค่หัวหน้าพรรค นายสรวงศ์กล่าวว่า ก็ยังเป็นรองกว่าหัวหน้าพรรค​ ฟังหัวหน้าพรรค

เมื่อถามว่า ไม่จำเป็นต้องมาเคลียร์กันอีกครั้งใช่หรือไม่ นายสรวงศ์​กล่าวว่า ไม่เป็นไร เพราะการพูดในสภาเป็นเอกสิทธิ์ของ สส. และสิ่งที่นายไชยชนกพูดก็เป็นประโยชน์ ไม่ใช่ไม่มีประโยชน์ แต่ท่านอาจมีความกดดัน หรือเป็นความคิดส่วนตัวที่ไม่สนับสนุน แต่อย่างที่บอกต้องมีการพูดคุยกัน

เมื่อถามว่า ต้องยื่นคำขาดไม่ให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีกหรือไม่ นายสรวงศ์กล่าวว่า การอยู่ร่วมกันโดยเฉพาะอย่างยิ่งต่างพรรค​การเมือง​ ความคิดอาจไม่ได้เห็นเหมือนกัน 100% แต่เมื่อมาอยู่ด้วยกันแล้วต้องมีการพูดคุยกัน และไปในแนวทางเดียวกัน

ถามย้ำว่า ต้องกดดันให้พรรค ภท.แสดงสปิริตหรือไม่ นายสรวงศ์​กล่าวว่า ไม่ต้องถึงขนาดนั้น ซึ่งเหมือนพรรค พท.เองที่มีสมาชิกบางคนออกไปแสดงความคิดเห็น ถือเป็นเอกสิทธิ์ อาจเป็นสิ่งที่อยู่ในใจหรือความคิดเห็นส่วนตัว แต่ด้วยความเป็นพรรคการเมืองแล้วมติพรรคสำคัญ

เมื่อถามถึงกรณีสมาชิกพรรคบางคนในพรรค พท.เรียกร้องให้ปรับพรรค ภท.ออกจากพรรคร่วมรัฐบาล นายสรวงศ์​กล่าวว่า ไม่หรอก การอยู่ร่วมกันต้องคุยกัน​ อย่างที่บอกบางท่านอาจมีความคิดเห็นว่า เมื่อไม่อยากอยู่ก็ออกไปเลย แต่ด้วยเสถียรภาพของรัฐบาล อย่างไรเราต้องอยู่ด้วยกัน ย้ำว่าต้องมีการพูดคุยกันมากกว่า

ถามอีกว่า ในส่วนของพรรค พท. เมื่อพรรค ภท.ขอโทษแล้วถือว่าจบหรือไม่ นายสรวงศ์ กล่าวว่า​ ท่านหัวหน้าพรรคบอกจบ​ก็คือจบ​

ถามอีกว่า พรรค พท.กับพรรค ภท.จะจับมือกันยาวๆ หรือไม่ นายสรวงศ์กล่าวว่า ถ้าอย่างที่นายกฯ และหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคให้สัมภาษณ์ร่วมกัน ก็ใช่ครับ"

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากมีการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีโอกาสที่จะมีการเปลี่ยนกระทรวงหรือไม่ นายสรวงศ์กล่าวว่า ต้องไปถามนายกฯ เนื่องจากเป็นอำนาจของนายกฯ

เมื่อถามถึงกระแสข่าวการปรับ ครม. ทั้งนายพิชัย​ ชุณหวชิร​ รองนายกฯ และ รมว.การคลัง​ และนายพิชัย​ นริพทะพันธุ์​ รมว.พาณิชย์​ นายสรวงศ์​กล่าวว่า ต้องไปถามนายกฯ เพราะการปรับ ครม.ไม่ทราบ ส่วนจะปรับเร็วๆ นี้หรือไม่ ก็ไม่ทราบเช่นกัน

ปัดโมโตจีพีแลกบ่อน

นายสรวงศ์ยังกล่าวถึงความคืบหน้าการพูดคุยการต่อสัญญาการเป็นเจ้าภาพจัดโมโตจีพีว่า การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) กำลังดำเนินการอยู่ ซึ่งอยากให้เอกชนเข้ามามีส่วนร่วมมากกว่านี้ เพราะจัดมาแล้ว 7 ปี ภาคเอกชนต้องเข้ามา ทั้งหมดอยากให้เกิดขึ้น แต่รัฐต้องจ่ายเงินน้อยลงกว่านี้

เมื่อถามว่า มีการมองเรื่องนี้เชื่อมโยงกับการเมือง นายสรวงศ์กล่าวว่า ยืนยันว่าไม่เกี่ยว การเมืองคือการเมือง อย่าเอาไปปนกัน กีฬาคือกีฬา สิ่งที่เป็นอีเวนต์ลักษณะนี้เหมือนกับที่ นายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด พูดว่าสามารถสร้างรายได้ให้กับประเทศจริงๆ

 “ยืนยันไม่เกี่ยวจะถูกนำไปต่อรองกับกาสิโน ไม่เกี่ยวเลย ไม่เกี่ยวหรอกครับ จริงๆ ไม่เกี่ยวเลย และเลิกพูดเสียที กฎหมายกาสิโน เพราะมันคือเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ขอให้ดูที่ 90% อย่าดูที่ 10% เพราะมันเป็นแค่กฎหมาย ซึ่งในนามรัฐบาลออกกฎหมายมาเพื่อจะดึงดูดนักลงทุนเข้ามาลงทุนเท่านั้น ไม่ใช่ว่ารัฐจะไปสร้างเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ มันเป็นกรอบกฎหมายเพื่อรองรับนักลงทุนที่จะเข้ามาเสนอ ถ้านักลงทุนสนใจก็สนใจ ถ้าไม่สนใจก็ไม่มี”

ด้านนายอนุทินให้สัมภาษณ์ถึงกรณีเรื่องกาสิโน​ และกระแสข่าวการถอนตัวพรรคร่วมรัฐบาลได้พูดคุยกับนายกฯ เคลียร์กันจบแล้วใช่หรือไม่ ว่า ไม่เคยมีเรื่องถอนตัวหรือยุบสภา เรื่องกาสิโน​ก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องใช้คำว่า​กาสิโน เพราะใช้คำนี้ก็รู้สึกตกใจ เพราะชื่อพระราชบัญญัติสถานบันเทิงครบวงจร หากมองเรื่องการเสริมสร้างเศรษฐกิจ จ้างคนให้มีงานทำ การหมุนเวียนเม็ดเงิน การลงทุนจะช่วยลดความกังวลของพี่น้องประชาชนได้ รายละเอียดต่างๆ เรื่องการป้องกันการหมกมุ่นกับการพนัน หรือการป้องกันไม่ให้คนทั่วไปได้เข้ามามันมีรายละเอียดอยู่ เมื่อถึงเวลาอันควรคงจะต้องหารือกันต่อไป

เมื่อถามว่า หลังจากปิดประชุมสภาแล้ว พรรค ภท.จะประชุมพรรคเพื่อจัดระเบียบภายในหรือไม่ นายอนุทินกล่าวต่อว่า ไม่มี หากไม่มีการประชุมสภา ก็จะมีการประชุมพรรคเดือนละ 1 ครั้ง ยกเว้นหากมีการประชุมสภาสมัยวิสามัญก็จะมีการประชุมพรรคสัปดาห์ละ 1 ครั้ง

เมื่อถามต่อว่า ได้มีการพูดคุยกับนายไชยชนกแล้วหรือไม่  นายอนุทินกล่าวว่า มีการนัดหมายกันช่วงเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งนายไชยชนก​แจ้งว่าจะมาหาช่วงสงกรานต์ ยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่มีอะไร เบื้องต้นได้พูดคุยกับนายเนวิน บิดาของนายไชยชนกแล้ว ซึ่งมีการพูดคุยกันเป็นประจำทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องรถแข่ง หรือฟุตบอล

นายอนุทิน​ยังกล่าวถึงกรณี นายภราดร ปริศนานันทกุล​ รองป​ระธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2 ในฐานะ สส.อ่างทอง พรรค ภท. กล่าวทิ้งท้ายในวันสุดท้ายของการประชุมสภา​ว่า อาจไม่มีสมัยประชุมหน้า แสดงถึงการส่งสัญญาณยุบสภา หรือมีนัยอะไรหรือไม่​ ว่าไม่ได้ยิน​ และไม่ได้เห็นสีหน้าท่าทางของนายภราดร และก็ยังไม่ได้มีการพูดคุยกันด้วย

พรรคลุงตู่หนุนกาสิโน

ส่วนจะมีปัจจัยให้มีการยุบสภาหรือไม่นั้น นายอนุทิน​กล่าวว่า​ ทุกอย่างพูดคุยกันได้หมด และนายกฯ บอกแล้ว​ว่าจะใช้เวลาพูดคุยกับหัวหน้ารัฐบาลมากขึ้น​ และทุกครั้งที่มีการหารือกับนายกฯ ก็ไม่มีอะไรที่ตกลงกันไม่ได้​ ไม่มีความขัดแย้งใดๆ กัน เมื่อนายกฯ เชิญหารือ ทุกคนก็พยายามทำทุกอย่าง เพื่อจะให้เกิดความร่วมมือให้สำเร็จตามนโยบาย​

ส่วนการเมืองหลังสงกรานต์จะชุ่มฉ่ำหรือร้อนแรง​ นายอนุทิน​กล่าวว่า​ ไม่ร้อนแรงอะไรหรอก ​ทุกอย่างมีเหตุมีผล​ มีการพูดคุยหารือกัน ทุกอย่างจะมีทางออก​ ซึ่งที่ผ่านมาก็จะมีทางออกร่วมกัน​

นายอนุทิน​ยังกล่าวถึงช่วงปิดสมัยประชุม​สภาว่า​ สส.จะลงพื้นที่​เพื่อ​ไปรับใช้พี่น้องประชาชนในพื้นที่ของเขา​ จะเป็นช่วงที่นำสิ่งที่รับมาจากประชาชนและทำสำเร็จแล้วไปอธิบายให้ประชาชน​ฟัง และไปรับฟังสารทุกข์สุกดิบกับความต้องการใหม่ๆ เพื่อทำให้เกิดผลสำเร็จเป็นวงรอบแบบนี้​ ระหว่างนี้อาจมีการเปิดสมัยประชุมวิสามัญเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 และร่างกฎหมายฉบับนี้​จะทำให้ทุกอย่างเข้าสู่ภาวะปกติ​ เพราะ 2 ปีที่ผ่านมางบประมาณล่าช้า​ เนื่องจากมีการยุบสภาและมีรัฐบาลใหม่​

ขณะที่ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯ และ รมว.พลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวถึงจุดยืนของพรรค รทสช. ต่อร่าง พ.ร.บ.ประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรว่า เหมือนเดิม อะไรที่ไม่ผิดกฎหมายเราก็ไม่มีปัญหา

ผู้สื่อข่าวถามว่า ต้องเป็นเป็นไปตามมติของพรรคร่วมรัฐบาลใช่หรือไม่ นายพีระพันธุ์กล่าวว่า เราเป็นพรรคร่วมและมีประเด็นที่เราเคยให้ปรับปรุง เขาก็ปรับปรุง และเมื่อปรับปรุงแล้วก็พอรับได้

เมื่อถามว่า มีข่าวว่าได้พูดคุยกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เรื่องพลังงานที่ต้องการช่วยเหลือประชาชน นายพีระพันธุ์กล่าวว่า มีการพูดคุยกันนานแล้ว

ทั้งนี้ มีรายงานข่าวแจ้งว่า ตั้งแต่มีการพูดคุยกัน นายพีระพันธุ์ได้พูดคุยปรึกษาหารือกับนายทักษิณอยู่ตลอดเรื่องพลังงาน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้นายพีระพันธุ์ได้ขับรถยนต์ส่วนตัวด้วยตนเอง ยี่ห้อ BMW i7 xDrive 60 ทะเบียน 6 ขช 6383 กรุงเทพฯ เข้าทำงานที่ทำเนียบฯ พร้อมเปิดเผยว่า วันนี้ให้คนขับรถยนต์ส่วนตัว ได้หยุดพักผ่อนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2568

ชี้เนวินอ่านเกมขาด

ส่วนนายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์คลิปและเนื้อหาบนเฟซบุ๊กในหัวข้อ “เนวินอ่านเกมขาด เพื่อไทยไม่กล้ายุบสภา” ระบุว่า การประกาศกลางที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรของนายไชยชนก ซึ่งเป็นพรรคร่วมรัฐบาลอันดับ 2 เพื่อแสดงท่าทีจุดยืนไม่เอากาสิโน ซึ่งเป็น พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร นโยบายเรือธงของรัฐบาล ถ้าการเมืองในอดีตที่ผ่านมา การที่พรรคร่วมรัฐบาลหักหน้าพรรคแกนนำรัฐบาลกลางสภาแบบนี้ มีทางออกอยู่ 2 ทาง คือ 1.ปรับพรรคร่วมรัฐบาลที่มีความเห็นขัดแย้งกับพรรคแกนนำออกจากรัฐบาลไป และ 2.ยุบสภาเพื่อคืนอำนาจให้กับประชาชน ส่วนการลาออกจากตำแหน่งนายกฯ ตัดออกไปได้เลย

“การประกาศท่าทีของนายไชยชนกจะบอกว่าเป็นความเห็นส่วนตัว เป็นเหตุผลที่ฟังไม่ขึ้น เพราะพรรคการเมืองนั้น บุคคลที่สามารถพูดแทนพรรคได้มีอยู่ 2 คนคือ หัวหน้าพรรคกับเลขาธิการพรรคเท่านั้น เมื่อคนระดับเลขาธิการพรรคแสดงจุดยืนกลางที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรเช่นนี้ ก็เท่ากับการประกาศจุดยืนของพรรคในทันที ซึ่งเกมนี้ นายเนวิน ชิดชอบ ผู้นำจิตวิญญาณของพรรคภูมิใจไทย อ่านขาดว่าพรรคเพื่อไทยไม่กล้ายุบสภา และไม่กล้าปรับพรรคภูมิใจไทยออกจากพรรคร่วมรัฐบาล” นายเทพไทวิเคราะห์

นายเทพไทโพสต์อีกว่า หากพรรคเพื่อไทยยุบสภาในตอนนี้ โอกาสแพ้มีสูงมาก คะแนนนิยมของพรรคเพื่อไทยยังไม่ฟื้น ผลงานรัฐบาลยังไม่มีเป็นที่ประจักษ์ ในขณะเดียวกันพรรคภูมิใจไทยมีความได้เปรียบกว่าพรรคเพื่อไทย มีความพร้อมตั้งแต่การจัดระเบียบอำนาจรัฐของกระทรวงมหาดไทย กลุ่มทุนสนับสนุนมีเพียงพอ กระแสนิยมของฝ่ายอนุรักษนิยมเทให้กับพรรคภูมิใจไทยมากกว่าพรรคการเมืองอื่นในฝ่ายอนุรักษนิยม ถ้ายุบสภาก็เป็นโอกาสของพรรคภูมิใจไทยที่จะได้อันดับ 1 ในขั้วอนุรักษนิยมทันที ส่วนการที่พรรคเพื่อไทยจะปรับพรรคภูมิใจไทยออกจากพรรคร่วมรัฐบาล เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย เพราะพรรคเพื่อไทยย่อมรู้ดีว่า เบื้องหลังของพรรคภูมิใจไทยมีอะไรเป็นผนังทองแดงกำแพงเหล็กอยู่

 “ถ้าพรรคเพื่อไทยคิดจะปรับพรรคภูมิใจไทยออกจากพรรคร่วมรัฐบาลวันใด ก็ให้นับถอยหลังวันยุบสภาทันที พรรคเพื่อไทยยังไม่พร้อมลงสนามเลือกตั้งด้วยประการทั้งปวง และเมื่อการเมืองแบ่งออกเป็น 2 ขั้ว ฝ่ายอนุรักษนิยมจะเลือกพรรคภูมิใจไทยมากกว่าพรรครวมไทยสร้างชาติและพรรคประชาธิปัตย์ ส่วนฝ่ายประชาธิปไตยจะเลือกพรรคประชาชน แต่พรรคเพื่อไทยยังหาตลาดคะแนนที่แท้จริงไม่ได้ ถ้าหากยุบสภาตอนนี้ ก็เท่ากับฆ่าตัวตายทางการเมือง คุณเนวินอ่านเกมขาด นายไชยชนกจึงกล้าฉีกหน้านางสาวแพทองธารกลางสภา” นายเทพไทระบุ.