"ภูมิธรรม" ไฟเขียว "ทหาร-ตร." เปิดยุทธการเชิงรุกสกัดก่อเหตุชายแดนใต้ ขีดเส้น 7 วัน ต้องทำให้เห็นความเปลี่ยนแปลง ยันไม่ได้ปฏิเสธเจรจาสันติสุข แต่ต้องคุยกับแกนนำบีอาร์เอ็นตัวจริง กสม.ประณามโจรใต้สังหารสามเณร หน่วยมั่นคงพอรู้ฝีมือกลุ่มไหน
เมื่อวันที่ 23 เมษายน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงสถานการณ์ในพื้นที่ภาคใต้ที่เกิดเหตุความรุนแรงหลายพื้นที่ว่า เรื่องต่อเนื่องมาตั้งแต่ที่ตนอยากจะเปลี่ยนยุทธศาสตร์การจัดการปัญหาภาคใต้อยู่แล้ว สิ่งที่ยากลำบากคือ บางทีเราคุยกับหลายส่วน แต่ได้ความจริงของแต่ละคน ซึ่งยากลำบากและซับซ้อนเกินกว่าที่จะสรุปได้ และยากที่จะบอกว่าจะกำหนดยุทธศาสตร์อย่างไร จึงนำมาซึ่งการที่ยังไม่สามารถแต่งตั้งหัวหน้าคณะพูดคุยเพื่อสันติสุข เพราะแม้เจรจามาหลายสิบปีแล้ว การสู้รบยังไม่เห็นมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมาก จึงได้พูดกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องว่า ถ้ายังใช้ยุทธศาสตร์เดิมแล้วคิดว่าถูกต้อง ต้องมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปในทางบวก แต่ถ้ายังไม่สามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งนี้ได้ ต้องคิดใหม่ เพราะคิดแบบเดิมก็ได้เหมือนเดิม จึงเสนอที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ แล้วเราพยายามรวบรวมรับฟังความเห็นต่างๆ ของแต่ละส่วน
นายภูมิธรรมกล่าวว่า จริงๆ ปลายสัปดาห์นี้ตั้งใจจะลงพื้นที่ไป โดยโปรแกรมที่วางไว้คือการพูดคุยกับนายอำเภอทุกอำเภอของ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ประมาณครึ่งวัน แล้วต่อด้วยการพูดคุยกับผู้กำกับทุกสถานีตำรวจในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ นอกจากนี้ จากที่ได้พูดคุยกับแม่ทัพภาคที่ 4 แล้ว จะขอพูดคุยกับผู้บังคับการกรมและผู้บังคับกองพันของหน่วยในพื้นที่ รวมไปถึงทหารพราน เพราะแม้การไปประชุมและการรับฟังตามขั้นตอนเป็นเรื่องจำเป็น แต่คิดว่าอาจไม่สามารถนำมาแก้ปัญหาได้ทั้งหมด โดยก่อนจะเข้าประชุม ตนได้คุยกับผู้บังคับการกรมและผู้บังคับการกองพัน ซึ่งออกรสชาติและเห็นปัญหาหลายอย่างมากขึ้น แต่พอเกิดเหตุรุนแรง คิดว่าต้องลงพื้นที่ แต่ทางหน่วยในพื้นที่ได้แจ้งมาว่าขอทำงานก่อน เพราะถ้าผู้บังคับบัญชาลงไปต้องมีคนมาต้อนรับ งานจะมีปัญหา ตนจึงให้เขาทำงานไปก่อน แต่ค่อนข้างเป็นห่วง เพราะเหตุที่เกิดครั้งนี้ไม่ปกติ จึงคิดว่าควรต้องเรียกคุย ซึ่งตนทำหลายอย่าง เพราะไม่คิดว่าวิธีเดียวจะแก้ปัญหาได้
“ผมรู้สึกว่าจากการที่ได้คุยกับหลายส่วน เราทำงานเป็นฝ่ายตั้งรับอย่างเดียวหรือไม่ เราต้องทำงานเชิงรุก และอยากเห็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นยุติโดยเร็ว เพื่อสร้างขวัญกำลังใจให้ประชาชนในพื้นที่ การที่เราบอกว่าไม่ทอดทิ้งเขา สร้างความมั่นใจให้เขา มันต้องมีรูปธรรมให้เห็นว่าสร้างความมั่นใจได้จริง จึงอยากให้ทำเร็วที่สุด หรืออย่างน้อย 7 วันมาคุยกับผมอีกครั้ง คิดว่าต้องมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ” นายภูมิธรรม ระบุ
โดยเมื่อคืนวันที่ 22 เม.ย.ที่ผ่านมา ได้โทรศัพท์พูดคุยกับผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ซึ่งมีภารกิจอยู่ที่สิงคโปร์ และได้พูดคุยกับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ด้วย โดยอยากให้มีมาตรการที่ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นการเปิดปฏิบัติการหรืออะไรก็ตาม ต้องทำให้เป็นเชิงรุก และทำให้สถานการณ์ยุติอย่างเห็นได้ชัดโดยเร็ว ซึ่งทั้ง ผบ.ทบ.และ ผบ.ตร.รับปฏิบัติ ใครที่ขาดหรือจำเป็นต้องเสริมให้แจ้งมา และขอให้ปฏิบัติตามหน้าที่ที่ควรกระทำอย่างเต็มที่ และเป็นในเชิงรุก และเมื่อเช้านี้ตนได้พูดคุยกับแม่ทัพภาคที่ 4 ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 และรองปลัดกระทรวงมหาดไทย รวมไปถึงเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.)
นอกจากนี้เป็นเรื่องได้ยินดีที่ไทยได้รับความร่วมมือจากดาโตะ เซอรี อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ชัดเจนมากขึ้นว่าอยากช่วยแก้ปัญหาตรงนี้ และกำลังตั้งผู้อำนวยความสะดวกคนใหม่ขึ้นมา โดยตนจะนัดหมายเจอกัน และได้เตรียมตัวกับทีมงาน และจะได้ไปบอกกับเขาว่า ถ้าอยากให้มีตัวกลางเจรจาต้องบอกให้ชัดเจนว่าเขาต้องการอะไร คนที่จะมาคุยต้องเป็นตัวแทนที่สามารถยุติการสู้รบให้เห็นได้อย่างมีเงื่อนเวลา และจะฝากอีกว่า สิ่งที่จะคุยกับตนได้ ต้องอยู่ในเงื่อนไขที่มีพื้นฐานยอมรับกันได้
เมื่อถามว่า ไม่ได้ปิดประตูคณะเจรจา แต่ยังไม่ใช่เวลานี้ใช่หรือไม่ นายภูมิธรรมตอบว่า ใครคือตัวแทนบีอาร์เอ็น ซึ่งต้องเป็นคนที่คุยแล้วจะเกิดผล เพราะคราวที่แล้วขอไปว่าในช่วงเดือนรอมฎอน ขออย่าให้มีเหตุการณ์เกิดขึ้น ถ้าทำได้ แปลว่าคุณมีอำนาจในการยุติได้ แต่มันไม่จบ นี่ไม่ได้หมายความว่าตนปฏิเสธการเจรจา แต่คุณต้องบอกชัดเจนว่าใคร คือคนที่จะมาเจรจา ตนพร้อมคุยด้วย ถ้าเงื่อนไขที่ยื่นมาพอรับได้ อย่างเช่นต้องคุยอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญไทยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และการเป็นรัฐเดี่ยวต่อไป ซึ่งเป็นเงื่อนไขเบื้องต้น แต่ถ้าจะบอกว่าเป็นรัฐอิสระ แยกออกไป ขอย้ำว่าแผ่นดินไทยแยกไม่ได้ ต้องคุยตรงนี้ให้ชัด
"เรื่องภาคใต้ตอนนี้ 7 วัน ให้เขารายงานเข้ามา ก็หวังว่าจะเกิดสิ่งที่ดี และนี่เป็นคำสั่งการ ไม่ใช่ขอร้อง สั่งการให้ดำเนินการ ให้ได้ตามเป้าประเมิน" นายภูมิธรรมระบุ
ส่วนกรณีจะมีการยกเลิกกฎอัยการศึกในพื้นที่ 4 อำเภอจังหวัดสงขลา จะต้องชะลอไปก่อนหรือไม่นั้น นายภูมิธรรมระบุว่า ไม่จำเป็นต้องชะลอ เพราะโดยภาพรวมแล้วยังไม่เป็นปัญหา อะไรที่ยังไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจนให้ดำเนินการไปก่อน ทั้งนี้ ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ ตนพยายามและให้ความมั่นใจ ว่าเราต้องการสร้างความมั่นใจให้ประชาชน และเราจะดูแลคุ้มครองทุกคนให้เต็มที่ที่สุด ที่เราพึงจะกระทำให้ได้
คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ออกแถลงการณ์เรื่อง ขอประณามการก่อเหตุยิงสามเณรขณะเดินทางไปบิณฑบาตในพื้นที่ อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา เป็นเหตุให้มรณภาพ โดยมีใจความตอนหนึ่งว่า ขอประณามการกระทำอันโหดร้ายของผู้ไม่หวังดีที่ก่อเหตุรุนแรงทั้งต่อเจ้าหน้าที่ของรัฐและพลเรือนมาอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการก่อเหตุอุกอาจในครั้งนี้ที่ทำให้สามเณรได้รับอันตรายถึงแก่ชีวิตอันเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง โดยขอแสดงความเสียใจอย่างยิ่งไปยังครอบครัวของสามเณรผู้มรณภาพ ผู้ได้รับบาดเจ็บ ขอให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานและประชาชนในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้งนี้ ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงเพื่อนำตัวผู้กระทำผิดเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และขอให้มีการเยียวยาความเสียหายอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม
ที่โรงพยาบาลสะบ้าย้อย อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา นายโชตินรินทร์ เกิดสม ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา มอบหมายให้นายวิทยา จันทน์เสนะ รองผู้ว่าฯ และคณะลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจพระภิกษุ-สามเณร ที่ได้รับบาดเจ็บ รวม 5 รูป ส่วนสามเณรวงศกร ชูมาปาน อายุ 15 ปี ซึ่งมรณภาพ เจ้าหน้าที่ได้นำศพไปชันสูตรที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ เเละจะเคลื่อนร่างมาทำพิธีรดน้ำศพ ณ วัดทำเนียบธรรมาราม ในที่ 24 เม.ย. เวลา 15.00 น.
ในช่วงเช้า มีการประชุมหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ที่หน่วยเฉพาะกิจสงขลา โดยจัดตั้งเป็นศูนย์บัญชาการทางยุทธวิธีเพื่อควบคุมพื้นที่และติดตามคดี ขณะนี้เจ้าหน้าที่พอจะทราบกลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุแล้ว คาดว่าเป็นบีอาร์เอ็นกลุ่มเดิมๆ ที่มีกองกำลังเก่าประมาณ 16 คน และมีกองกำลังหน้าใหม่เข้าร่วม จากข้อมูลพบว่าในพื้นที่ อ.สะบ้าย้อย จะมีสมาชิก 4 คน เคลื่อนไหวอยู่ในพื้นที่ และการก่อเหตุครั้งนี้อย่างน้อย 2 คน สวมใส่ชุดสีดำ สวมหมวกกันน็อกปิดบังใบหน้า คาดว่ายังหลบหนีอยู่ในพื้นที่รอยต่อระหว่าง อ.สะบ้าย้อย และ อ.โคกโพธิ์
หน่วยงานความมั่นคงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้แจ้งเตือนให้เจ้าหน้าที่เพิ่มมาตรการเฝ้าระวังป้องกันให้เข้มงวดมากขึ้น เนื่องจากได้รับรายงานว่า กลุ่มคนร้ายมีแผนที่จะก่อเหตุลอบวางระเบิดและซุ่มยิงเจ้าหน้าที่ ตลอดจนซุ่มโจมตี จุดตรวจ จุดสกัดในพื้นที่ ต.เกาะสะท้อน อ.ตากใบ จ.นราธิวาส และพื้นที่ใกล้เคียง ระหว่างวันที่ 22-30 เม.ย.68 เพื่อเป็นการแสดงศักยภาพ สร้างความฮึกเหิมให้กลุ่มสมาชิกรุ่นใหม่กล้าออกมาก่อเหตุมากขึ้น.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ใกล้เป็นรัฐล้มเหลว ‘เจ๊หน่อย’ ชำแหละนักการเมืองสกปรก-ระบบสีเทากัดกร่อนประเทศ
"หญิงหน่อย" ขอโทษประชาชน ปล่อยงูเห่าแฝงตัวในพรรค รับ "อนุดิษฐ์-การุณ" เข้าคุยเรื่องออกจากพรรคหลายครั้ง ยันจากกันด้วยดี ชี้บ้านเมืองถูกกัดกร่อนจากนักการเมืองสกปรกจนใกล้เป็นรัฐล้มเหลว
หมดเวลา‘อุ๊งอิ๊ง’ 13มิ.ย.ไปตามพ่อ
“จตุพร” ฟันธงเวลา "อุ๊งอิ๊ง" ใกล้หมดแล้ว ถ้าพ่อไปก็ไปตามพ่อ เชื่อ 13 มิ.ย. ตัดสินสถานการณ์การเมือง แนะ "ทักษิณ" ใช้ความกล้าหาญเป็นครั้งแรก
ชาวสวนแนะนายกฯ ดึง‘ลิซ่า’ขายทุเรียน!
“อิ๊งค์” บุกสวนทุเรียนเมืองจันท์ รับฟังปัญหา ตัวแทนเกษตรกรเสนอดึง "ลิซ่า" ช่วยโปรโมตผลไม้ไทย หวังช่วยขยายฐานลูกค้า-เพิ่มยอดขาย นายกฯ ชวนประชาชนกินผลไม้ไทยเยอะๆ ให้กำลังใจเกษตรกร หลังผลผลิตปีนี้ออกมาก
33ปีรัฐประหารหลอน
ตั้งวงเสวนา 33 ปีพฤษภาทมิฬ "ชัชชาติ" เผยเหตุการณ์นี้นั่งร้องไห้กับเพื่อนที่อเมริกา ปัจจุบันยังต้องสู้กับประชาธิปไตยสีเทา "เท้ง" ลั่นเป็นตัวแทนคน
22มิ.ย.เลือกใหม่ ‘11เขตเทศบาล’ คุ้ยวุฒิสจ.กอล์ฟ
กกต.สรุปข้อมูลเลือกตั้งเทศบาลทั่วประเทศ “พัทลุง” ครองแชมป์ใช้สิทธิ ประกาศเลือกตั้งนายกฯ ใหม่ 2 แห่งในนครปฐม-อุตรดิตถ์
ฟุ้งถกเวียดนาม ‘19พ.ค.’ต้อนรับ ผู้นำแดนอิเหนา
“แพทองธาร” ปฏิบัติภารกิจในฮานอยวันสุดท้าย ช่วงเช้าร่วมพิธีวางพวงมาลาอนุสาวรีย์วีรชนและผู้เสียสละบั๊กเซิน