จับโป๊ะ!รทสช.ลายเซ็นเก๊ ทุนพลังงานปั่นปรับครม.

ครม.อึมครึม! นายกฯ ลืมโพยไม่ตอบปมเอกสาร 21 รทสช.ขอปรับ รมต. ด้าน   “สุชาติ” แจ้งลาประชุม ครม. “เอกนัฏ” ยันเอกสารเท็จ ขู่มีโทษอาญา พบลายเซ็นผิดปกติ มี  สส.ชุมพร 3 คนออกมาปฏิเสธแล้ว รู้ใครอยู่เบื้องหลังปลุกปั่นสร้างความแตกแยก ท้า “สุชาติ” รับสายเปิดอกคุยแบบลูกผู้ชาย "ทีมพีระพันธุ์" โพสต์ด่าแรง "มือไม่พาย เอาเท้าราน้ำ" ไล่ไปเลี้ยงหลาน แฉเหตุนายทุนพลังงานดิ้น "สส.ชุมพร" ยันไม่ได้เซ็นปรับ ครม.

ที่ทำเนียบรัฐบาล วันที่ 10 มิถุนายน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยระหว่างนายกฯ  เดินขึ้นตึกบัญชาการ 1 เพื่อประชุม ครม. ผู้สื่อข่าวถามกรณีได้เอกสารของพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ที่มีการเสนอขอปรับ ครม.ของกลุ่มของนายสุชาติ ชมกลิ่น รมช.พาณิชย์ ในฐานะรองหัวหน้าพรรค รสทช.แล้วหรือไม่ โดยนายกฯ  ไม่ได้ตอบคำถามดังกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุม ครม.วันเดียวกันนี้ มีรัฐมนตรีแจ้งลาการประชุม 6 คน  ได้แก่ 1.น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี 2.น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม 3.นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.แรงงาน 4.นางมนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม 5.นายสุชาติ ชมกลิ่น รมช.พาณิชย์ และ 6.นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รมช.ศึกษาธิการ ส่วนนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรค รทสช. เข้าร่วมประชุม ครม. แต่ใช้เวลาไม่นาน

ในการประชุม ครม.ครั้งนี้ เริ่มช้ากว่าปกติ  จากเดิมจะเริ่มประชุม 10.00 น. แต่กว่าจะเริ่มได้ต้องรอถึงเวลาประมาณ 10.40 น. สาเหตุส่วนหนึ่งเป็นเพราะรัฐมนตรีของพรรคภูมิใจไทย (ภท.) เข้าห้องประชุมช้า ขณะที่ น.ส.แพทองธาร เข้ามาในห้องตอนเวลา 10.15 น. ซึ่งหลังจากเข้ามาแล้วนายกฯ ได้หารือกับบรรดารัฐมนตรีคนอื่นๆ เกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา จนกระทั่งเวลา 10.40 น. รัฐมนตรีของพรรค ภท.ถึงจะเข้าห้องประชุม ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่มีการหารือเรื่องชายแดนไทย-กัมพูชาเสร็จสิ้นแล้ว

เป็นที่น่าสังเกตว่า การประชุมครั้งนี้บรรยากาศค่อนข้างอึมครึมไม่คึกคักเหมือนทุกครั้ง นอกจากนี้ ยังเป็นที่น่าสังเกตว่า นายพีระพันธุ์ แม้จะเดินทางมาที่ตึกบัญชาการ 1 แต่ไม่มีใครเห็นว่าอยู่ในห้องประชุม

ทั้งนี้ ตลอดทั้งวันนายพีระพันธุ์ได้นั่งทำงานอยู่ที่ห้องทำงานตึกบัญชาการ 1 โดยในช่วงบ่าย นายหิมาลัย ผิวพรรณ ที่ปรึกษารองนายกฯ ประจำนายพีระพันธุ์ และผู้อำนวยการพรรค รทสช. ได้เดินทางมาที่ตึกบัญชาการ 1 ซึ่งคาดว่ามาพบนายพีระพันธุ์

ต่อมาเวลา 12.40 น. ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถาม น.ส.แพทองธารถึงการปรับ ครม. และกรณี 21 สส.รทสช.ยื่นหนังสือถึงนายกฯ ขอให้ปรับ ครม.ในสัดส่วนของ รทสช. โดยนายกฯ ไม่ตอบคำถามแต่อย่างใด ได้แต่ยิ้มและเดินออกจากตึกบัญชาการ 1 ไปห้องทำงานตึกไทยคู่ฟ้าทันที

ขู่เอกสารเท็จมีโทษอาญา

ด้านนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รมว.อุตสาหกรรม ในฐานะเลขาธิการ รทสช. กล่าวในรายการเจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand  ถึงกรณีมีการเผยแพร่รายชื่อ 21 สส.รทสช. ยื่นหนังสือถึงนายกฯ เสนอให้ปรับ ครม.ในสัดส่วนของ รทสช.ว่า เท่าที่ดูมี สส.หลายคนออกมาปฏิเสธแล้ว โดยเฉพาะ สส.ชุมพรทั้ง 3 คนปฏิเสธ และไม่รู้เอาลายเซ็นช่วงไหนตอนไหนเอามาปะติดปะต่อกัน และเอาหัวเรื่องไปใส่ต่อแบบนี้ ก็เลยงงกันอยู่ว่าเป็นยังไงกันแน่ จะต้องเช็กก่อนว่าจริงหรือเปล่า และในเนื้อความของเอกสารมีการด่าว่ารัฐมนตรีของพรรคไม่มีความรู้ไม่มีความสามารถ และขาดจริยธรรม  ซึ่งเอกสารเซ็นโดยนายสุชาติ ชมกลิ่น รมช.พาณิชย์ ในฐานะรองหัวหน้าพรรค

"ต้องถามกลับไปที่นายสุชาติว่า ตอนที่เซ็นเอกสารอ่านข้อความนี้ดีหรือยัง เพราะเหมือนประจานตัวเอง เพราะนายสุชาติก็เป็นรัฐมนตรีของพรรค ผมเคยพูดไปหลายครั้งว่าผมเตรียมพร้อมรับมือกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นเหล่านี้อยู่แล้ว  เพราะรู้ว่ามีกระบวนการจะโจมตีทั้งหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรค ฉะนั้นทุกอย่างถูกใช้ขึ้นมาบิดเบือนและสร้างสถานการณ์ ต้องไปถามเจ้าตัวที่มีรายชื่อปรากฏ แล้วถ้ามีการยื่นเอกสารไปถึงนายกฯ จริง ผมขอตั้งข้อสงสัยว่าเป็นการยื่นเอกสารเท็จหรือเปล่า ซึ่งมีโทษอาญา" นายเอกนัฏกล่าว

เมื่อถามว่า มีการเช็กเอกสารนี้หรือยังว่าเป็นเอกสารจริงหรือปลอม นายเอกนัฏกล่าวว่า เห็นว่ามีปลอม เพราะพบความผิดปกติลายเซ็นไม่เหมือนที่เซ็นปกติ บางลายเซ็นมีลายเซ็นเหมือนเด็กอนุบาล บางคนในชื่อมีตัวอักษรนำตัวเดียว ใครเขาเซ็นกันแบบนั้น และมีบางคนออกมาปฏิเสธแล้วว่าไม่เคยเซ็นเอกสารที่มีข้อความแบบนี้ มันผิดปกติหลายเรื่องมาก คนที่ออกมาปฏิเสธนอกจากนายวิชัย สุดสวาสดิ์ สส.ชุมพร เขต 1, นายสันต์ แซ่ตั้ง สส.ชุมพร เขต 2, นายสุพล จุลใส สส.ชุมพร เขต 3, นายชุมพล จุลใส แกนนำพรรค เขายืนยันว่าไม่ได้เซ็นชัดเจน

 “อยากถามว่าใครเป็นคนปล่อยเอกสาร ใครเป็นคนปลอมลายเซ็นปลอมๆ เอามาประกอบ  เพราะเจ้าตัวยืนยันว่าไม่เป็นความจริง และใครเป็นคนส่งเอกสารให้นายกฯ จริงหรือไม่ และเจตนาของคนที่ทำคืออะไร ผมทำงานผมยอมหักแต่ไม่ยอมงอในบางเรื่อง อย่างถ้าต้องไปอ่อนข้อให้ทุนเทาผมไม่ยอมเด็ดขาด ผมรู้อยู่แล้วว่าสู้อยู่กับอะไร ทุกคนก็รู้ว่าผู้อยู่เบื้องหลังกระบวนการนี้คือใคร"

เมื่อถามว่า ภายใน รทสช.มีปัญหาขัดแย้งกัน  น่าจะเป็นปัญหาที่แรงถึงขนาดต้องตายกันไปข้างหนึ่ง นายเอกนัฏกล่าวว่า ต้องถามว่าเจตนาของคนที่มีปัญหาคืออะไร ถ้ามันเป็นเรื่องของการขาดการพูดคุยหรือรู้สึกไม่อบอุ่นตนว่ามันแก้กันไม่ยาก เพราะปกติตนพูดคุยกินข้าวกับ สส.อยู่แล้วทุกสัปดาห์ แต่ถ้าเจตนามีความต้องการอะไรบางอย่างที่เป็นผลประโยชน์ส่วนตัวเราคงแก้ให้ไม่ได้

"เรามีการพูดคุยกันตลอด แต่มีกระบวนการพยายามปลุกปั่นสร้างสภาพให้เหมือนว่าพรรคมีความแตกแยกกันอยู่ตลอดเวลา ซึ่งคนกลุ่มนั้นเป็นคนไม่กี่คน และอย่าไปจินตนาการว่ามีฮองเฮาอะไร มันไม่มี" นายเอกนัฏกล่าว และว่า พรรคมีกลไกของพรรคอยู่ ปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นปัญหาภายในพรรค เราต้องจัดการกันไป ใครพูดคุยได้ก็ปรับจูนกันไป อะไรเราแก้ได้เราก็แก้โดยไม่กระทบจุดยืนของพรรค

ไล่ 'สุชาติ' ไปเลี้ยงหลาน

"ผมยังไม่รู้เลยว่าคนเขียนเอกสารฉบับนี้เป็นนายสุชาติหรือเปล่า ผมโทรศัพท์ไปเมื่อคืนวันที่ 9 มิ.ย. แต่นายสุชาติไม่รับสาย ฝากบอกนายสุชาติให้รับสายผม ให้คุยกันแบบลูกผู้ชาย ทั้งนี้ที่ผ่านมาก็ดีกัน แต่มาเกิดอะไรขึ้นแบบนี้ผมสงสัย" นายเอกนัฏกล่าวเมื่อถามว่าจะเสนอปลดนายสุชาติออกจากรัฐมนตรีโควตาของพรรค โดยใช้มติกรรมการบริหารพรรคถอดถอนออกจากสมาชิกภาพของพรรคหรือไม่

น.ส.อรพินทร์ เพชรทัต เลขานุการ รมว.พลังงาน สมาชิกพรรค รทสช. ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า นายพีระพันธุ์ตั้งหน้าตั้งตาทำงานเพื่อชาติบ้านเมือง วันๆ ข้าวปลาไม่ได้กิน ต้องทานยาแก้ท้องอืดท้องเฟ้อ นอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ จนเส้นเลือดแตกในตามาหลายครั้ง แทนที่จะช่วยกันทำงานให้ชาติบ้านเมือง ประชาชนจะได้ประโยชน์ใช้พลังงานที่ราคาถูกลง ไม่ว่าจะเป็นน้ำมัน-ไฟฟ้า-ก๊าซหุงต้ม ก็ห่วงแต่ตำแหน่งตัวเองกัน เป็นนักการเมืองทำตัวแบบนี้จะให้ประชาชนหวังพึ่งพาอะไรได้ เพราะคิดแต่เรื่องของตัวเอง ซึ่งแถวดินแดงเรียกว่า “มือไม่พายเอาเท้าราน้ำ” ยังมั่วเอารายชื่อ สส.รทสช.หลายท่านไปยื่นเสนอเพื่อปรับ ครม.เพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง สร้างความเสื่อมเสียให้กับ สส.และพรรค สร้างความสับสนให้กับประชาชน

"ถ้าทำประโยชน์ให้กับชาติบ้านเมืองไม่ได้ก็อยู่นิ่งๆ ดีกว่านะท่าน รมช. หรือกลับไปเลี้ยงลูกเลี้ยงหลานที่บ้านเถอะ!! อย่าทำให้คนอื่นเค้าเดือดร้อนและเสียเวลากับเรื่องเห็นแก่ตัวของคุณเลย"

น.ส.อรพินทร์ระบุด้วยว่า สื่อที่รับงานจากนายทุนพลังงานและก็คนนิสัยไม่ดีบางคน ขยันโจมตีท่านหัวหน้าพีระพันธุ์ ทุกวัน (เพราะรับ..หรือบางคนว่างงาน ไม่มีอะไรทำ) แต่ท่านก็นิ่ง ทำแต่งานดึกดื่นทุกคืน “เพชรก็คือเพชร” ท่านไม่มาเสียเวลากับเรื่องไร้สาระแบบนี้ เอาเวลาไปทำงานให้กับประชาชนดีกว่า"

ต่อมา เลขานุการ รมว.พลังงาน โพสต์ข้อความอีกว่า ใกล้คลอดแล้ว กฎหมายหลัก ที่นายทุนพลังงานกลัวและดิ้นอยู่เวลานี้! โดยเป็นกฎหมายที่นายพีระพันธุ์จัดทำเสร็จแล้ว และจะนำเข้าสภาฯ สู่ขั้นตอนการประกาศใช้ต่อไป เพื่อคืนอำนาจด้านพลังงานสู่ประเทศชาติและประชาชนคนไทยทุกคน คือ 1.กฎหมายกำกับการประกอบกิจการค้าน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อความเป็นธรรมด้านพลังงานและทำให้ประชาชนได้ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงในราคาถูก 2.กฎหมายการสำรองน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อผลประโยชน์ชาติและความมั่นคงทางน้ำมันของประเทศ 3.กฎหมายส่งเสริมการใช้ไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ สนับสนุนให้ประชาชนสามารถใช้พลังงานสะอาด ติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปได้ง่ายสะดวกรวดเร็วในราคาประหยัดเพื่อลดค่าไฟฟ้าภาคครัวเรือน

นายปรากรมศักดิ์ ชุณหะวัณ ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี (นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค) กล่าวถึงกรณีก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวว่านายพีระพันธุ์เรียกประชุมกรรมการบริหารพรรค เพื่อหารือเรื่องนายสุชาติ ชมกลิ่น ว่า ไม่มี ยังเงียบๆ อยู่ ซึ่งขณะนี้พรรคเรียบร้อยดี แม้จะมีเสียงต่างๆ บ้าง แต่ทั้งหมดขึ้นอยู่กับหัวหน้าพรรค นายพีระพันธุ์กำลังใจยังดี ธรรมะย่อมชนะอธรรม

เมื่อถามว่า จะมี สส.ของพรรคออกมาให้กำลังใจนายพีระพันธุ์บ้างหรือไม่ นายปรากรมศักดิ์กล่าวว่า เห็นว่ามีในเฟซบุ๊ก แต่ส่วนตัวไม่ได้ยุ่งเรื่องการเมืองมาก เพียงแต่ช่วยดูงานในส่วนของนายพีระพันธุ์เกี่ยวกับนโยบายและการทำงานในรัฐบาล

สส.ชุมพรยันไม่ได้เซ็นปรับ ครม.

นายวิชัย สุดสวาสดิ์ สส.ชุมพร พรรค รทสช. กล่าวภายหลังที่ก่อนหน้านี้ปฏิเสธกรณีมีลายเซ็นตนรวมอยู่ในรายชื่อ 21 สส.รทสช. ที่เสนอนายกรัฐมนตรี ครม.ในสัดส่วนของพรรคว่า ปกติการเซ็นชื่อในพรรคจะมีการเซ็นเป็นปกติ เช่น เซ็นชื่อเข้าร่วมการประชุม หรือเซ็นชื่อรับของต่างๆ จากพรรค อย่างเช่นปฏิทิน ยืนยันตนไม่ได้เซ็นชื่อเสนอปรับ ครม. เพราะไม่ใช่หน้าที่ของตน และจะทำอะไรต้องถามประชาชนในพื้นที่ก่อน ส่วนการเสนอปรับ ครม.เป็นหน้าที่ดำเนินการของหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค และอำนาจตัดสินใจสูงสุดอยู่ที่นายกฯ และขอตั้งข้อสังเกตว่าทำไมเอกสารเสนอปรับ ครม.ถึงมี 2 ฉบับ ทำไมต้องมีชื่อแนบ  ทำไมไม่อยู่ในฉบับเดียวกัน ยืนยันอีกครั้งตนไม่ได้เซ็นชื่อเสนอปรับ ครม. และยังอยู่กับพรรค รทสช. ไม่ไปไหนแน่นอน

สำหรับ สส.ชุมพร 3 คน ประกอบด้วย นายวิชัย สุดสวาสดิ์ สส.เขต 1, นายสันต์ แซ่ตั้ง สส.เขต 2 และนายสุพล จุลใส สส.เขต 3 ซึ่งทั้ง 3 คนยืนยันอยู่กับพรรค รทสช. ทำให้กลุ่ม สส.ในรายชื่อ 21 คน เหลือเพียง 18 คน

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้า ภท. ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการปรับ ครม.ว่า นายกฯ ยังไม่ได้ประสานมา เมื่อถามว่ามองกรณีที่ พท.สื่อต้องการยึดกระทรวงมหาดไทยกลับมา นายอนุทินกล่าวว่า ไม่ได้มอง ขอให้สื่อเลิกถามได้แล้วเรื่องการปรับ ครม. เพราะนายกฯ บอกว่าหากจะปรับเมื่อไหร่จะเรียกหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลหารือ  ตอนนี้ก็ยังไม่เรียก แสดงว่ายังไม่มีการปรับ

เมื่อถามว่า หากมีเงื่อนไขนี้มาทาง ภท.จะว่าอย่างไร นายอนุทินกล่าวว่า พูดไปหมดแล้ว เมื่อถามว่าหากมีการปรับ ครม.จะไม่กระทบสถานะรัฐบาลใช่หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ยังไม่มีการปรับ ครม. ตอนนี้ก็ทำงานอย่างเต็มที่ ในส่วนของ ภท.ยังไม่ได้คิดอะไรเรื่องนี้ คิดแต่เรื่องจะทำงานขณะนี้ทำงานกันเต็มที่อยู่ และไม่มีประเด็นอะไรน่ากังวล

เมื่อถามถึงกระแสข่าว รทสช.ขอจับมือกับ ภท. เพื่อกดดันสร้างอำนาจต่อรองในการปรับ ครม. นายอนุทินกล่าวว่า ไม่มี จะไปกดดันได้อย่างไร อยู่ด้วยกันไม่ต้องกดดันกัน ที่ผ่านมาทำงานสร้างความเข้าใจผูกพันกันพอแล้ว ยืนยันว่าไม่มีการสร้างอำนาจต่อรอง เพราะหากใช้คำว่าต่อรองจะวุ่นวาย ทุกอย่างต้องใช้เหตุใช้ผลหารือกัน

นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลัง กล่าวถึงกรณีที่ประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติรับเรื่องกรณีกล่าวหา น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และพวก จัดทำร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2568 ฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 วรรคหนึ่งและวรรคสอง จำนวน 2 สำนวน โดยหนึ่งในนั้นมีเรื่องเงินดิจิทัลด้วยว่า ส่วนตัวยังไม่เห็นเรื่องนี้ แต่ว่าได้รับทราบจากข้างนอก ซึ่งต้องรอดูความเห็น เพราะเห็นว่าไม่น่าจะมีปัญหาใดๆ และยังไม่ทราบว่าที่ส่งมาคือประเด็นใด

เมื่อถามว่า คำร้องต่อ ป.ป.ช.อ้างว่า ครม.ไปตัดงบในส่วนของรายการเงินต้นและดอกเบี้ยรายจ่ายที่ควรใช้ แต่นำไปใช้ในโครงการแจกเงินหมื่นดิจิทัล นายพิชัยกล่าวว่า ไม่ได้ตัด เหมือนเดิม ไม่ได้ตัดเลยอย่างแน่นอน ส่วนเรื่องธนาคารไม่ใช่เงินต้นหรือดอกเบี้ย ยืนยันว่าไม่ได้ตัด เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด โดยยืนพื้นเดิม.