
เอกชนหวั่นราคาสินค้าขึ้นพรวด ดันเงินเฟ้อทะยาน ไตรมาสแรกอาจแตะ 3% วอนรัฐคุมราคาสินค้า-พลังงานช่วยประชาชน พร้อมคงจีดีพีปี 65 ที่ 3-4.5% จ่อคุยคลังขยายเวลาช้อปดีมีคืน “สุพัฒนพงษ์” ย้ำรัฐบาลทำเต็มที่แก้น้ำมันพุ่ง-ของแพง กบน.ไฟเขียวควักเงินกองทุนเพิ่มอีก 70 สตางค์ ตรึงดีเซลไม่เกิน 30 บาท
เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ในฐานะประธานการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประกอบด้วย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย, สมาคมธนาคารไทย และ ส.อ.ท. ประจำเดือน ก.พ.65 เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า สถานการณ์การปรับราคาสินค้าอุปโภคบริโภคในขณะนี้ โดยเฉพาะในหมวดอาหารสดและพลังงาน ทยอยปรับราคาสูงขึ้น ส่งผลกระทบต่อภาระค่าครองชีพของประชาชนอย่างมาก อาจส่งผลให้เกิดความกังวลเรื่องกำลังซื้อของภาคครัวเรือนที่จะชะลอการบริโภคลง ประกอบกับประชาชนระมัดระวังการใช้จ่ายซื้อสินค้าที่จำเป็นเท่านั้น สะท้อนผ่านกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่อาจฟื้นตัวได้ช้ากว่าที่คาดการณ์
ทั้งนี้ หากอัตราเงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้นมาก อาจส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ รวมถึงราคาสินค้าวัตถุดิบที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เนื่องจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกทำให้ราคาสินค้าและบริการในภาพรวมปรับตัวเพิ่มขึ้นมาก จนเริ่มส่งผลกระทบต่อค่าครองชีพและกำลังซื้อของประชาชน ซึ่งในกรณีที่แย่ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ในไตรมาสแรกของปี 2565 อาจพุ่งสูงกว่า 100 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ส่งผลกระทบด้านอื่นเพิ่มเติม โดยเฉพาะการท่องเที่ยว
“ที่ประชุม กกร.จึงคงประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2565 จะขยายตัวได้ในกรอบ 3-4.5% การส่งออกคาดว่าจะขยายตัวในกรอบ 3-5% ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไปคาดว่าจะปรับตัวขึ้นในกรอบ 1.5-2.5% จากเดิมคาดไว้อยู่ที่ 1.2-2% โดยเฉพาะในช่วงครึ่งแรกของปีที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไปอาจเร่งตัวขึ้นแตะระดับ 3% อาจส่งผลให้เศรษฐกิจไทยเติบโตลดลงกว่าที่ประมาณการได้” นายสุพันธุ์ระบุ
นายสุพันธุ์กล่าวว่า ปี 65 ยังต้องติดตามปัจจัยเสี่ยงจากสถานการณ์ความตึงเครียดทางการเมืองระหว่างรัสเซียและยูเครน มีโอกาสส่งผลกระทบด้านลบต่อเศรษฐกิจโลกและไทยในหลายมิติ หากสถานการณ์ลุกลามจนส่งผลให้สหรัฐ สหราชอาณาจักร และสหภาพยุโรป ใช้มาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจต่อรัสเซีย จะกดดันให้การค้าโลก รวมถึงการค้าระหว่างไทยและรัสเซียได้รับผลกระทบ แต่หากทางรัสเซียตอบโต้ด้วยการลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติ จะยิ่งกดดันให้อุปทานน้ำมันและก๊าซธรรมชาติตึงตัวมากขึ้น และส่งผลกระทบต่อเนื่องไปยังอัตราเงินเฟ้อ
ดังนั้น ภาครัฐจำเป็นต้องเตรียมการแก้ปัญหาราคาสินค้าแพงเพื่อไม่ให้อัตราเงินเฟ้อเร่งขึ้นมาก จนกระทบกับผู้บริโภคและการเติบโตของเศรษฐกิจไทย โดยขอความร่วมมือภาคเอกชนในการตรึงราคาสินค้า ขอให้ผู้ประกอบการบริหารจัดการสต๊อกสินค้าและวัตถุดิบที่มีอยู่ เพื่อชะลอการปรับขึ้นราคาออกไปก่อน ช่วยลดภาระค่าครองชีพให้แก่ประชาชนในสถานการณ์ปัจจุบัน และขอให้ภาครัฐตรึงราคาพลังงานเชื้อเพลิงและก๊าซหุงต้มภายในประเทศอย่างต่อเนื่อง ช่วยบรรเทาภาระต้นทุนการผลิตและการขนส่งให้กับผู้ประกอบการ
ด้านนายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ในวันที่ 4 ก.พ.นี้ เตรียมเข้าหารือกับนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.การคลัง เพื่อหามาตรการกระตุ้นกำลังซื้อเพิ่มเติม โดยเฉพาะการขยายเวลาโครงการช้อปดีมีคืน ที่จะสิ้นสุดวันที่ 15 ก.พ. เนื่องจากโครงการเริ่มช้า ระยะเวลาน้อย ทำให้ยอดการใช้จ่ายน้อย จากที่ภาคเอกชนพยายามเสนอปรับเปลี่ยนโครงการจากยิ่งใช้ยิ่งได้ มาเป็นช้อปดีมีคืน ตั้งแต่ช่วงเดือน ธ.ค.ที่ผ่านมา รวมทั้งเสนอเพิ่มวงเงินโครงการคนละครึ่ง เพราะวงเงินปัจจุบัน 1,200 บาท ประชาชนมองว่ายังน้อยเกินไป ซึ่งเป็นโครงการที่กระตุ้นใช้จ่ายได้จริง อาจจะหารือว่ากลับมาเป็นวงเงิน 1,500 บาทได้หรือไม่
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พลังงาน กล่าวถึงกรณีปัญหาราคาสินค้าสูงขึ้น ราคาน้ำมันสูงขึ้น จะส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพรัฐบาลหรือไม่ว่า สิ่งเหล่านี้ไม่ได้เกิดจากปัจจัยภายใน แต่เป็นปัจจัยภายนอก เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับทุกประเทศ ขอให้เข้าใจว่ารัฐบาลทำให้ดีที่สุดที่จะประคับประคอง เราเชื่อว่าปัญหานี้ไม่ได้เป็นปัญหาถาวร ทั้งนี้ องค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (เจโทร) เผยว่านักลงทุนญี่ปุ่นในประเทศไทยมองว่าแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในครึ่งปีนี้เป็นบวก คือดีขึ้นกว่าเดิม ถือว่าสูงสุดในรอบ 7 ปี
มีรายงานว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) ซึ่งมีนายสุพัฒนพงษ์เป็นประธาน ได้เห็นชอบใช้กลไกกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงชดเชยราคากลุ่มดีเซลเพิ่มอีกลิตรละ 70 สตางค์ มีผลตั้งแต่ 3 ก.พ.เป็นต้นไป ส่งผลให้การชดเชยกลุ่มดีเซลเพิ่มจาก 3.09 บาทต่อลิตรเป็น 3.79 บาทต่อลิตร เนื่องจากผลจากระดับราคาน้ำมันตลาดโลกยังคงเพิ่มสูง ขณะที่รัฐมีนโยบายตรึงราคากลุ่มดีเซลบี 7 ที่เป็นเกรดเดียวเอาไว้ที่ไม่เกิน 30 บาทต่อลิตร ทำให้ค่าการตลาดผู้ค้าเมื่อ 2 ก.พ. ติดลบ 0.119 บาทต่อลิตรส่งผลให้ผู้ค้าน้ำมัน โดยเฉพาะ บมจ.ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก หรือโออาร์ กับ บมจ.บางจากปิโตรเลียม ที่ยังคงตรึงราคาดีเซลไว้ตามนโยบายต้องแบกรับภาระมากขึ้น มาตรการครั้งนี้จึงเป็นการผ่อนคลายภาระผู้ค้าที่จะยังคงดำเนินนโยบายตรึงดีเซล 30 บาทต่อลิตรได้ต่อไป แม้ว่าก่อนหน้านี้ได้เห็นชอบในการลดสัดส่วนผสมไบโอดีเซล (บี 100) ในดีเซลให้เหลือไม่ต่ำกว่า 5% และสูงสุดไม่เกิน 7% มีผลตั้งแต่ 5 ก.พ.-31 มี.ค. แล้วแต่ช่วยลดต้นทุนได้เพียง 50-60 สตางค์ต่อลิตร
ทั้งนี้ ปัจจุบันสถานะสุทธิกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ณ วันที่ 30 ม.ค.65 ติดลบ 14,080 ล้านบาท โดยเป็นการไหลออกจากการตรึงราคาแอลพีจี ไว้ไม่เกิน 318 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม 1,900 ล้านบาทต่อเดือน และเงินไหลออกจากการตรึงราคาน้ำมันดีเซล ประมาณ 5,000 ล้านบาทต่อเดือน.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
พระราชทานพรปีม้า เรี่ยวแรงดีสุขกายใจ
"กรมสมเด็จพระเทพฯ" อุปนายิกาผู้อำนวยการสภากาชาดไทย ทรงบาตรเนื่องในโอกาสส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2569
พ้น72ชม.ไม่วางใจ สั่งปีใหม่คุมเข้มชายแดน เขมรยังปล่อยโดรนป่วน
ครบกำหนดหยุดยิง ไร้ปะทะ แต่กัมพูชาส่งกำลังบำรุง-ปล่อยโดรนตลอดแนวชายแดน ละเมิดข้อตกลง
เศรษฐกิจโต2.2% ธปท.-ปปง.ตั้งทีม สอบธุรกรรมทอง
"แบงก์ชาติ" เคาะจีดีพีปี 68 โตแน่ 2.2% ชี้เศรษฐกิจเดือน พ.ย.ยังขยายตัว
ขยี้ส้มมีเทาผิดซ้ำแค่ขอโทษ
“นายกฯ” อวยพรปีใหม่คนไทย ขอทุกข์โศก-เคราะห์หมดไปปีนี้ เขินโดนถามปี 2569
เตือน‘สายตี้’โดนหนัก สกัดอุบัติเหตุช่วงปีใหม่
เปิดศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2569
ฉายาสภาสูง‘รังของหนู’
ฉายาสภา 68 “รังหนอนสีเทา” ขณะที่สภาสูงคือ “รังของหนู”

