“อนุทิน” ส่งรายชื่อ ครม.ตรวจประวัติครบแล้ว ลั่นส่งเกิน 36 ชื่อด้วย หวังทูลเกล้าฯ ถวายภายในสัปดาห์นี้ ทาบ “บิ๊กเล็ก” นั่งกลาโหมเต็มก้น เผยไม่ควรเปลี่ยนม้ากลางศึก “สันติ” ส่อขาดคุณสมบัติ ส่งลูกครองเก้าอี้แทน ส่วนโควตาคนนอก “รมช.คลัง” ลุ้นตีความ รมว.ยธ.ยังอุบไต๋ใครกวาดไป “แพทองธาร” ประชุมเพื่อไทย บอกให้นับหนึ่งสู่การเลือกตั้ง ต.ค.ได้ชื่อ 400 ผู้สมัครครบ “ภูมิธรรม” โวมี ปชช.กว่า 10 ล้านเสียงเป็นกำลังหนุน “พรรคประชาชน” ชวนเพื่อนร่วมฝ่ายค้านดันกฎหมายใน 4 เดือน ระบุ รบ.เสียงข้างน้อยไร้หนทางขวาง
เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2568 นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการจัดทำโผคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุทิน 1 ว่า ได้ส่งรายชื่อบุคคลที่จะเสนอเป็นรัฐมนตรีให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบคุณสมบัติครบทุกคนแล้ว โดยยังไม่ได้ระบุตำแหน่ง และส่งเกินด้วย โดยได้ทาบทาม พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมมาพูดคุยที่พรรคภูมิใจไทย (ภท.) ว่ามีแนวทางดำเนินการอย่างไร เพราะวันพรุ่งนี้จะต้องเดินทางไปประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (จีบีซี) ที่เกาะกง
ถามถึงเหตุผลที่เลือก พล.อ.ณัฐพล นายอนุทินกล่าวว่า เพราะต้องการให้งานของกระทรวงกลาโหมสืบเนื่องต่อไป ผู้สื่อข่าวจึงถามว่าไม่เปลี่ยนม้ากลางศึกใช่หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า มีคำพังเพยอยู่ เรามองเรื่องประเทศชาติเป็นสำคัญ แต่เราอาจมีแนวทางใหม่ให้ท่าน เพราะที่ผ่านมาเห็นท่านบ่นๆ ว่ามีข้อจำกัดหลายเรื่อง จึงต้องทลายข้อจำกัดก่อนจะได้ทำงานสะดวก
เมื่อถามถึงเรื่องคุณสมบัติของว่าที่รัฐมนตรี หากใครไม่ผ่านต้องหลีกทางเลยหรือไม่ นายอนุทินหัวเราะก่อนบอกว่า ไม่ผ่านก็แต่งตั้งไม่ได้ เป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว ส่วนที่มีการจับตา ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เป็นพิเศษนั้น อย่าเพิ่งระบุว่าเป็นคนใด ระบุชื่อไม่ได้ ต้องตรวจสอบก่อน ชื่อตนเองก็ต้องถูกส่งไปตรวจสอบเหมือนกัน
เมื่อถามว่า อายุรัฐบาลมี 4 เดือน จะยึดหลักอะไรในการเลือกคนที่มาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี นายอนุทินกล่าวว่า ทำได้เร็วทำได้เลย ถึงต้องเลือกคนที่มีประสบการณ์ และจะสังเกตได้ว่าไม่ได้เชิญคนที่เป็นสมาชิกพรรคการเมือง ไม่ได้เป็นนักการเมืองอาชีพเข้ามาหลายตำแหน่ง แต่ต้องผสมทางการเมืองด้วย เพราะเราชัดเจนว่าเข้ามา 4 เดือนยุบสภา เพราะฉะนั้นต้องตอบโจทย์ทางการเมืองด้วยเช่นกัน พยายามหาคนที่มีความรู้ความสามารถเฉพาะด้านให้มากที่สุด โดยเฉพาะเศรษฐกิจที่มีความสำคัญ
เมื่อถามว่า มีมือกฎหมายจำนวนมาก เหตุใดจึงเลือกนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ เข้ามาเป็นรองนายกฯ ดูด้านกฎหมาย นายอนุทินกล่าวว่า สมัยเข้ามาเป็นรัฐมนตรีครั้งแรก นายบวรศักดิ์เป็นเลขาธิการ ครม.ที่ได้รับมอบหมายให้โทร.มาแจ้งว่าดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการ ก็เคารพนับถือท่านมาตั้งแต่ตอนนั้น และให้มาทำเรื่องรัฐธรรมนูญด้วย เพราะนายบวรศักดิ์มีส่วนในการยกร่างรัฐธรรมนูญ
เมื่อถามว่า การมีอายุเพียง 4 เดือนรู้สึกกดดันหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ไม่มีอะไรกดดัน แต่กดดันตัวเองมากกว่า การทำงานในส่วนที่ต้องรับผิดชอบคือแสวงจุดร่วมสงวนจุดต่าง ซึ่งเป็นความถนัดอยู่แล้ว เนื่องจากที่ผ่านมาก็ได้ทำหลายอย่าง และได้ประสานทุกกระทรวงร่วมกัน
ถามอีกว่า จะนำรายชื่อ ครม.ขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายเมื่อใด นายอนุทินกล่าวว่า ทันทีที่ตรวจสอบประวัติเสร็จสิ้น ตอนนี้ก็พร้อมดำเนินการต่อ
นายอนุทินยังกล่าวถึงกรณีนั่งควบ รมว.มหาดไทย จะเข้าไปแทรกแซงเรื่องดดีเขากระโดงหรือไม่ ว่าทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย ยุติธรรม ไม่กลั่นแกล้งใคร แค่นั้นเอง ไม่มีการก้าวก่าย มีแต่จะไปเร่ง หากพบว่ามีความผิดก็ต้องยึด หากไม่ผิดก็ต้องสรุปให้ชัดว่าไม่ผิดอย่างไร และแม้ต้องเข้าสู่กระบวนยุติธรรมก็ต้องดำเนินการ
ลั่นไม่เปลี่ยนม้ากลางศึก
ถามถึงข้าราชการใน มท.ต้องปรับทัพใหม่หรือไม่ นายอนุทินไม่ตอบคำถามนี้ บอกสั้นๆ ว่า "แหม ถาม" ก่อนหัวเราะแล้วเดินออกจากวงสัมภาษณ์ทันที
ในเวลา 13.59 น. พล.อ.ณัฐพลเดินทางเข้าพรรค ภท.ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม เพื่อพบกับนายอนุทินเพื่อหารือถึงกรอบแนวทางการทำงาน โดยเฉพาะประเด็นการแก้ไขปัญหาข้อพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา และหลังจากการหารือนายอนุทินได้พา พล.อ.ณัฐพลมาโชว์ตัว และให้สัมภาษณ์ถึงการรับตำแหน่ง รมว.กห.
นายอนุทินกล่าวว่า นี่เป็นสิ่งที่ปฏิบัติมาโดยตลอด 2-3 วันนี้ เมื่อได้เชิญผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีที่เป็นบุคคลภายนอก จะนำมาแนะนำให้ประชาชนทราบ ในที่สุดก็เชิญ พล.อ.ณัฐพลให้รับตำแหน่ง รมว.กลาโหม เพื่อได้เกิดความมั่นใจว่าภารกิจหน้าที่การดำเนินการเกี่ยวกับปัญหาข้อพิพาทไทย-กัมพูชาดำเนินต่อไปโดยไม่มีสะดุดหรือชะงัก ศัพท์ทหารคือเปลี่ยนม้ากลางศึกเป็นสิ่งที่ไม่สมควร
ภายหลังการให้สัมภาษณ์ นายอนุทินพา พล.อ.ณัฐพลร่วมดื่มกาแฟที่ร้านจาริสต้าร์
ด้านนายไชยชนก ชิดชอบ สส.บุรีรัมย์ และเลขาธิการพรรค ภท. เดินทางเข้ามาที่พรรค โดยปฏิเสธถึงความชัดเจนในการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีดีอี กล่าวเพียงว่า ขอให้ใจร่มๆ เพราะขณะนี้สถานการณ์ยังไม่นิ่ง ส่วนตัวเตรียมแผนไว้ถึง 3 กระทรวง จึงขอยังไม่พูดอะไร ขอให้นิ่งและแน่นอนก่อน
น.ส.ซาบีดา ไทยเศรษฐ์ อดีต รมช.มหาดไทย ที่มีชื่อนั่ง รมว.วัฒนธรรม กล่าวเช่นกันว่า ไม่ทราบ ส่วนข้อกังวลเกี่ยวกับศาสนานั้น จริงๆ แยกแยะได้ และมีจุดที่สามารถจะทำได้
ขณะเดียวกัน พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เดินทางมามอบช่อดอกไม้แสดงความยินดีของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรค พปชร. โดยนามบัตรเป็นข้อความลายมือของ พล.อ.ประวิตร ระบุว่า “ขอแสดงความยินดีกับท่านนายกรัฐมนตรี คนที่ 32 พล.อ.ประวิตร”
ส่วนกรณีโผ ครม.ของพรรค พปชร.นั้น ล่าสุด นายสันติ พร้อมพัฒน์ ที่มีชื่อเป็นรองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข อาจสุ่มเสี่ยงเรื่องคุณสมบัติ จึงจะส่งนายพัฒนา พร้อมพัฒน์ ลูกชายมานั่งแทน
นอกจากนั้น นายทวี สุระบาล สส.ตรัง พร้อมด้วยนายสุธรรม จริตงาม สส.นครศรีธรรมราช พรรค พปชร. ได้เดินทางมาที่พรรค ภท. โดยนายทวีระบุว่า นำรายชื่อผู้ที่จะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการ ในสัดส่วนของกลุ่มมาส่งให้นายอนุทิน แต่ยังไม่ทราบว่าจะได้รับตำแหน่งใด
ทั้งนี้ นายทวีได้นำรายชื่อนายสันติ ปิยะทัต กรรมการผู้จัดการบริษัท เค.ซี. พร็อพเพอร์ตี้ ผู้พัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ มาส่งเพื่อดำรงตำแหน่ง รมช.
ด้านนายนิพนธ์ บุญญามณี อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ได้เดินทางเข้ามาพรรค ภท. พร้อมซองเอกสารสีน้ำตาลเช่นกัน โดยนายนิพนธ์ปฏิเสธว่าไม่ใช่ซองประวัติ น.ส.นิธิยา บุญญามณี ลูกสาว ซึ่งมีกระแสข่าวว่าจะดำรงตำแหน่ง รมช.พาณิชย์
ส่วนนายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ สส.กาญจนบุรี พรรคเพื่อไทย (พท.) ระบุว่า ได้ยื่นหนังสือลาออกจาก สส.พท.แล้ว โดยเมื่อวันที่ 8 ก.ย. นายอนุทินได้แจ้งมาว่าจะให้ไปทำหน้าที่ รมช.มหาดไทย ซึ่งยืนยันว่าไม่เคยรู้มาก่อน และไม่เคยไปต่อรองขอตำแหน่งใดๆ ทั้งสิ้น
ขณะที่ นางณัฐฏ์จารี อนันตศิลป์ เลขาธิการ ครม. กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบคุณสมบัติผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีในรัฐบาลนายอนุทินว่า ยังไม่เสร็จ คืบหน้าไปไม่มาก โดยนายกฯ ส่งรายชื่อบุคคลที่จะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีมาทุกคนแล้ว กำลังดำเนินการตรวจอยู่ ซึ่งตรวจโดย 6 หน่วยงานเหมือนเดิม รวมถึงสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาด้วยถ้ามีปัญหา
เมื่อถามว่า มีข่าวออกมาพบว่ามีบางคนคุณสมบัติไม่ผ่าน แสดงว่ามีบางส่วนที่ตรวจสอบคุณสมบัติเสร็จแล้วใช่หรือไม่ นางณัฐฏ์จารีกล่าวว่า ยังไม่เสร็จเลย ที่ไม่ผ่านน่าจะเป็นในฝั่งของท่านมากกว่า แต่ฝั่งทางนี้ยังตรวจไม่เสร็จ
หวังทูลเกล้าฯ ถวายสัปดาห์นี้
เมื่อถามอีกว่า ถ้าเร่งตรวจสอบภายในสัปดาห์นี้ จะตรวจสอบคุณสมบัติให้เสร็จได้หรือไม่ นางณัฐฏ์จารีกล่าวว่า ตอนนี้ได้ขอความกรุณาหน่วยงานที่ตรวจสอบอยู่ว่าขอให้ทัน เราก็พยายามให้ทัน แต่ไม่ได้ขึ้นอยู่กับตนเอง แต่ขึ้นอยู่กับหน่วยงานที่ตรวจสอบ
สำหรับความคืบหน้าการจัดตั้ง ครม.ขณะนี้ใกล้สะเด็ดน้ำ โดยส่งตรวจสอบประวัติครบทุกคนแล้ว และโผล่าสุดคือ 1.นายอนุทิน นายกฯ ควบ รมว.มหาดไทย 2.นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกฯ 3.นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกฯ ควบ รมว.คมนาคม 4.ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกฯ ควบ รมว.เกษตรฯ 5.นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกฯ และ รมว.ทรัพยากรฯ 6.นายพัฒนา รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข 7.นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกฯ ควบ รมว.การคลัง 8.น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี รมต.ประจำสำนักนายกฯ 9.นายภราดร ปริศนานันทกุล รมต.ประจำสำนักนายกฯ
10.พล.อ.ณัฐพล รมว.กลาโหม 11.นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รมว.การต่างประเทศ 12.นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ รมว.พลังงาน 13.นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รมว.พาณิชย์ 14.น.ส.ซาบีดา รมว.วัฒนธรรม 15.นายไชยชนก รมว.ดิจิทัลฯ 16.นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รมว.การท่องเที่ยวฯ 17.นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว.ศึกษาธิการ 18.นายอัครา พรหมเผ่า รมว.การพัฒนาสังคมฯ 19.น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.แรงงาน 20.นายธนกร วังบุญคงชนะ รมว.อุตสาหกรรม 21.นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รมว.การอุดมศึกษาฯ
22.นายวรโชติ สุคนธ์ขจร รมช.สาธารณสุข 23.นายทรงศักดิ์ ทองศรี รมช.มหาดไทย 24.นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รมช.คมนาคม 25.นายวรภัค ธันยาวงษ์ รมช.การคลัง 26.นายนเรศ ธำรงค์ทิพยคุณ รมช.เกษตรฯ
27.นายอามินทร์ มะยูโซ๊ะ รมช.เกษตรฯ 28.นายองอาจ วงษ์ประยูร รมช.ศึกษาธิการ 29.จ.อ.ยศสิงห์ เหลี่ยมเลิศ รมช.อุตสาหกรรม 30.นายศักดิ์ดา รมช.มหาดไทย และ 31.น.ส.นิธิยา รมช.พาณิชย์ ส่วน รมว.ยุติธรรมนั้น หาบุคคลที่เหมาะสมได้แล้ว แต่รอยืนยัน โดยคาดว่าภายในสัปดาห์นี้จะสามารถนำรายชื่อ ครม.ขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายได้ เนื่องจาก 1-2 วันน่าจะตรวจสอบคุณสมบัติแล้วเสร็จ
ในช่วงเย็น นายอนุทินให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวนายสันติอาจไม่ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติ โดยร้องหึ้ย และกล่าวว่า ยังไม่ทราบท่านเลขาธิการ ครม.จะแจ้งมา หากใครมีปัญหาเรื่องคุณสมบัติ และชัดเจนว่าหากใครมีปัญหาเรื่องคุณสมบัติ ก็จะนำเสนอขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายไม่ได้ ไม่ต้องกังวล เพราะนี่คือเหตุผลที่เสนอรายชื่อไปเกิน 36 รายชื่อ
ถามถึงกรณีที่นายวรภัคที่ถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวหาจะถือว่าขาดคุณสมบัติหรือไม่ ว่าอยู่ที่การตรวจสอบ เราส่งรายชื่อทุกคนไปให้เลขาฯ ครม.ตรวจสอบ เราต้องเชื่อการตรวจสอบ จะไปด่วนสรุปก่อนหรือไปเชื่อหน่วยงานที่ไม่เกี่ยวข้องไม่ได้
ครม.ส่งท้ายหงอย
ด้านความเคลื่อนไหวของรัฐบาลรักษาการนั้น นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย เป็นประธานการประชุม ครม.ครั้งสุดท้าย บรรยากาศเป็นไปอย่างเงียบเหงา โดยมีรัฐมนตรีใหม่ในรัฐบาลนายอนุทินเดินทางเข้าร่วมการประชุมด้วย อาทิ นางนฤมลและนายสุชาติ และหลังเสร็จสิ้นการประชุม นางนฤมลพร้อมด้วยนายอรรถกรได้เดินเข้าไปยกมือไหว้สวัสดีกับรัฐมนตรีจากพรรค พท. เพื่อเป็นการขอบคุณและอำลา ซึ่งต่างอวยพรให้ว่าที่ ครม.ชุดใหม่โชคดี
ภายหลังการประชุม ครม.นัดสุดท้ายเสร็จสิ้น นายภูมิธรรมพร้อมคณะได้เดินลงจากตึกบัญชาการ 1 มายังโต๊ะรับประทานอาหารข้างรังนอกกระจอก 3 หรือห้องทำงานของสื่อมวลชน ทำเนียบรัฐบาล ที่จัดเตรียมขึ้นมาพิเศษเพื่อร่วมรับประทานอาหารกับสื่อมวลชนทำเนียบฯ
โดยนายภูมิธรมเปิดใจว่า รู้สึกเสียดายที่อาจจะเร็วไปนิดหนึ่งที่ต้องจากกันไป แต่ไม่เป็นไร พวกเราเริ่มที่จะเก็บของ เพราะนายกฯ ใกล้จัดตั้งรัฐบาลใกล้เสร็จแล้ว เป็นเรื่องธรรมดาของนักการเมืองในระบอบประชาธิปไตย ไม่ว่าฝ่ายค้านหรือรัฐบาล เรามีหน้าที่ รัฐมนตรีที่ยังเป็น สส.ก็กลับไปทำหน้าที่ ส่วนตนไม่ได้เป็น สส.ก็กลับไปทำงานกับพรรคเพื่อไทย ยังยึดมั่นในอุดมการณ์ ซึ่งพรรค พท.ยังมีต้นทุนอยู่ อย่างน้อยประชาชน 10,000,000 คน ยังรักและผูกพัน เราจึงมีหน้าที่ที่จะต้องทำงานต่อไป
“ตั้งแต่มารับตำแหน่งรักษาราชการแทนนายกฯ น้ำหนักลดลงไป 10 กว่ากิโลกรัม จาก 90 กว่ากิโลกรัม เหลือ 76 กิโลกรัม เนื่องจากกินข้าวได้น้อย ไม่เกี่ยวกับตรอมใจ”
ทั้งนี้ นายภูมิธรรมให้สัมภาษณ์ก่อนหน้านี้ถึงเรื่องฝากนายอนุทินว่า ขอให้ทำหน้าที่เต็มที่ และทำให้ประเทศชาติการเมืองหลุดพ้นกรอบเดิมๆ ที่เป็นปัญหา หวังว่าท่านทำหน้าที่ในเกียรติประวัติของนายกฯ เป็นอย่างดี อยากให้จัดการปัญหาที่คั่งค้างที่เรายังทำไม่เสร็จให้ทำต่อเนื่อง
เมื่อถามถึงเรื่องเขากระโดงและฮั้ว สว.ว่า 2 เรื่องนี้คือจุดตายของรัฐบาลใหม่ใช่หรือไม่ที่ต้องระวัง นายภูมิธรรมกล่าวว่า 2 เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ทำลายสถาบันศาล สถาบันยุติธรรม ทำลายประเทศ ก็ต้องทำให้ได้ ไม่ใช่ว่าเป็นจุดตายหรือไม่ใช่จุดตาย ถ้าเขาทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริตก็ไม่ตายหรอก แต่หากเอาที่คืนหลวงไม่ได้ ทำให้เรื่องฮั้ว สว.หายไป ก็เป็นจุดตายอยู่ที่เขาเลือก
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวถึงหน้าตาของรัฐบาลใหม่ว่า ขอให้พรรคประชาชน (ปชน.) ติดตามรัฐบาลให้ดำเนินการตามที่ประชาชนต้องการ เพราะเห็นวิพากษ์วิจารณ์หน้าตารัฐบาลชุดใหม่ว่ายี้ เต้าหู้ยี้ เป็น ครม.สมน้ำหน้าและสมนาคุณ ซึ่งจริง พรรค ปชน.เป็นต้นกำเนิดของ ครม.ชุดนี้ จึงรอดูว่า ปชน.เมื่อเป็นผู้ให้กำเนิดและมาว่านู่นนี่นั่น จึงขอให้ตรวจสอบอย่างจริงจัง ไม่ใช่เล่นลิเกหลอกคนอื่นไปวันๆ
วันเดียวกัน มีการประชุม สส.พรรค พท.ประจำสัปดาห์ โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกฯ และหัวหน้าพรรคทำหน้าที่ ต่อมานายดนุพร ปุณณกันต์ สส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรค พท. แถลงว่า ก่อนเริ่มประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคได้ให้กำลังใจกับหัวหน้าพรรค ซึ่งมีกำลังใจดี เข้มแข็ง ใช้เวลาพูดคุยเรื่องนี้ไม่เกิน 5 นาที จากนั้นเข้าสู่ระเบียบวาระ ซึ่งหัวหน้าพรรคมาเตรียมความพร้อมนับถอยหลังสู่การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่เดือนที่จะมาถึง
พท.นับหนึ่งเดินหน้าเลือกตั้ง
นายดนุพรกล่าวต่อว่า ได้มีการนำคำสั่งเก่าๆ มาดูเรื่องการตั้งกรรมการสรรหาผู้สมัคร กรรมการทำเรื่องยุทธศาสตร์การหาเสียง นโยบายหาเสียงต่างๆ จากนั้นได้เอาตารางวันที่มาขึงกันว่าจะเข้าสู่การเลือกตั้งเมื่อไหร่ ดังนั้นวันนี้เป็นการประกาศที่จะเดินหน้าสู่การเลือกตั้งอย่างเป็นทางการของพรรคเพื่อไทย เราเตรียมความพร้อมในเรื่องผู้สมัครให้ทันอย่างช้าสุดคือกลางเดือน ต.ค. เราจะได้ผู้สมัครครบทั้ง 400 เขต และจะเชิญรัฐมนตรี เลขาธิการนายกฯ มาเป็นมันสมองเพื่อคิดนโยบายในการหาเสียงเลือกตั้งครั้งหน้าต่อไป
“ในวันที่ 10 และ 11 ก.ย. มีกฎหมายสำคัญหลายกฎหมายที่ สส.ของพรรคเพื่อไทยเป็นผู้เสนอ และเป็นประธานกรรมาธิการวิสามัญร่างเสร็จแล้ว ท่านหัวหน้าได้กำชับให้ สส.อยู่ร่วมเป็นองค์ประชุม เพื่อทำหน้าที่ สส.ของพี่น้องประชาชนอย่างแข็งแรง” นายดนุพรกล่าว
เมื่อถามว่า สส.เขตมั่นใจหรือไม่ว่าวันนี้จะยังอยู่กับพรรค พท.ในการเลือกตั้งครั้งต่อไป นายดนุพรกล่าวว่า สส.เขตกว่า 110 คน พรรคไม่สามารถไปบังคับให้ใครลงในนามพรรคได้ ท่านใดจะลงสมัครหรือมีความรู้สึกเปลี่ยนใจ อยากจะไปลงสมัครในนามพรรคอื่นพรรคไม่ได้ปิดกั้น แต่ว่าวันนี้ น.ส.แพทองธารได้แสดงความพร้อมต่อ สส.ในที่ประชุมว่า วันนี้เราประกาศแล้วว่าเราพร้อมเดินหน้าสู่การเลือกตั้ง และ น.ส.แพทองธารพร้อมเป็นกำลังสำคัญในการนำพาไปสู่การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น และหวังว่าเราจะได้ สส.เยอะที่สุด
เมื่อถามว่า พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล 2 ปี ไม่มีนโยบายที่ทำสำเร็จ แล้วจะใช้นโยบายอะไรหาเสียง นายดนุพรกล่าวว่า มีนโยบายต่างๆ ที่ผ่านสภาแล้ว เช่น นโยบายหวยเกษียณ หรือโครงการ 20 บาทตลอดสาย ก็ต้องพูดคุยว่าเขาจะทำต่อหรือไม่ รวมถึงรัฐบาลใหม่จะสานต่อหรือไม่ ถ้าไม่ดำเนินการ เราก็จะนำกลับมาทำใหม่ และต้องขอดูนโยบายของเราที่ผ่านสภาแล้วด้วยว่านำไปปรับใช้ได้มากแค่ไหน
พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงคดีฮั้ว สว.และคดีเขากระโดงที่จะเดินหน้าต่อหรือสะดุดหรือไม่ ว่าไม่เป็นห่วง เชื่อว่านายกฯ คนใหม่คงตั้งรัฐมนตรีมาดู ที่สำคัญฝ่ายบริหารโดยเฉพาะ ยธ.เป็นกระทรวงที่มีอำนาจน้อยที่สุด เนื่องจากทุกหน่วยงานถูกกำกับโดยกฎหมาย
ปชน.ชวน พท.ดันกฎหมาย
นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรค ปชน. กล่าวถึงโผ ครม.อนุทิน 1 ว่าคาดหวังว่าให้แก้ไขปัญหาระยะสั้นได้อย่างดีที่สุด เช่น เรื่องภาษีทรัมป์ สถานการณ์ชายแดน ซึ่งโผ ครม.เป็นวิจารณญาณของพรรค ภท. รวมถึงนายอนุทิน เราจบข้อตกลงตั้งแต่โหวตเลือกนายกฯ ที่เหลือเป็นอำนาจของนายอนุทิน
นายปกรณ์วุฒิยังกล่าวถึงการทำงานร่วมกับพรรค พท.ว่า พูดคุยกันอย่างไม่เป็นทางการบ้างแล้ว โดย 4 เดือนที่เหลือ ครม.มีเวลาไม่มาก ครม.คงไม่ยื่นร่างกฎหมายเข้ามา จึงขอเชิญชวน พรรค พท.ว่าอยากจะให้ร่วมกันผลักดันร่างกฎหมายใหม่ให้จบภายใน 4 เดือนนี้ เพราะมีหลายนโยบายที่พรรค พท.และ ปชน.เห็นตรงกัน และขณะนี้ฝ่ายค้านคุมเสียงข้างมากในสภา ดังนั้นร่างกฎหมายใดที่ 2 พรรคเห็นตรงกัน รัฐบาลก็ไม่สามารถคัดค้านได้ จึงเชิญชวนให้มาผลักดันกฎหมายที่เป็นประโยชน์และกฎหมายที่เป็นนโยบายที่ได้สัญญากับประชาชนไว้ให้สำเร็จ
นายปกรณ์วุฒิยังกล่าวถึงกรณีพรรค พท.ดึงคำร้องปม MOA ออกจากศาลรัฐธรรมนูญว่า พรรคยืนยันหลักการตลอดว่าการยื่นให้ศาลวินิจฉัยเรื่องความซื่อสัตย์เป็นที่ประจักษ์ว่าผิดมาตรฐานจริยธรรม เราไม่เห็นด้วย และก่อนหน้านี้พรรค พท.ก็ยืนหลักเดียวกัน และพรรค พท.ก็เป็นเหยื่อกรณีเช่นนี้มาอย่างน้อย 2 ครั้งแล้ว ฉะนั้นจึงคาดหวังว่าพรรค พท.จะไม่ใช้อาวุธที่ตัวเองโดนประหัตประหารมาใช้กับคนอื่น
นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรค ปชน. กล่าวถึงบทบาทของพรรคว่า จะแบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ 1.การติดตามการรักษาสัญญาของรัฐบาลภูมิใจไทย 2.การตรวจสอบอำนาจรัฐของรัฐบาล และ 3.การผลักดันกฎหมายที่ก้าวหน้าในสภา
นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ สว. กล่าวถึงหน้าตาโผ ครม.ว่า เป็นรัฐบาลทวินแอ็กชัน คือส่วนแรกคือการสร้างภาพ พยายามที่จะเชิญคนนอกเข้ามาร่วมในเรื่องเศรษฐกิจ แต่ที่น่ากลัวคือการอุ้มพวก นั่นคือการเอาคนที่ดูเหมือนเป็นคนนอก แต่จริงๆ ยิ่งกว่าคนในเข้ามาเป็น รมว.ยุติธรรม ที่มีกระแสข่าวว่าเป็น พล.ต.ท.ท่านหนึ่งที่เกษียณราชการ
"ขอถามนายกฯ ว่าบุคลากรทั้งประเทศที่เหมาะสมจะเป็น รมว.ยุติธรรมไม่มีอีกแล้วหรืออย่างไร จึงต้องเอาอดีตรองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 มาเป็น ครม. ที่ประกาศไปหลายต่อหลายกระทรวงไม่ถูกตาถูกใจก็ปรับเปลี่ยน บางทีก็ปรับไปหลายครั้งในหลายกระทรวงจนกว่าจะลงตัว แต่ในกระทรวงยุติธรรมไม่มีปรับไม่มีเปลี่ยน เป็นการสั่งตรงจากเขากระโดงเลยหรือไม่” นพ.เปรมศักดิ์กล่าว.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
รำลึกพ่อหลวงร.9 ในหลวง-พระราชินีทรงบำ เพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน
ในหลวง-พระราชินี ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพรัชกาลที่ 9 และสถาปนาพระอิสริยศักดิ์เฉลิมพระนามพระอัฐิสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมพระนราธิวาสราชนครินทร์ บดินทรเชษฐภคินี
นายกฯยังห่วงหาดใหญ่ ประเดิมพ.ย.เว้น‘ค่าไฟ’
"อนุทิน" รับยังกังวลน้ำท่วมหาดใหญ่ ขนกองทัพนักวิชาการลงพื้นที่ถอดบทเรียน นำประชาชนกลับบ้านแล้ว 90% “เท้ง” แซะบอร์ดมีไว้แค่ให้พาดหัว
อนุทินโวทำจริง/ปปง.จ่อฟันอีก
นายกฯ ลั่นรัฐบาลจริงจังปราบสแกมเมอร์ บอกแค่ 2 เดือนยึดอายัดทรัพย์หมื่นล้าน-เปิดชื่อเครือข่าย ถามมีใครกล้าทําหรือไม่ ตอกกลับ "เพื่อไทย" ถ้าทำงานห่วยจะให้ย้ายไปคุม
พสกนิกรทั่วไทย เข้าถวายสักการะ ‘พระพันปีหลวง’
พระราชวงศ์บำเพ็ญพระราชกุศลถวายพระบรมศพ พสกนิกรทุกสารทิศหลั่งไหลเข้ากราบพระบรมรูปในหลวง ร.9 และสักการะพระบรมศพ
ส้มขีดเส้นโหวตก่อนปีใหม่!
'อนุทิน' สวนเพื่อไทย ถ้าทำงานห่วย คนตั้งก็แย่สิ ยุครัฐบาล 'อิ๊งค์ - เศรษฐา' ผลโพลชี้ชัดนั่งแท่นอันดับ 2 ทิ้งห่าง พท. หัวเราะให้คะแนนตัวเอง 'เดี๋ยวจะหาว่าคุย'
พร้อมหน้า นายกฯหนู โพสต์ภาพพาครอบครัวกินห่านพะโล้ในวันพ่อแห่งชาติ
นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย โพสต์ภาพพร้อมข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า พาพ่อ แม่เมีย น้อง หลาน ไปกินห่านพะโล้เนื่องในวันพ่อ #ฉั่วคิมเฮง


