‘เปรมชัย’สู้ข้อหาสตง.ถล่ม

เท่าเทียม ตร.อุ้ม “เปรมชัย” ขึ้นรถตราโล่ พร้อมผู้ต้องหาเอี่ยวตึก สตง.ถล่ม ฝากขังศาลค้านประกันตัว ด้าน "ดีเอสไอ" นำทีมถือหมายค้นศาลอาญา เปิดปฏิบัติการค้น 7 พื้นที่เป้าหมายใน กทม.และนนทบุรี บริษัทจำหน่ายแพลนต์ปูนส่งก่อสร้างตึก สตง. พร้อมหมายจับ  "บินลิง วู" นายทุนชาวจีน โยงบริษัท ไชน่า เรลเวย์ฯ

เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2568 ที่ สน.บางซื่อ   ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณี 17 ผู้ต้องหา เอี่ยวคดีตึกสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ถล่ม หลังจากถูกออกหมายจับเมื่อวันที่ 15 พ.ค.ที่ผ่านมา โดยตั้งแต่ช่วงเช้า นายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด  (มหาชน) ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ถูกออกหมายจับ ได้นั่งรถยนต์ส่วนตัวมา ก่อนจะลงจากรถและนั่งวีลแชร์เข้ารับทราบข้อกล่าวหา “เป็นผู้มีวิชาชีพในการออกแบบ ควบคุม หรือทำการก่อสร้าง ซ่อมแซม หรือรื้อถอนอาคารหรือสิ่งปลูกสร้างใดๆ ไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ หรือวิธีการอันพึงกระทำการนั้นๆ โดยประการที่น่าจะเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่บุคคลอื่น เป็นเหตุให้บุคคลอื่นถึงแก่ความตาย อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 227 และ 238”

ต่อมามีนายเกรียงศักดิ์ กอวัฒนา รองประธานบริหารอาวุโส บริษัท อิตาเลียนไทยฯ  เดินทางเข้ามอบตัว เมื่อมาถึงนักข่าวพยายามสอบถาม แต่นายเกรียงศักดิ์ตอบเพียงสั้นๆ ว่า  “ยังไม่มีอะไร” ขณะที่ผู้ต้องหาคนอื่นๆ กว่า 10 ราย ได้ทยอยเดินทางเข้ามามอบตัว และมีทนายความส่วนตัวมาด้วย ซึ่งภายใน สน.บางซื่อนั้น  เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำแผงเหล็กมากั้นทางเอาไว้เพื่อจัดระเบียบไม่ให้สื่อมวลชนเข้าไปภายในพื้นที่การสอบปากคำ

ภายหลัง พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. เปิดเผยว่า โครงการก่อสร้างอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินแห่งใหม่นี้ จากการตรวจสอบพบว่ามีการเบิกงบประมาณก่อสร้างไปแล้ว 22 งวด จาก 30 งวด เป็นเงินรวม 900 ล้านบาท ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินเป็นผู้จ่ายเงินตามสัญญา ทั้งที่การก่อสร้างคืบหน้าเพียง 35% ทั้งที่ตามหลักการต้องคืบหน้า 80% โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน และรอผลจากการตรวจสอบข้อเท็จจริงจากคณะกรรมการที่นายกรัฐมนตรีเป็นผู้แต่งตั้ง  ยืนยันว่าพนักงานสอบสวนทำไปตามพยานหลักฐาน ไม่ได้มีการกลั่นแกล้งบุคคลบุคคลใด กรรมใดใครที่ใครก่อไว้ต้องสนองในชาตินี้แน่นอน

ต่อมาพนักงานสอบสวนได้ควบคุมตัวนายเปรมชัย กรรณสูต กรรมการบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน)  ผู้ต้องหา “เป็นผู้มีวิชาชีพในการออกแบบ ควบคุม หรือทำการก่อสร้าง ซ่อมแซม หรือรื้อถอนอาคารหรือสิ่งปลูกสร้างใดๆ ไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์หรือวิธีการที่พึงกระทำ โดยประการที่อาจก่อให้เกิดอันตรายถึงแก่ชีวิตบุคคลอื่น” พร้อมพวกที่ถูกออกหมายจับเกี่ยวข้องกับอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน หรือ สตง.ถล่ม อีก 14 คน ไปฝากขังที่ศาลอาญา รัชดาฯ

มีรายงานว่า หลังรับทราบข้อหา นายเปรมชัยได้แจ้งต่อพนักงานสอบสวนขอใช้สิทธิ์ผู้ป่วยนั่งวีลแชร์ เพราะต้องใส่ท่อปัสสาวะ ไม่สะดวกขึ้นรถตู้ ขอนั่งรถยนต์ส่วนตัวไปพร้อมทนาย แต่ปรากฏว่า พ.ต.อ.สนอง แสงมณี ผกก.สน.บางซื่อ ได้ปฏิเสธการร้องขอ โดยได้แจ้งให้ทางนายเปรมชัยทราบว่าผู้ต้องหาทุกคนต้องปฏิบัติเท่าเทียมกัน โดยจะจัดรถยนต์กระบะตราโล่ของโรงพักให้นั่งแทน สะดวกต่อการขึ้นลง ส่วนผู้ต้องหาคนอื่นเจ้าหน้าที่ได้จัดรถตู้ 3 คันไปยังศาลอาญา

 ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า ในขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวนายเปรมชัยไปฝากขังยังศาลอาญาโดยการนั่งวีลแชร์ สื่อมวลชนที่มาดักรอได้พยายามสัมภาษณ์ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจนนำไปสู่การกลายเป็นผู้ต้องหา แต่นายเปรมชัย ปฏิเสธที่จะตอบคำถาม ส่วนผู้ต้องหาอีก 2 รายได้ส่งทนายขอเลื่อนมอบตัววันที่ 19 พ.ค.นี้

ท้ายคำร้องการฝากขัง พนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากเป็นคดีที่อยู่ในความสนใจของประชาชน อีกทั้งเป็นคดีที่มีผู้เสียชีวิตและมีมูลค่าความเสียหายเป็นจำนวนมาก

วันเดียวกันนี้ พนักงานสอบสวนได้นัดหมายประชุมวาระสำคัญในเวลา 08.00 น. โดยมี พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีดีเอสไอ เป็นประธานการประชุม เพื่อเตรียมเปิดปฏิบัติการเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย 7 จุดในกรุงเทพฯ  ร่วมกับเจ้าหน้าที่สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) และเจ้าหน้าที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ประกอบด้วย

จุดที่ 1 บริษัท ทีพีไอ คอนกรีต จำกัด เลขที่ 46/15 ถนนนวลจันทร์ แขวงนวลจันทร์ เขตบึงกุ่ม รามอินทรา, จุดที่ 2 บริษัท ทีพีไอ คอนกรีต จำกัด (หน่วยการผลิตคลองตัน) เลขที่ 980 ถนนเพชรพระราม (คลองตัน) แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง, จุดที่ 3 บริษัท ทีพีไอ คอนกรีต จำกัด (หน่วยการผลิตพระราม 9 ศูนย์การวิจัย) เลขที่ 312/4 ซอยพระราม 9 (21) แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง 

จุดที่ 4 บริษัท ทีพีไอ คอนกรีต จำกัด (สาขาบางพลัด) เลขที่ 21 ถนนสิรินธร แขวงบางบำหรุ เขตบางพลัด, จุดที่ 5 บริษัท ทีพีไอ คอนกรีต จำกัด (สาขาพระราม 5) เลขที่ 37 ถนนนครอินทร์ ตำบลบางขุนกอง อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี

จุดที่ 6 บริษัท ทีพีไอ คอนกรีต จำกัด หน่วยผลิตคอนกรีตรัตนาธิเบศร์ 2 ตั้งอยู่บนโฉนดที่ดินเลขที่ 4149 เลขที่ดิน 11/440 ตำบลบางกระสอ อำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี, จุดที่ 7 บริษัท ทีพีไอ คอนกรีต จำกัด หน่วยผลิตคอนกรีตรัตนาธิเบศร์ 3 ตั้งอยู่บนที่ดินโฉนดเลขที่ 140662 ตำบลบางกระสอ อำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี ในเวลา 09.00 น.

ภายหลังจากที่ได้รวบรวมพยานหลักฐานขอศาลอาญา รัชดาภิเษก ออกหมายค้น โดยพื้นที่เข้าตรวจค้นทั้ง 7 จุด จะเกี่ยวข้องกับแพลนต์ปูน 7 แพลนต์ (สถานที่ผลิตและจำหน่ายปูนเพื่อการก่อสร้างตึก สตง.) และเกี่ยวข้องกับบริษัท เอวาน่า อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด

นอกจากนี้ ยังได้รวบรวมพยานหลักฐานขอศาลออกหมายจับ “นายบินลิง  วู” นายทุนชาวจีนคนสำคัญ ซึ่งเชื่อว่ามีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด ในความผิดตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 หรือนอมินี

ที่สภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ นายวิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ เป็นประธานในพิธีมอบเงินให้เหยื่อจากเหตุการณ์ตึกถล่ม โดยกิจการร่วมค้าไอทีดี-ซีอาร์อี ซึ่งประกอบด้วย บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย)  จำกัด ตกลงยินยอมจ่ายเงินให้แก่ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บรายละ 200,000 บาท และผู้เสียชีวิตรายละ 1,000,000 บาท โดยเป็นเงินช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมที่ไม่มีผลผูกพันทางกฎหมายทั้งทางแพ่งและทางอาญาแต่อย่างใด  ซึ่งจะทำการมอบเงินรอบที่ 2 ให้แก่ทายาทผู้เสียชีวิตที่มีเอกสารครบถ้วน จำนวน 40 ราย

นายวิเชียรกล่าวว่า เงินเยียวยาครั้งนี้เป็นเงินเยียวยาที่ผู้เสียหายต้องได้รับ ไม่เกี่ยวกับเงินเยียวยาที่ทางกิจการร่วมค้าเป็นผู้จ่าย ซึ่งญาติผู้เสียหายที่มาในวันนี้สามารถติดต่อกับทางกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ซึ่งตนอยากเรียนผ่านสื่อมวลชนว่า ทางสภาทนายความฯ เปิดรับหากอยากขอความช่วยเหลือทางด้านมนุษยธรรม และเราจะมีการประสานผ่านไปยังกิจการร่วมค้าต่อไป และมีการนัดให้มารับเงินเยียวยา และขอความกรุณาญาติผู้เสียหายที่ยังไม่ทราบว่าจะขอรับเงินเยียวยาได้ที่ไหน ก็ขอให้ติดต่อตนมาโดยด่วน และเราตั้งใจว่าจะทำการจ่ายเงินเยียวยาต่อผู้เสียหายให้ครบทุกรายภายในสิ้นเดือนนี้.