กกต.รับลูกทำประชามติ 3พรรคดันร่างแก้ไขรธน.

"กกต." พร้อมจัดทำประชามติร่วมเลือกตั้ง สส. บอกไม่ยากใช้คูหาเดิมแค่เพิ่มบัตร ชี้เคาะวันทำประชามติหน้าที่นายกฯ "พท." เตรียมชงร่างแก้หมวด 15 ก่อนทำประชามติ คาดสัปดาห์หน้ายื่นได้ "จาตุรนต์" ขอทุกพรรคร่วมมือหาทางออกร่วมกัน "ชูศักดิ์" แนะตั้ง ส.ส.ร.ทางอ้อม หลังศาล รธน.ไม่ให้เลือกตั้งโดยตรง "พริษฐ์" เผย "ปชน.-พท.-ภท." เห็นพ้อง 3 ข้อสรุปลุยทำ รธน.ใหม่สัปดาห์หน้า มั่นใจเสร็จทัน 4 เดือน ปลาย ม.ค.69 ยุบสภา-เลือกตั้ง "นิกร” ชี้ช่องอิงเส้นทาง รธน.ฉบับปี 40

เมื่อวันที่ 11 กันยายน นายแสวง บุญมี  เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)  กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมการจัดทำประชามติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้จัดทำประชามติจำนวน 3 ครั้งว่า การจัดทำประชามติคงไม่แตกต่างจากการจัดการเลือกตั้ง สส. สามารถจัดทำไปพร้อมกันได้  แต่ต้องรอให้มีกฎหมายให้มีผลบังคับใช้อีก 1 ฉบับก่อน ขณะเดียวกันตอนนี้ทาง กกต.ได้ร่างระเบียบอีกฉบับหนึ่งไว้รองรับแล้ว คือการกำหนดให้สามารถจัดทำประชามติไปพร้อมกับการเลือกตั้ง สส.ได้ ยืนยัน กกต.มีความพร้อม ไม่ว่าจะเป็นการประชามติแยกหรือการทำประชามติพร้อมกับการเลือกตั้ง สส.

นายแสวงกล่าวว่า เรื่องบัตรที่ใช้ในการออกเสียงและบัตรที่ใช้ในการเลือกตั้ง กกต.คุ้นเคยกับการเลือกตั้ง 2 แบบอยู่แล้ว คือการเลือกตั้งนายกและสมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ก็ใช้บัตร 2 ใบเหมือนกัน ดังนั้นตรงนี้เราก็แค่เพิ่มบัตรสำหรับการทำประชามติขึ้นมา 1 ใบ แล้วบริหารจัดการนับให้มีประสิทธิภาพ คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ส่วนจะจัดการประชามติครั้งที่ 1 กับครั้งที่ 2 รวมกันหรือไม่นั้น อยู่ที่ ครม.เป็นผู้พิจารณา กกต.มีหน้าที่จัดการออกเสียงให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย

ถามว่า วันออกเสียงประชามติจะจัดขึ้นเมื่อไหร่ เลขาธิการ กกต.กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีจะเป็นผู้กำหนด โดยต้องมาหารือกับทาง กกต.ตามมาตรา 9 ซึ่งถ้าเป็นไปตามที่ฝ่ายการเมืองให้สัญญาประชาคมไว้ ก็มีแค่นี้เอง ส่วนรูปแบบบริหารจัดการ จะยึดเอาความสะดวกของประชาชนเป็นหลัก ซึ่งสำนักงาน กกต.คิดกันเอาไว้ ก็คือใช้หน่วยเลือกตั้งเดียวกัน คูหาเดียวกัน เพราะเป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้งคนเดียวกัน แค่ใช้บัตรคนละใบ เพื่อป้องกันความสับสนในการขานคะแนน

ซักว่า เราต้องให้ความรู้เรื่องประชามติมากกว่าการเลือกตั้งหรือไม่ เลขาธิการ กกต.กล่าวว่า เรื่องเลือกตั้งก็มีกรอบเวลา ส่วนประชามติก็มีกรอบเวลาเหมือนกัน แต่ทั้งนี้การเลือกตั้งกับการไปลงประชามติเราต้องคุมกฎหมายทั้ง 2 ฉบับนี้ในเวลานั้น และต้องระมัดระวัง ต้องซักซ้อมทำความเข้าใจในช่วงนั้น

ถามอีกว่า มีฝ่ายที่เห็นด้วยกับการร่างรัฐธรรมนูญและฝ่ายที่ไม่เห็นด้วย แล้วมันมีการครอบด้วยการเลือกตั้งในการออกไปหาเสียง นายแสวงกล่าวว่า มันมีวิธีการดูอยู่แล้ว และเราก็ดูได้ง่าย   แต่คนปฏิบัติต้องแยกให้ออก เพราะผลร้ายมันจะเกิดกับผู้ปฏิบัติ ดังนั้นเราต้องให้ข้อมูลที่ถูกต้องกับเขาด้วย

ที่รัฐสภา พรรคเพื่อไทย (พท.) นำโดยนายชูศักดิ์ ศิรินิล  สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรค, นายสรวงศ์ เทียนทอง สส.สระแก้ว และเลขาธิการพรรค, นายจาตุรนต์ ฉายแสง สส.บัญชีรายชื่อ แถลงกรณีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ

ชงแก้หมวด 15 ก่อนทำประชามติ

นายชูศักดิ์กล่าวว่า พรรค พท.เห็นว่าแม้มีปัญหาอุปสรรคมีขั้นตอนต่างๆ เพิ่มขึ้น รวมถึงเป็นปัญหาที่มีการถกเถียงกันอยู่ แต่พรรคในฐานะผู้ริเริ่มและติดตามการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่มาตลอด เรายังยืนยันที่จะดำเนินการในเรื่องการจัดทำ รธน.ฉบับใหม่ให้เป็นประชาธิปไตยต่อไป และเมื่อวิเคราะห์คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญแล้ว  เราจึงต้องมีการแก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติในหมวด 15 ในเรื่องการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ไม่อาจดำเนินการเป็นประการอื่นได้ ซึ่งเมื่อรัฐสภาพิจารณาครบ 3 วาระแล้วจึงค่อยนำไปทำประชามติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 256 (8)

นายชูศักดิ์กล่าวว่า คำวินิจฉัยที่ว่าไม่อาจจะทำโดยสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน เมื่อคำวินิจฉัยออกมาเช่นนี้ จึงเห็นว่าอาจจะทำการเลือก ส.ส.ร.โดยทางอ้อม หรือการกระทำโดยรัฐสภามีมติแต่งตั้ง ส.ส.ร. ไม่ใช่การแต่งตั้งโดยตรงหรือรัฐสภามีมติตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ของรัฐสภาก็ได้

"การทำประชามติเนื่องจากต้องมีการดำเนินการแก้ไขเพิ่มเติมหมวด 15 และก็ต้องทำประชามตินั้น ปัญหาคือจะทำประชามติครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2 เมื่อไหร่ หรือจะทำประชามติครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2 รวมกันหรือไม่ ซึ่งเราเห็นว่าการทำประชามติตาม พ.ร.บ.ประชามตินั้น จะกระทำได้ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของรัฐบาลด้วย ซึ่งถือเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องไปคิดเรื่องนี้" นายชูศักดิ์กล่าว

ถามว่า ได้มีการกำหนดกรอบระยะเวลาไว้คร่าวๆ หรือไม่ว่าจะสามารถยื่นได้เมื่อไหร่ ภายในสัปดาห์หน้าสามารถยื่นได้เลยหรือไม่ นายชูศักดิ์กล่าวว่า ประมาณนั้น เราจะพยายามทำให้เร็วที่สุด

ส่วนนายจาตุรนต์กล่าวว่า เมื่อคำวินิจฉัยของศาล รธน.ออกมาเช่นนี้ พรรค พท.จำเป็นที่จะต้องเสนอญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 256 ใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับคำวินิจฉัยและเพื่อให้มีทางออกที่ดีที่สุดที่จะทำให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการคิด ช่วยการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ต่อไปในอนาคต

"ขณะนี้ยังไม่มีองค์กรใดแสดงความต้องการหรือแสดงความริเริ่มในการจัดทำ รธน.ฉบับใหม่ ซึ่งจะเกิดขึ้นได้ต้องมีการจัดทำประชามติก่อน เราจึงอยากเรียกร้องต่อพรรคการเมืองต่างๆ และรัฐบาลที่กำลังจะเข้ามาบริหารประเทศ น่าจะมาช่วยกันคิดหาทางจัดทำประชามติ 2 ครั้ง เอามารวมกันเป็นครั้งเดียว" นายจาตุรนต์กล่าว

ด้านนายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) กล่าวว่า มีการพูด ส.ส.ร.จะเลือกโดยตรงจากประชาชนไม่ได้ เราต้องยอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่าเป็นคำวินิจฉัยที่แปลก และอาจขัดต่อธรรมชาติของรัฐธรรมนูญ เพราะโดยทั่วไปรัฐธรรมนูญมาจากประชาชน และก่อนจะมีรัฐธรรมนูญก็เกี่ยวข้องกับประชาชน ทั้งการร่าง การรับฟังความคิดเห็น การรณรงค์ การมีส่วนร่วมอื่นๆ จะทำให้มีความรู้สึกร่วมว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นรัฐธรรมนูญที่มีความหมาย

"การที่ไม่สามารถเลือก ส.ส.ร.ให้ขึ้นตรงกับประชาชนได้ จึงทำให้เกิดคำถามว่า ประชาชนจะรู้สึกอย่างไร ทั้งหมดนี้ต้องไปดูในเรื่องของเหตุผลของศาล รธน.ผ่านคำวินิจฉัยตัวเต็ม รวมถึงในแง่ของจำนวนครั้งการทำประชามติที่อาจจะตีความกันอยู่ อย่างไรก็ตาม จุดยืนของพรรค ปชน.คือการทำให้ประชาชนเป็นเจ้าของรัฐธรรมนูญ" นายรังสิมันต์กล่าว

3 พรรคลุยดันร่างแก้รธน.ใหม่

ที่รัฐสภา นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรค ปชน. ในฐานะกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาผู้แทนราษฎร แถลงหลังประชุมหารือร่วมกันระหว่าง 3 ตัวแทนพรรคการเมือง ทั้งพรรค ปชน., พรรค พท., พรรคภูมิใจไทย (ภท.) และคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง  การมีส่วนร่วมของประชาชน สิทธิมนุษยชน สิทธิ เสรีภาพ รวมทั้ง กมธ.การคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา กกต. และสำนักกฎหมาย สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เรื่องแนวทางต่อไปในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ หลังมีคำวินิจฉัยศาล รธน.

นายพริษฐ์กล่าวว่า หลายฝ่ายเห็นพ้องต้องกันว่าคำวินิจฉัยนั้นมีปัญหาอยู่จริง ทั้งในเชิงกระบวนการที่อาจมีการตอบคำถามที่ไม่ได้ถามไปโดยตรง  หรือเนื้อหาคำวินิจฉัยที่ดูมีความพยายามปิดประตูต่อการมี ส.ส.ร.ที่มาจากการเลือกตั้ง ซึ่งขัดกับหลักการประชาธิปไตยและคำวินิจฉัยของศาล รธน.ที่เคยวินิจฉัยไว้เอง ดังนั้นเรามี 3 ข้อสรุป

1.ทั้ง 3 พรรคเห็นตรงกันว่าสามารถเดินหน้าจัดทำ รธน.ฉบับใหม่ โดยทำประชามติ 2 รอบ ด้วยการเริ่มต้นให้รัฐสภาพิจารณาร่างแก้ไข รธน.หมวด 15/1 เกี่ยวกับกลไกการจัดทำ รธน.ฉบับใหม่ ซึ่งเมื่อผ่านความเห็นชอบของรัฐสภา 3 วาระแล้ว ก็จัดทำประชามติรอบแรก 2.เราเห็นว่ากระบวนการดังกล่าวสามารถเดินหน้าเพื่อให้มีการจัดทำประชามติรอบแรกทันกับการเลือกตั้งภายในกรอบเวลา MOA หรือคือการยุบสภาภายใน 4 เดือน หลังแถลงนโยบายต่อรัฐสภา เมื่อผ่านวาระ 1 ไป แล้วคณะกรรมาธิการพิจารณาเสร็จ สามารถส่งกลับมาได้ในวาระที่ 2 ช่วงเดือน ธ.ค. จะทำให้เราสามารถให้ความเห็นชอบในวาระที่ 3 ได้ภายในปลายเดือน ธ.ค. ทำให้เรามีเวลาในเดือน ม.ค. ที่จะสามารถเคาะวันการจัดทำประชามติ เพื่อเกิดขึ้นพร้อมกับเมื่อมีการยุบสภาภายในไม่เกินปลายเดือน ม.ค. พร้อมกับการเลือกตั้งได้ 3.แต่ละพรรคจะไปหารือกันภายใน เพื่อทบทวนหรือจัดทำร่างแก้ไข รธน.ในหมวด 15/1 ขึ้นมา ให้สอดคล้องกับคำวินิจฉัยของศาล รธน. ในสัปดาห์หน้าจะให้ทั้ง 3 พรรคมานำเสนอแนวคิดหรือร่างตัวเองในกรรมาธิการต่อไป

"ร่างของพรรค ปชน.เสร็จทันสัปดาห์หน้า และจากที่พูดคุยกับตัวแทนพรรค พท. ก็เห็นว่าสามารถทำให้ทันภายในสัปดาห์หน้าได้ แต่ในส่วนพรรค ภท.ได้ออกจากห้องไปก่อนที่จะมีข้อสรุปหัวข้อนี้" นายพริษฐ์กล่าว

นายนิกร จำนง อดีตเลขานุการคณะกรรมาธิการร่วมกันพิจารณาร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติ กล่าวว่า ตนในฐานะอดีตที่ปรึกษานายบรรหาร ศิลปอาชา นายกรัฐมนตรีคนที่ 21 ร่วมทำงานช่วงปีการผลักดันให้มีองค์กรจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่มาจากการเลือกตั้งโดยอ้อมของประชาชนจากทุกจังหวัดบวกกับนักวิชาการจากทุกสถาบัน แล้วให้ความเห็นชอบสุดท้ายจากรัฐสภา เกิดเป็นสภาร่างรัฐธรรมนูญหรือ ส.ส.ร. ดำเนินการจนเกิดเป็นรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน ปี 2540 แม้ต่อมาไม่ปรับปรุงแก้ไขจนมีปัญหาแล้วถูกฉีกทิ้งไปในที่สุด แต่ก็ยังถือว่าเป็นรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา ดังนั้นการเมืองไทยก็น่าจะดำเนินการตาม

วันเดียวกัน รศ.ดร.วรรณภา ติระสังขะ   อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) กล่าวว่า ศาล รธน.วินิจฉัยรัฐสภาไม่อาจให้ประชาชนเลือกผู้ร่างรัฐธรรมนูญได้โดยตรง ซึ่งดูคล้ายกับว่าเหตุผลนั้นมีความย้อนแย้งกันอยู่มิใช่น้อยต่อนัยในการให้ความสำคัญกับเสียงประชาชน  และจะทำให้ศาล รธน.กลายเป็นผู้วางและกำหนดเงื่อนไขในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เสียเองใช่หรือไม่

ขณะที่ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี โพสต์เฟซบุ๊กเรื่อง "ทำไมต้องร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ” ตอนหนึ่งระบุว่า เหตุให้คนเหล่านี้ต้องการรื้อและร่าง รธน.ใหม่ทั้งฉบับ ด้วยการตั้ง ส.ส.ร. เหตุผลที่เขาต้องทำแบบนี้ 1.จะได้ใช้คำว่า รธน.ฉบับประชาชนมาหลอกประชาชน ทำประเทศเสียงบทำประมติร่วม 6,400 ล้านบาท เพื่อสนองตัณหานักการเมือง มีแต่นักการเมืองได้ประโยชน์ 2.เหตุที่ต้องการใช้ ส.ส.ร.มาร่างใหม่ เพื่อให้ดูดีว่าเป็นตัวแทนประชาชน ทั้งๆ ที่อำนาจในการร่างหรือแก้รัฐธรรมนูญนั้นเป็นอำนาจของ สส.และ สว. 3.ส.ส.ร.ที่เลือกมานั้น ล้วนจะเป็นนอมินีของพรรคการเมือง 4.การใช้ ส.ส.ร.มาร่างฉบับใหม่การยัดไส้ประเด็นเหล่านี้จะง่าย 5.นักการเมืองไม่กล้าที่จะแก้ไขรายมาตรา เพราะประชาชนจะจับได้ไล่ทันต่อประเด็นที่จะแก้ไข.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

รำลึกพ่อหลวงร.9 ในหลวง-พระราชินีทรงบำ เพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน

ในหลวง-พระราชินี ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพรัชกาลที่ 9 และสถาปนาพระอิสริยศักดิ์เฉลิมพระนามพระอัฐิสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมพระนราธิวาสราชนครินทร์ บดินทรเชษฐภคินี

อนุทินโวทำจริง/ปปง.จ่อฟันอีก

นายกฯ ลั่นรัฐบาลจริงจังปราบสแกมเมอร์ บอกแค่ 2 เดือนยึดอายัดทรัพย์หมื่นล้าน-เปิดชื่อเครือข่าย ถามมีใครกล้าทําหรือไม่ ตอกกลับ "เพื่อไทย" ถ้าทำงานห่วยจะให้ย้ายไปคุม