ดีอีเร่งปลดล็อก‘บัญชีม้า’ 1,415นิติบุคคลฟอกเงิน

ป่วนทั้งเมือง! "ดีอี" เร่งปลดล็อกบัญชีผู้บริสุทธิ์โดนหางเลขบัญชีม้า ยันแค่ "ระงับ" ไม่ใช่ "อายัด" กรมพัฒน์ จับมือ ตร.ปราบ "บัญชีม้า" จากการตรวจสอบพบ 1,415 นิติบุคคล มีความเชื่อมโยงน่าสงสัยเข้าข่ายฟอกเงิน "ศรีสุวรรณ" ร้อง ป.ป.ช.สอบกราวรูด ดีอี-ตร.ไซเบอร์-ธปท.-ปปง.

เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2568 นายวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) กล่าวถึงกรณีมีข่าวการอายัดบัญชีธนาคารที่เกี่ยวข้องกับบัญชีม้า ส่งผลให้บัญชีของประชาชนที่อยู่ในเส้นทางเงินที่รับโอนจากบัญชีม้าถูกอายัด ซึ่งรวมไปถึงบัญชีของประชาชนที่ไม่เกี่ยวข้อง ทำให้ขณะนี้บรรดาร้านค้าต่างๆ ที่ต้องรับโอนเงินจากลูกค้าเริ่มประกาศว่าจะรับเฉพาะเงินสดเท่านั้น ว่าเส้นทางเงินของบัญชีม้าคือ เมื่อถูกโกงเงินผ่านออนไลน์ เงินจะวิ่งไปบัญชีแรกที่โอนไปคือบัญชีม้า และภายในเวลาไม่เกิน 20-30 นาที เงินนี้จะไหลออกไปอีกหลายบัญชี ดังนั้นกระบวนการเบื้องต้นที่การจัดการปัญหานี้ คือสามารถจับคนร้ายได้ แต่นำเงินกลับคืนมาไม่ได้ ซึ่งปัจจุบันมีคดีที่ถูกหลอกลวงในลักษณะนี้ถึงวันละ 1,000 ราย สูญเสียเม็ดเงินไปหลายหมื่นล้านบาท

ทั้งนี้ การสร้างระบบเพื่อชะลอการไหลของเม็ดเงิน จึงต้องมีระบบการระงับการทำธุรกรรมทางการเงินเป็นการชั่วคราว แต่ไม่ใช่การอายัดบัญชี โดยจะให้อำนาจธนาคารพาณิชย์ชะลอวงเงิน หรือระงับการทำธุรกรรมภายใต้วงเงินนั้นไว้ เพื่อรอการจัดการของเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยระยะเวลาที่จะระงับไว้ตามกฎหมายคือ 72 ชั่วโมง ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่ที่ได้รับแจ้งจากผู้เสียหาย แต่หากผู้เสียหายไปแจ้งความกับตำรวจ ระยะเวลานั้นก็จะกลายเป็น 7 วัน หลังจากนี้ถ้าตำรวจยังไม่ได้ดำเนินการ มีหมายมา การระงับธุรกรรมในระยะเวลาชั่วคราวจะหมด

ส่วนเรื่องการอายัดบัญชีเป็นอำนาจของพนักงานสอบสวน ทั้งนี้ถ้ามีการตรวจสอบจากตำรวจเพิ่มเติมว่าน่าจะเป็นบัญชีม้า สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ก็มีมาตรการในการระงับหรือปิดทุกบัญชีของบัญชีม้า โดยการดำเนินการจะมีหลายระดับ ถ้าระดับเบื้องต้นคือ การระงับธุรกรรมชั่วคราวประมาณ 7 วัน เนื่องจากศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ (AOC 1441) ช่วยให้คนที่เคยมีปัญหาโทร.มาที่เดียว และมีกระบวนการแจ้งไปที่ธนาคารและพนักงานสอบสวน ทำให้กลไกเรื่องความยากลำบากของผู้บริสุทธิ์ลดลง ดังนั้นไม่ใช่เรื่องการอายัดบัญชี

"ถ้ามีเงิน 100 บาท ถ้าไปรับเงินที่ผิดกฎหมายมา 5 บาท กลายเป็น 105 บาท คนคนนั้นจะใช้เงิน 5 บาทนั้นไม่ได้ ส่วนเงิน 100 บาทยังใช้ได้อยู่" นายวิศิษฏ์กล่าว

เมื่อถามถึงกรณีที่มีประชาชนประสบปัญหาโดนระงับทั้งบัญชี ไม่ใช่ระงับเฉพาะธุรกรรมนั้น นายวิศิษฏ์กล่าวว่า วานนี้ (14 ก.ย.) ได้มีการพูดคุยในที่ประชุม ซึ่งธนาคารพาณิชย์ยืนยันว่าสั่งระงับการทำธุรกรรมเฉพาะวงเงินนั้น แต่ถ้าในบัญชีมีเงินน้อยก็อาจส่งกระทบทั้งบัญชีได้ ซึ่งได้มีการพูดคุยกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ว่าถ้าธนาคารพาณิชย์ทำไม่ถูกต้อง ก็เป็นเรื่องที่ต้องพูดคุยกัน เขาอาจจะปรับวิธีการว่าเวลาจะทำอะไร จะต้องไปที่ธนาคารด้วยเพื่อแสดงตัวตน ถ้าเรื่องการระงับวงเงินไม่ได้เป็นทั้งบัญชี เว้นแต่ว่าถูกอายัดจากตำรวจ หรือ ปปง.

ในส่วนของการแจ้งไปที่ธนาคารพาณิชย์เพื่อระงับธุรกรรมของบัญชีนั้น นายวิศิษฏ์กล่าวว่า ผู้เสียหายจะแจ้งไปที่ศูนย์ 1441 และส่งต่อข้อมูลให้ธนาคาร จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ประจำศูนย์ฯ จะนำเรื่องเข้าสู่กระบวนการรับคำร้องทุกข์ โดยจะเข้าไปในระบบของตำรวจที่เรียกว่า Thai Police Online (TPO) และจะให้เลขคดีแก่ผู้เสียหาย  และเช็กว่าจะไปที่ไหน เพื่อที่จะทำคดีอาญาต่อไป

"เมื่อก่อนบัญชีม้าเป็นม้าแบบหลบซ่อน ใช้บัญชีแต่กับเรื่องผิด แต่ตอนนี้อาจจะมีม้าแบบเปิดเผย อาจเอาไปทำทั้งเรื่องผิดด้วย และเอาไปใช้จ่ายในชีวิตประจำวันด้วย ซึ่งเรื่องนี้ได้มีการกำหนดแนวทางชัดเจนว่า ธนาคารต้องไม่ไปก้าวล่วงกับการทำธุรกรรมที่ปกติถูกต้อง ก็มีอำนาจที่จะไม่ดำเนินการระงับได้ ซึ่งต้องกำหนดให้ธนาคาร 18-19 ธนาคารทำเหมือนกัน เพราะเวลาคนโทร.เข้ามาเพื่อจะขอปลด เราก็ใช้หลักการเดียวกันคือ ถ้าเราดูแล้วเขาไม่มีเหตุอะไร และเป็นการซื้อมาขายไปปกติ เราก็จะปลดเขาทันที  ซึ่งประชาชนที่โทร.มาขอปลดวานนี้มีทั้ง 2 ส่วน คือส่วนที่เป็นบัญชีม้าจริง และประชาชนผู้บริสุทธิ์ ซึ่งเมื่อวานนี้ก็มีกระบวนการตรวจสอบ ซึ่งพบว่ามีเคสที่ปลดได้ประมาณ 10% เท่านั้น" นายวิศิษฏ์กล่าว

ส่วนการแยกแยะว่า บัญชีที่รับเงินจากบัญชีม้าถูกต้องหรือไม่นั้น นายวิศิษฏ์กล่าวว่า ศูนย์ AOC 1441 จะมีการสแกนเบื้องต้น หลังจากนั้นจะเป็นการไล่ตามเม็ดเงิน ไม่ต้องดูว่าเงินนี้ผิดกฎหมายหรือไม่ เพราะผิดมาตั้งแต่ต้นทาง หน้าที่ของธนาคารคือ การดูว่าลูกค้าเปิดบัญชีมาแล้วทำอะไรบ้าง ก็นำข้อมูลนี้มาประมวลกับเส้นการเงินของศูนย์ AOC 1441 ก็จะทำให้สามารถปลดคนที่บริสุทธิ์ออกได้

"เข้าใจว่าสิ่งแรกที่ธนาคารทำคือ พยายามตามไประงับการทำธุรกรรม ซึ่งตอนนี้ได้มีการปรับเพิ่มเติมว่าในส่วนของการปลด ธนาคารจะไม่ให้ข้อมูลเส้นทางการเงิน ดังนั้นจึงต้องมีศูนย์รวม ซึ่งได้ให้ผู้อำนวยการศูนย์ AOC ดำเนินการวอร์รูม ให้สามารถดำเนินการปลดได้ในทันที และได้มีการพูดคุยกับ ธปท.ว่า กระบวนการดังกล่าวควรมีวิธีการให้ธนาคารสามารถดูจากการเคลื่อนไหวทางบัญชีของลูกค้าได้"

สำหรับกระบวนการหากถูกระงับธุรกรรม ประชาชนสามารถโทร.แจ้งไปที่ 1441 ไม่ต้องไปที่ธนาคารพาณิชย์  โดยแจ้งชื่อ-เลขบัตรประจำตัวประชาชน แจ้งชื่อธนาคาร และเลขบัญชีธนาคาร ก็จะเข้ากระบวนการตรวจสอบได้ทันที  ซึ่งถ้าไม่เป็นบัญชีม้าจะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงก็สามารถตรวจสอบได้แล้ว

ด้านนางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการร่วมมือกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (RTP) เพื่อปราบปรามการใช้บัญชีม้า และนิติบุคคลที่น่าสงสัยในการกระทำผิด ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา กรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้หารือกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เพื่อหาแนวทางแลกเปลี่ยนข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพ

ปัจจุบัน กรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้รับข้อมูลจากศูนย์ AOC ซึ่งรวมถึงรายชื่อบุคคล 94,161 ราย ที่มีความเสี่ยงสูงต่อการฟอกเงิน (จากบัญชี HR03) และกรมฯ จะทำการตรวจสอบว่าบุคคลเหล่านี้มีส่วนเกี่ยวข้องในฐานะกรรมการ ผู้ถือหุ้น หรือผู้บริหารของนิติบุคคลใดบ้าง จากการตรวจสอบพบว่ามีนิติบุคคล 1,415 ราย ที่มีความเชื่อมโยงน่าสงสัย และได้ถูกติดป้ายกำกับเพื่อติดตามพฤติกรรมต่อไป

ที่สำนักงาน ป.ป.ช.นนทบุรี นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน เดินทางมายื่นคำร้องขอให้ไต่สวนและวินิจฉัยผู้รับผิดชอบในกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี), กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ตำรวจไซเบอร์), ธปท.และ ปปง. โดยปัญหาดังกล่าวแม้ ธปท., กระทรวงดีอี, ตำรวจไซเบอร์, สถาบันการเงินต่างๆ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะได้หารือกันว่า จะเร่งปรับแนวทางการอายัดบัญชีและกระบวนการปลดอายัด เพื่อบรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้นกับประชาชนที่สุจริตโดยเร็ว โดยให้ประชาชนที่ถูกอายัดบัญชีโทร.ไปที่เบอร์ 1441 แต่ปรากฏว่าสายแทบไม่ว่าง หรือต่างก็โยนเผือกร้อนกันไปมา บางรายต้องเสียเวลาในการหอบเอกสารไปชี้แจงหน่วยงานโน้นนี้นั้นมากมาย ใช้เวลาหลายเดือนกว่าจะปลดอายัดได้ เสียเงินเสียค่าใช้จ่ายไปเท่าไร แต่ไม่มีใครหน่วยงานใดออกมาแสดงความรับผิดชอบเลย อันสะท้อนให้เห็นว่าแม้จะมีประกาศใช้ พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีมาตั้งแต่เดือนมีนาคม 2566 หน่วยงานเหล่านี้กลับละเลยเพิกเฉย ไม่เตรียมการป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นกับประชาชนผู้บริสุทธิ์

 "องค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน จึงนำความมาร้องเรียนต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ  เพื่อให้ไต่สวนและวินิจฉัยว่า ผู้บริหารหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดใช้อำนาจอย่างไม่เป็นธรรม และขาดความรับผิดชอบต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์ อันเข้าข่ายการทุจริตต่อตำแหน่งหน้าที่หรือการยุติธรรมหรือไม่ เพื่อให้ดำเนินการชี้มูลความผิดลงโทษบุคคลที่เกี่ยวข้องตามอำนาจของ ป.ป.ช.ต่อไป" นายศรีสุวรรณกล่าว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

หนูคาดเบลต์กั๊กยุบสภา12ธ.ค.

"อนุทิน" ส่งสัญญาณ 12 ธ.ค. คาดเข็มขัดนิรภัย ปัดญาติดีเพื่อไทยหลีกทางยื่นซักฟอก บอกทำงานทุกวันไม่ได้คุย ขีดเส้นอยู่ไม่เกิน 31 ม.ค.