‘ใต้ดิน-บนฟ้า’ชี้ชะตารัฐบาล

ลูกหาบมั่นใจเสถียรภาพรัฐบาล อยู่ยันครบวาระ ชะลอ กม.เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ฯ ดึงฟืนออกจากกองไฟ ลั่นทำงานเข้าขากับกองทัพ ขณะที่ “วันนอร์” บอกต้องฟังเสียงประชาชน พูดยากสถานะมั่นคงตลอดไป การเมืองมีทั้งบนดิน ใต้ดิน และบนฟ้า “วิโรจน์” ย้อนบทเรียนเหมาเข่ง อย่าดักดานโทษคนอื่นบิดเบือน

เมื่อวันที่ 16 เม.ย.2568 นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) ให้สัมภาษณ์ถึงการเมืองหลังสงกรานต์  เหตุการณ์ร้อนแรงที่นายไชยชนก ชิดชอบ สส.บุรีรัมย์ และเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย ประกาศไม่เอากาสิโนก่อนปิดสมัยประชุมว่า คงต้องให้พรรคภูมิใจไทยไปเคลียร์กันก่อน โดยมารยาทเราไม่อยากไปก้าวก่ายในพรรคภูมิใจไทย เมื่อนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย บอกว่าสนับสนุนรัฐบาล เราก็ต้องฟังหัวหน้าพรรค

“ก็ให้เขาคุยกันแล้วมาบอกรัฐบาล เป็นหน้าที่ของนายอนุทินต้องคุยกับเลขาฯ พรรคตัวเอง เราไม่ไปก้าวก่ายเขา ถ้าอยากอยู่ร่วมรัฐบาลต้องอยู่ทิศทางเดียวกัน อย่าไปเครียด ช่วงสงกรานต์ต้องใช้ชีวิตเป็นสุข และในฐานะ สส.พรรคเพื่อไทย ตนให้กำลังใจ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เชื่อว่าจะบริหารความขัดแย้งได้ ก่อนเลือกตั้งเราอยากแลนด์สไลด์ แต่เมื่อผลเลือกตั้งออกมาแบบนี้ เป็นรัฐบาลผสม ก็ต้องบริหารแบบนี้ นักดนตรีมาจากหลายวง เล่นเข้าขากันบ้างไม่เข้าขากันบ้างเป็นธรรมดา เชื่อว่านายกฯ บริหารความขัดแย้งได้ และการตัดสินใจให้ใครอยู่ร่วมรัฐบาลต่อเป็นอำนาจของท่านนายกฯ  ท่านทำงานใกล้ชิดรัฐมนตรีรู้ว่าเป็นอย่างไร” นายวิสุทธิ์ระบุ

ทางด้านนายวรชัย เหมะ อดีต สส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า แม้พรรคร่วมรัฐบาลจะมีความเห็นแตกต่างหลากหลาย แต่เชื่อว่านายกรัฐมนตรีจะสามารถบริหารความขัดแย้งให้รัฐบาลอยู่ร่วมกันต่อไปเพื่อแก้ไขวิกฤตต่างๆ ที่เกิดขึ้นในขณะนี้ โดยเฉพาะเรื่องหลักที่รัฐบาลต้องทำคือการเจรจาเรื่องภาษีกับสหรัฐ และแม้เรื่องกระตุ้นเศรษฐกิจยังไม่สามารถเดินได้เต็มที่ เช่น เรื่องเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ที่ประชาชนยังไม่เข้าใจ ทำให้มีการต่อต้านการประท้วงอย่างกว้างขวาง แต่เมื่อรัฐบาลสั่งชะลอเรื่องนี้ออกไปก่อน ถือว่าเป็นการเอาฟืนออกจากไฟ  ประกอบกับสถานการณ์วันนี้ไม่เหมือนกับอดีต  รัฐบาลสามารถทำงานกับกองทัพอย่างเข้าขา

“จึงเชื่อว่ารัฐบาลจะสามารถทำงานต่อจนครบวาระ เวลาที่เหลือตรงนี้ก็ต้องเดินหน้าสร้างรายได้ โดยเฉพาะการท่องเที่ยว ที่จัดงานสงกรานต์ยิ่งใหญ่ที่สุดในรอบหลายปี โดยจะเห็นว่าความนิยมในตัว น.ส.แพทองธารเพิ่มขึ้นจากคนรุ่นใหม่ เป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่านายกฯ เดินมาถูกทางแล้ว เชื่อว่าเมื่อบริหารจนครบวาระการที่พรรคเพื่อไทยจะกลับมาเป็นพรรคอันดับหนึ่งไม่ใช่เรื่องเกินคาดหมาย” นายวรชัยกล่าว  

นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงเสถียรภาพของรัฐบาลจากการเดินหน้าร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ซึ่งก็มีพรรคร่วมรัฐบาลบางพรรคไม่เห็นด้วยว่า รัฐบาลมีเสียงกว่า 300 เสียง เพียงพอต่อการลงมติ แต่ก็จะต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์ว่ามีเรื่องใดที่มีความขัดแย้ง ทุกพรรคการเมือง และ สส.ก็ต้องฟังเสียงประชาชน รวมถึงไม่สามารถบอกได้ว่ามั่นคงตลอดไป เพราะถือเป็นเรื่องการเมืองต้องมีทั้งบนดิน ใต้ดิน และบนฟ้า ซึ่งก็จะมั่นคงได้ในระดับหนึ่ง แต่จะบอกว่าตลอดไปไม่ได้ ต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งรัฐบาลมีปัญหาลักษณะนี้มาโดยตลอด และเป็นเรื่องปกติ แต่การตัดสินใจสุดท้าย จะอยู่ที่ประชาชนที่จะตัดสินในการเลือกตั้งต่อไป

เมื่อถามถึงกรณีที่มีผู้ประเมินร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวอาจซ้ำรอยร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมนั้น  ประธานสภาผู้แทนราษฎรกล่าวว่า ปัจจุบันในระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ก็มีร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมที่รอการพิจารณาอยู่ ซึ่งมีหลายฉบับ ทั้งจากคณะรัฐมนตรี สส.และพรรคการเมือง 3-4 ฉบับ หากทุกฝ่ายพูดคุยกันได้ก็จะเป็นเรื่องที่ดี และเชื่อว่าไม่น่าจะไม่ความขัดแย้ง เพราะทุกคนมุ่งหมายสร้างความปรองดองในประเทศ แต่จะนิรโทษกรรมในระดับใด และกับใครบ้าง ยังจะต้องพูดคุยกัน

ขณะที่ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร รองหัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวถึงกรณีนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ประธานวิปรัฐบาล ระบุถึงการทำความเข้าใจกับประชาชนเรื่องเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ อย่าปล่อยให้เกิดการบิดเบือนมีแค่กาสิโนว่า การโทษทุกสิ่งทุกอย่าง แสดงว่าไม่เข้าใจปัญหา ขนาด ครม. พรรคร่วมฯ ประชุมกันทุกสัปดาห์ การสื่อสารกันเองยังด้อยประสิทธิภาพเลย แล้วยังมีหน้ามาโทษคนอื่นบิดเบือนอีก ตนไม่เคยค้านแบบสุดลิ่ม หรือไปบิดเบือน แต่จะพยายามบอกว่ารัฐบาลยังขาดการดึงเอาประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม เพื่อสร้างความเข้าใจในเรื่องที่จะดำเนินนโยบายได้อย่างถูกต้อง ถ้ารัฐบาลไม่เปิดช่อง ก็เท่ากับรัฐบาลปิดประตูตีแมว เคยมีประสบการณ์กับ พ.ร.บ.นิรโทษกรรมแบบเหมาเข่งมาแล้วไม่ใช่หรือ แสดงว่าดักดานไม่เคยเอามาเป็นบทเรียน มัวแต่โทษคนอื่น นี่คือปัญหาของรัฐบาลและพรรคเพื่อไทย

 นายวิโรจน์ย้ำว่า ต้องเปิดพื้นที่ให้สื่อมวลชน  นักวิชาการวิพากษ์วิจารณ์ร่างกฎหมายเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ โดยรัฐบาลตอบคำถามอย่างสร้างสรรค์ ไม่ใช่ตอบโต้ กฎหมายลักษณะนี้ถ้าไม่ประณีตและรัดกุม ถ้าเกิดผลกระทบทางลบต่อสังคม กว่าจะแก้ไขกฎหมายได้ใช้เวลาหลายปี ให้รับไปก่อนแล้วแก้ทีหลังแบบสุกเอาเผากินไม่ได้ จะอ้างแก้ในชั้น กมธ.ไม่ได้ ถ้าเคลียร์กับประชาชนจนสิ้นข้อสงสัย แก้ไขร่างที่ 1 จนประชาชนรับได้ ก่อนส่งเข้าสภาให้รับหลักการ ก็มีแนวโน้มจะผ่าน แบบนั้น สว.เองก็ไม่น่าจะมีแรงต้าน หากประชาชนเห็นด้วย ตนว่านายวิสุทธิ์ต้องไปบอกพรรคเพื่อไทย และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ก่อนว่าอย่ามองคนเห็นต่างเป็นศัตรู เพราะรัฐบาลขาดการประชาสัมพันธ์ข้อเท็จจริงอย่างครอบคลุม ทั่วถึง เพียงพอ ยิ่งเห็นรัฐบาลงุบงิบ มุบมิบ กุลีกุจอจะทำให้ได้ ประชาชนก็อาจจินตนาการในทางร้ายไว้ก่อนอยู่แล้ว.