ไม่สนิทแล้ว! คดีขับรถปาดหน้าเขย่าการเมือง "ภูมิธรรม" วอนอย่าจับแพะชนแกะ ปัด "ทักษิณ" ไม่มีความสัมพันธ์พิเศษกับนายกเบี้ยว เผยแค่ไปงานบวช "น้องพีช" ตามคำเชิญทั่วๆ ไป ยันให้เป็นไปตามกระบวนการ ด้านผบ.ตร.ตะเพิด อย่ามาเรียก "อาต่าย" อย่าทำตัวเป็นขยะสังคม ตร.ทางหลวงแจ้งข้อหาประมาทร่วม "พีช" โดยเพิ่มไม่มีใบขับขี่ ป้ายแดงปลอม ส่วนอาการลุงคู่กรณียังสาหัส ซี่โครงหัก 6 ซี่ ปอดช้ำ กระดูกกลางอกหัก
เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2568 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์กรณีโฆษกพรรคพลังประชารัฐแสดงความกังวลกรณีคดีนายสมิทธิพัฒน์ หลีนวรัตน์ หรือพีช ลูกชายนายกฤษฎา หลีนวรัตน์ หรือนายกเบี้ยว เนื่องจากปรากฏภาพมีความสนิทสนมกับนายกรัฐมนตรีว่า เรื่องนี้ต้องแยกออกจากกัน ความสัมพันธ์ส่วนบุคคลก็เรื่องหนึ่ง แต่เรื่องกฎหมายก็ต้องว่าไปตามกฎหมาย ในกรณีที่กฎหมายมีอยู่และภาพลักษณ์ที่เกิดขึ้น วิดีโอ และข้อมูลที่เกิดขึ้น ก็คงต้องให้เจ้าหน้าที่ว่าไปตามกฎหมาย และไม่ต้องกังวล เรื่องนี้เราไม่เข้าไปเกี่ยวข้องอยู่แล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ฝ่ายค้านพยายามจี้เรื่องนี้เพราะนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีก็ไปร่วมงานบวชนายสมิทธิพัฒน์ นายภูมิธรรมตอบว่า นายทักษิณไม่ได้ไปงานลูกชายนายกเบี้ยวเพียงอย่างเดียว เวลาสมาชิกหรือใครก็ตามขอให้ไป นายกเบี้ยวเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย ลูกชายคนโตก็เป็น สส.พรรคเพื่อไทย ในเมื่อ สส.จะบวชน้องชายก็เชิญนายทักษิณ ในฐานะผู้เคยก่อตั้งพรรคไทยรักไทยมาจนถึงพรรคเพื่อไทย และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ก็เป็นหัวหน้าพรรค ดังนั้นการร้องขอให้ไปร่วมงานไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้น แต่ก็ขึ้นในทุกจุดที่สมาชิกพรรคเพื่อไทยหรือญาติมีการแต่งงาน มีงานศพหรืองานบวช ก็เป็นเรื่องธรรมดา อย่าไปมองเรื่องความสัมพันธ์พิเศษ เพราะทุกพรรคก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน ตนอยากให้แยกจากกัน อย่าไปจับแพะชนแกะ
"ผมคิดว่ามีสิทธิ์กังวลได้ แต่ก็ต้องเชื่อมั่นไม่ได้ ทำเรื่องนี้เป็นกรณีพิเศษ และได้พูดชัดเจนแล้ว ที่ผ่านมาเราไม่เคยเข้าไปยุ่งเกี่ยว ขอให้เจ้าหน้าที่ทั้งหมดไม่ต้องเกรงใจว่าเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย สามารถดำเนินการได้ตามกฎหมายอย่างเต็มที่ ไม่เกี่ยวกับเรา ทั้งนี้ส่วนตัวไม่มั่นใจว่าคุณสมิทธิพัฒน์เป็นสมาชิกพรรคหรือไม่ แต่พ่อกับพี่ชายเป็นสมาชิกพรรค"
เมื่อถามว่า ในแง่ของสังคมมีความเป็นห่วงในการดำเนินคดี เพราะมองว่าเป็นผู้มีอิทธิพล รองนายกฯ ชี้แจงว่า ผู้มีอิทธิพลสร้างเหตุการณ์ที่มีปัญหาต่อหน้าธารกำนัลแบบนี้ไม่ต้องกังวลหรอกครับ ไม่มีใครเข้าไปเกี่ยวข้อง ให้ว่าไปตามกระบวนการ จะไปบิดไปเบี้ยวก็อยู่ในสายตาของประชาชน พรรคการเมืองคงไม่ทำอย่างนั้น
ด้าน พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ชี้แจงกรณีนายสมิทธิพัฒน์อ้างว่ารู้จักโดยใช้คำเรียกขาน "อาต่าย" โดย ผบ.ตร.หัวเราะพร้อมย้ำว่า ทุกคนสามารถเรียกตนว่าอาต่ายได้ ได้ดูคลิปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว และได้เน้นย้ำไปทางตำรวจทางหลวง ตำรวจภูธรในเรื่องการดำเนินคดี และอยากให้แยก มิติของการรู้จักกับความเป็นญาติ ซึ่งในความเป็นตำรวจ ก่อนที่ตนจะได้เป็น ผบ.ตร. รู้จักคนมาเป็นจำนวนมาก ฝนตกตัวไม่เคยปิดกั้นใคร ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นนักการเมืองท้องถิ่น สส. ตนเป็นที่รู้จักอยู่แล้ว
อย่าทำตัวเป็นขยะสังคม
"คุณพ่อของผู้ก่อเหตุผมก็รู้จัก ยอมรับว่ามีคนอยากถ่ายรูปกับผม ซึ่งผมก็ถ่ายด้วย ยิ่งเมื่อผมก้าวขึ้นมาเป็น ผบ.ตร. มีคนอยากเป็นลูกเป็นหลานผมเยอะ และทุกคนก็เรียกผมว่าอาต่าย ซึ่งผมได้ย้ำกับตำรวจทุกคนว่า เราทำงานใกล้ชิดกับประชาชน ขอให้ทำตัวเหมือนญาติ ใครจะเรียกเราน้าหรืออาเป็นเรื่องที่ดี ผมไม่ชอบให้ใครมาเรียกว่าท่าน ดังนั้นความใกล้ชิดหรือรู้จักกันเป็นเรื่องปกติ แต่สิ่งที่เด็กคนนี้กระทำเราแยกออกไป และยืนยันว่าผมไม่มีญาติแบบนี้ ผมตระกูลพันธุ์เพ็ชร์ และไม่ได้เกี่ยวข้องกับทางพ่อหรือแม่ของผม"
ถามว่าการที่ผู้ก่อเหตุพยายามโอ้อวดว่ารู้จักคนใหญ่คนโต หวังต้องการให้คู่กรณีเกิดความยำเกรงหรือไม่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐกล่าวว่า เป็นเรื่องของนิสัยคน ตัวตนคน บางคนอาจจะไปกระทบกระทั่ง แต่เราต้องแยกแยะให้ดี ตนไม่ได้เข้าข้างใคร พ่อเขาจะเป็นอย่างไร ก็แยกแยะไป ลูกชายอีกคนเป็น สส. ก็แยกแยะ ส่วนตัวเด็กที่ก่อเหตุจะด้วยอุปนิสัย เราต้องแยก หากทำผิดต้องได้รับโทษทัณฑ์
"การไปโอ้อวดแอบอ้างหวังให้คู่กรณีหรือเจ้าหน้าที่รัฐเกรงใจได้รู้ว่าผมรู้จักคนใหญ่คนโต แต่อย่าลืมว่าโลกเปลี่ยนไปแล้ว และมั่นใจว่าตำรวจยุคใหม่ไม่ได้สนใจว่าคุณจะรู้จัก ผบ.ตร. รู้จักผู้หลักผู้ใหญ่ในรัฐบาลที่ไปงานบวชของคุณ คำว่าหลานอาต่ายผมฟังแล้วไม่รื่นหูเท่าไหร่ แค่รู้สึกว่าทำไมทำเช่นนี้ ยืนยันผมมีลูกคนเดียว ย้ำเสมอว่าอย่าทำตัวเป็นขยะสังคม" พล.ต.อ.กิตติ์รัฐกล่าว
สำหรับความคืบหน้าของคดี พ.ต.อ.กึกก้อง ดิศวัฒน์ ผู้กำกับการ 8 กองบังคับการตำรวจทางหลวง พร้อมด้วย พ.ต.ท.ธิติ พันธ์สวัสดิ์ รองผู้กำกับ (สอบสวน) สถานีตำรวจทางหลวง 2 กองกำกับการ 8 กองบังคับการตำรวจทางหลวง, พ.ต.ท.จำเริญหนูรัก สารวัตร (สอบสวน) สถานีตำรวจทางหลวง 2 กองกำกับการ 8 กองบังคับการตำรวจทางหลวง และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุมสรุปคดีในส่วนความผิดตามพระราชบัญญัติจราจร
แจ้งข้อหาประมาทร่วม
ภายหลังการประชุม พ.ต.อ.กึกก้องระบุว่า สำหรับกรณีดังกล่าวแบ่งออกเป็น 2 ส่วน โดยกองบังคับการตำรวจทางหลวงรับผิดชอบในส่วนแรก คือช่วงที่รถทั้ง 2 คันได้ขับออกจากช่องทางจ่ายเงิน M-Flow จากนั้นรถกระบะได้เบี่ยงจากเลนซ้ายไปขวาโดยไม่เปิดสัญญาณไฟจราจร ส่วนรถ BMW ที่อยู่ในเลนขวาไม่ได้มีการชะลอความเร็ว ทำให้เกิดเหตุปาดกัน เบื้องต้นทางพนักงานสอบสวนพิจารณาร่วมกันแล้วว่าจะแจ้งข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ทรัพย์สินของผู้อื่นเสียหาย ตามพระราชบัญญัติจราจรทางบกกับทั้ง 2 ฝ่าย โดยมีโทษปรับไม่เกิน 4,000 บาท ทั้งนี้ หากทั้ง 2 ฝ่ายไม่รับสารภาพ ก็ต้องส่งฟ้องต่อศาลแล้วให้ศาลเป็นผู้พิจารณา
แต่ในส่วนของนายพีช จะมีข้อหาเพิ่มเติมคือ ขับรถโดยไม่มีใบอนุญาต เนื่องจากตรวจสอบพบว่าใบขับขี่หมดอายุตั้งแต่ 27 มิถุนายน 2564 ซึ่งล่าสุดญาติผู้ใหญ่ของนายพีชได้ประสานว่าจะเข้ามาพบกับตำรวจที่สถานตำรวจทางหลวง 2 กองกำกับการ 8 กองบังคับการตำรวจทางหลวง ส่วนเรื่องความเร็วที่ใช้ระหว่างเข้าด่านเก็บเงิน M-Flow จะเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดหรือไม่ จะต้องไปทำการตรวจสอบอีกครั้ง
ส่วนการตรวจวัดแอลกอฮอล์ในวันเกิดเหตุ ตำรวจทางหลวงได้มีการตรวจวัดแล้วที่บริเวณหน่วยบริการทางหลวง ไม่พบปริมาณแอลกอฮอล์ โดยพนักงานสอบสวนได้โชว์เอกสารที่มีการตรวจวัด ระบุเวลาในการตรวจคือ 10.56.30 น. ปริมาณแอลกอฮอล์ 0 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ และมีลายมือชื่อของนายพีชเซ็นไว้ด้วย
สำหรับกรณีทะเบียนป้ายแดง เบื้องต้นมีการตรวจสอบในวันเกิดเหตุ พบว่ามีตราปั๊มนูนเหมือนกับแผ่นป้ายทะเบียนจริง แต่ตรวจสอบทะเบียนไม่พบในฐานข้อมูล จึงจะต้องส่งให้ทางกรมการขนส่งทางบกตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง ซึ่งหลังจากนี้จะให้ทางนายพีชนำเอกสารทะเบียนป้ายแดงมายืนยันด้วยว่าทางโชว์รูมเป็นผู้ออกให้หรือไม่ รวมถึงนำรถ BMW มาให้ตำรวจทางหลวงตรวจสอบ หากพบความผิดจึงจะส่งทั้งเอกสารและรถให้ทางพนักงานสอบสวน สภ.ลำลูกกา ไปดำเนินคดีอาญาในความผิดปลอมแปลงเอกสารทางราชการต่อไป
'ลุง'ยังสาหัส
สำหรับในคดีความผิดในช่วงที่ 2 ที่นายพีชขับรถไล่ปาดจนชนรถกระบะ ทำให้ลุงคนขับได้รับบาดเจ็บสาหัส ซึ่งเป็นคดีอาญา ผู้รับผิดชอบคือพนักงานสอบสวน สภ.ลำลูกกา ส่วนข้อหาตาม พ.ร.บ.จราจรฯ เกี่ยวกับการขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้อื่นนั้น ก็จะส่งข้อมูลให้ทาง สภ.ลำลูกกาดำเนินคดีไปพร้อมกัน เพื่อไม่ให้เป็นการฟ้องซ้ำ
ด้านทีมงาน ‘กัน จอมพลัง’ พาลูกชายและลูกสาวของลุง-ป้าที่ถูกรถบีเอ็มฯ ของนายพีชเบียดชนแบริเออร์มาออกรายการโหนกระแส โดยระบุว่า ช่วงแรกญาติของผู้ได้รับบาดเจ็บมีความกังวล เนื่องจากตัวของคู่กรณีกล่าวอ้างว่ารู้จักกับผู้หลักผู้ใหญ่ และยังบอกว่าฝั่งของผู้บาดเจ็บนั้นเป็นคนผิด ตอนนี้อาการของคุณลุง ซี่โครงหัก 6 ซี่ ปอดช้ำ กระดูกกลางอกหัก นอกจากนั้นออกซิเจนก็ยังไม่คงที่ ต้องเฝ้าดูอาการอย่างใกล้ชิด ส่วนอาการของคุณป้า หลังจากที่เมื่อวานนี้ทางด้านหมอได้มีการเอกซเรย์ ก็ได้แจ้งกับญาติว่าอยากให้คุณป้าพักอยู่ที่โรงพยาบาลอีก 1 สัปดาห์
ส่วนนายกฤษฎา โฟนอินชี้แจงในรายการโหนกระแสยืนยันว่า “น้องพีช” ลูกชายเป็นห่วงคุณลุง-คุณป้าที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุรถชนเป็นอย่างมาก แต่ยังไม่กล้าไปเยี่ยม ลูกชายฝากให้ดูแลว่าอย่าให้คุณลุงและคุณป้าเป็นอะไรนะ ส่วนคลิปเสียงที่ลูกชายโทร.ไปข่มขู่คนขับรถอัลพาร์ดนั้นต้องขอโทษ ลูกชายรู้เท่าไม่ถึงการณ์
“เขาก็ยังอายุไม่เยอะ ยังเป็นวัยรุ่น ผมก็บอกพีช หลังเกิดเหตุแล้วทำไมไม่กล้าสู้ เขาก็ไปโรงพัก ประกันก็เคลมแล้ว ก็คิดว่าไม่มีอะไร แต่เห็นสื่อออกทุกช่อง เขาก็ตกใจกลัว ปิดมือถือ ผมก็หาลูกทั้งวันเลย เพิ่งเจอเมื่อคืนเอากลับมาบ้าน ไม่ได้มีเจตนาหลบหนี” พ่อของพีชกล่าว
นอกจากนี้ นายกเบี้ยวกล่าวถึงการที่ลูกชายลงสมัครรับเลือกตั้ง สท.ว่า ถอนตัวไม่ได้ ด้วยระเบียบแล้วถอนตัวไม่ได้ ต้องปล่อยเลยตามเลย ให้ประชาชนที่จะลงคะแนนให้ ได้ก็ได้ ไม่ได้ก็ไม่ได้ แล้วแต่ประชาชน.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'ภูมิธรรม' พร้อมคุมดีเอสไอแทน 'ทวี' ปัดแดงเพลี่ยงพล้ำน้ำเงิน
'ภูมิธรรม' พร้อมคุมดีเอสไอ หากนายกฯ มอบหมายแทน 'ทวี' ปัดแดงเพลี่ยงพล้ำน้ำเงิน 'คดีฮั้ว สว.' เผยยังส่งดอกไม้ไปเยี่ยม 'อนุทิน' อยู่เลย
ข้องใจ 'นายกฯอิ๊งค์' รู้หลักบริหารประเทศแค่ไหน?
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า อุ๊งอิ๊ง รู้หลักบริหารประเทศแค่ไหน?
คดี‘ฮั้วสว.’ไม่สะดุด DSIลุยสอบฟอกเงิน-อั้งยี่ ดาบสองชงป.ป.ช.ฟัน‘ทวี’
"นายกฯ อิ๊งค์" ปัดคุมดีเอสไอเอง รอ ครม.เคาะตัวแทนทวี "โฆษกดีเอสไอ" ลั่นคดีฮั้ว สว.ไม่สะดุด เดินหน้าสอบฟอกเงิน-อังยี่ตาม กม.
เตือนคลังติดคุก หนุน‘G-Token’ แฉเอื้อบิตคอยน์
"ธีระชัย" จี้รัฐหยุดตีความกฎหมายสร้างความชอบธรรมออก "จีโทเคน" ชี้ไม่ตรงเจตนารมณ์ พ.ร.บ.หนี้
พิชัยถกแบงก์รัฐ ศก.ฟุบหนัก2ปี จ่ออัดซอฟต์โลน
"อิ๊งค์" บอกยังไม่ยกเลิก "เงินหมื่นเฟส 3" อ้างเวลานี้ต้องกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งหมด
ขวาง‘สมศักดิ์’วีโตมติแพทยสภา
ขวาง “สมศักดิ์” วีโตมติแพทยสภา “วรงค์” เชื่อมีเกมดิสเครดิตแพทยสภา