“อนุทิน” เผยเค้าโครงเนื้อหานโยบายรัฐบาลเสร็จหมดแล้ว ครอบคลุมทั้งมิติสังคม-เศรษฐกิจ-ความเป็นอยู่ “ณัฐพงษ์” จับตาต้องมีไทม์ไลน์เรื่องแก้รัฐธรรมนูญบรรจุด้วย หากไม่มีเจอซักแน่ “นายกฯ หนู” ขนทีมเศรษฐกิจหารือสมาคมธนาคารไทย บอกเป็นหัวใจสำคัญ โปรยยาหอมพร้อมดันไทยกลับมาเป็นผู้นำการเงินการธนาคารในภูมิภาค ย้ำคนละครึ่งเป็นบิ๊กวินของประเทศ “วันนอร์” อ้างประเพณีเกาะเก้าอี้แน่น หัวหน้า ภท.รีบปัดแค่ความเห็นส่วนบุคคล "จิรายุ" ได้ทีเสี้ยมให้เขี่ยผู้นำฝ่ายค้านด้วย
เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2568 นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 มาตรา 162 ว่า ได้วางเค้าโครงรวมถึงเนื้อหาเสร็จหมดทุกเรื่องแล้ว โดยวันนี้ได้มาพบกับสมาคมธนาคารไทย และสัปดาห์ที่แล้วที่ได้พบกับสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และสมาคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย รวมถึงพบปะประชาชน ทำให้อาจต้องปรับเนื้อหานิดหน่อย เพื่อให้ตรงกับความต้องการและความห่วงใยจากทุกภาคส่วนมากที่สุด
เมื่อถามถึงนโยบายเศรษฐกิจ จะคิดเป็นกี่เปอร์เซ็นต์ในร่างนโยบายนั้น นายกฯ ระบุว่า ไม่มีคำว่ากี่เปอร์เซ็นต์ เพราะเป็นนโยบายที่ประกอบในหลายมิติ ทั้งความมั่นคง สังคม เศรษฐกิจ ความเป็นอยู่ของประชาชน และแผนการทำงานของรัฐบาล
ด้านนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) กล่าวถึงกรณีพรรคเพื่อไทย (พท.) ประกาศไม่ร่วมเป็นพรรคร่วมฝ่ายค้าน จะทําให้อํานาจของฝ่ายค้านลดลงหรือไม่ว่า ไม่ลดลง แต่อาจทำให้กลไกในการตรวจสอบอาจไม่ได้เต็มประสิทธิภาพเท่าที่ควร แต่เราก็จะทำหน้าที่ฝ่ายค้านอย่างเต็มที่ รวมถึงประเด็นเรื่องของความจริงใจ หรือความชัดเจนในส่วนของพรรค ภท.ในการเดินหน้าตามกรอบ MOA โดยหากนายอนุทินมีความตั้งใจ มีความจริงใจในการเดินหน้าการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นไปตาม MOA การแถลงนโยบายต่อรัฐสภาก็ควรต้องพูดถึงไทม์ไลน์ที่มีความชัดเจนระดับหนึ่งในเรื่องนี้ด้วย เพื่อที่จะให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการตรวจสอบ
“ถ้าไม่ได้มีความชัดเจนในส่วนนี้ พรรคประชาชนก็พร้อมตั้งคำถามในเวทีการอภิปรายการแถลงนโยบายของรัฐบาล”
นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะประธานรัฐสภา กล่าวถึงวันแถลงนโยบายว่า ขึ้นอยู่กับการกำหนดของรัฐบาล หลังจากวันที่ 24 ก.ย.ที่รัฐบาลเข้าถวายสัตย์ฯ และประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นัดพิเศษ ก็จะแจ้งมายังสภาว่าพร้อมแถลงนโยบายวันใด ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นต้นสัปดาห์หน้าหรือปลายสัปดาห์ ซึ่งสภาพร้อมแจ้งให้สมาชิกทราบ โดยต้องแจ้งล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 3 วัน เพราะรัฐบาลต้องส่งนโยบายที่แถลงมาให้สมาชิกได้อ่านก่อนวันประชุม
“ถ้าหากทุกอย่างพร้อมไม่มีอะไรติดขัด อาจเป็นวันที่ 1-2 ต.ค. โดยใช้เวลาทั้ง 2 วัน ซึ่งเท่ากับรัฐบาลที่ผ่านมา แต่ทั้งหมดก็ต้องขึ้นอยู่กับข้อตกลงของวิปทั้ง 3 ฝ่าย” นายวันมูหะมัดนอร์กล่าว
นายพิสิษฐ์ อภิวัฒนาพงศ์ สว.และโฆษกคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการวุฒิสภา (วิปวุฒิสภา) กล่าวถึงประเด็นในการอภิปรายการแถลงนโยบายว่ามี 2 เรื่องหลัก คือนโยบายที่รัฐบาลนายอนุทินได้เสนอ และประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ส่วนผู้อภิปรายยังไม่มีการกำหนด ต้องรอดูโควตาว่า สส.และ สว.จะได้ผู้อภิปรายเท่าไหร่
สภาสูงจี้แก้ปากท้อง
นายพิสิษฐ์ยังกล่าวถึงความคาดหวัง 4 เดือนของรัฐบาลว่า 4 เดือนน้อยมาก แต่ก็ทนมา 2 ปีแล้ว เพราะฉะนั้นก็หวังว่า 4 เดือนรัฐบาลจะตั้งใจทำงานเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง ไม่ใช่ไปกลั่นแกล้งแต่เรื่องจะกำจัดฝ่ายตรงข้าม และอยากให้เน้นเรื่องปากท้องของประชาชนเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นโครงการคนละครึ่ง เราเที่ยวด้วยกัน รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ
เมื่อถามถึงกระแสวิพากษ์วิจารณ์ที่รัฐบาลอาจไปยุ่งเหยิงกับคดีเขากระโดงและฮั้ว สว.นั้น นายพิสิษฐ์กล่าวว่า คดีเขากระโดงและฮั้ว สว.ไม่ใช่หน้าที่หลักของรัฐบาล หน้าที่หลักของรัฐบาลคือเอาประชาชนเป็นหลัก ทำให้ประชาชนกินดีอยู่ดี นั่นคือสิ่งที่รัฐบาลควรจะทำ
สำหรับบรรยากาศที่ทำเนียบรัฐบาล ในช่วงเช้าคณะทำงานของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกฯ และ รมว.เกษตรและสหกรณ์ (กษ.) นำรถตู้ของสํานักปลัด กษ. 2 คัน ขนโต๊ะหมู่บูชาชุดใหญ่และอัญเชิญสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ไปยังห้องทำงานชั้น 2 ตึกบัญชาการ 1
ขณะเดียวกันที่สมาคมธนาคารไทย นายอนุทินพร้อมรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจได้เดินทางไปหารือกับนายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทยและคณะ โดยนายอนุทินกล่าวในหัวข้อ “ฝ่าวิกฤต พลิกอนาคตเศรษฐกิจไทย ด้วยพลวัตใหม่” ว่าสัปดาห์ที่แล้วได้เดินทางไปที่สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ซึ่งได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์มากมาย วันนี้ก็เป็นจุดสำคัญอีกแห่งหนึ่งที่ต้องมา เพราะเป็นหัวใจของระบบเศรษฐกิจ คือหน่วยงานธุรกิจในระบบการเงิน ระบบการธนาคารทั้งหลาย มาที่นี่อยากให้ทุกคนเปิดใจกันหารือ พวกเราไม่ใช่คนอื่นคนไกล เพราะรัฐมนตรีเศรษฐกิจก็อยู่ในวงการการเงินและการอุตสาหกรรมมาก่อน ตนเองก็เคยเป็นคนในแวดวงธนาคารมาก่อน
ต่อมานายอนุทินแถลงภายหลังการหารือร่วมว่า มีการหารือหลายเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องที่รัฐบาลมีความห่วงใย และขอรับการสนับสนุนจากสมาคมธนาคารไทย เช่น เรื่องปัญหาหนี้สินของประชาชน, หนี้สิน SMEs, หนี้ครัวเรือน, การขอความร่วมมือในการผ่อนปรนและเร่งให้มีความเท่าเทียมทางการค้า จึงต้องรับฟังความเห็น ความกังวลและข้อห่วงใยของสมาคมธนาคารไทย ที่เราต้องสู้กับการแข่งขันในภูมิภาคด้วย ทำอย่างไรจึงจะทำให้ระบบการธนาคารของไทย ที่เคยเป็นผู้นำกลับคืนมาอีกครั้งหนึ่งในภูมิภาคอาเซียน ทำอย่างไรจะแข่งขันกับตลาดโลกที่มีพื้นฐานของการประกอบธุรกิจที่เปลี่ยนแปลง และมีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้นทุกวัน
“สิ่งใดที่รัฐบาลจะทำให้ได้ก็เร่งดำเนินการ ผมไม่ค่อยกังวล เพราะนี่ก็ประธานแบงก์เก่า นั่นก็กรรมการแบงก์เก่า นั่นก็ผู้จัดการแบงก์กรุงไทยมาก่อน เรื่องพวกนี้ท่านรับไปหมดแล้ว ผมมีหน้าที่เห็นชอบและผลักดันตามที่ท่านเอกนิติได้เสนอขึ้นมา ผมมั่นใจว่าท่านทั้งหลายจะนำการหารือในวันนี้ไปสู่การปฏิบัติให้เร็วที่สุด”
ด้านนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาส รองนายกฯ และ รมว.การคลัง กล่าวว่า ได้หารือเรื่องปัญหาเศรษฐกิจไทยที่มีปัญหาเยอะ เราได้ตกลงร่วมกันในการฟื้นเศรษฐกิจไทยให้เร็ว ยั่งยืน ฟื้นสั้นให้มีผลยาว เพื่อสัมพันธ์กับการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน แก้ปัญหาเก่าๆ ที่สามารถทำได้ โดยเฉพาะหนี้ครัวเรือน ซึ่งเป็นปัญหาสะสมมานาน เราได้รับคำแนะนำที่ดีจากสมาคมธนาคารไทยและจะทำงานร่วมกันเรื่องสภาพคล่อง เพราะ SMEs เป็นหัวใจหลักของผู้ประกอบการไทย จะพยายามให้สภาพคล่องไปถึงเขา
“ไม่ใช่แก้ปัญหาระยะสั้น แต่จะเตรียมพร้อมไปสู่โลกยุคใหม่ แข่งขันได้เก่งขึ้น พัฒนาทักษะและดูเรื่องการทำธุรกิจ หรือ QUICK BIG WIN ต้องรับไปทำการบ้านอีกเยอะ” นายเอกนิติระบุ
บิ๊กวินประเทศ
นายอนุทินยังย้ำถึงโครงการคนละครึ่งว่า มีประโยชน์ เพราะมีส่วนร่วมกับประชาชนโดยมีการแชร์กัน โดยรัฐบาลจะทำโครงการพลัส เป็นแรงจูงใจให้คนที่เสียภาษี 60:40 และมั่นใจกระตุ้นเศรษฐกิจให้เร็ว รัฐบาลมีเวลาไม่มาก แต่อาจทำทุกอย่างที่ค้างท่อ โดยเร่งปัจจัยทั้งหลายให้เกิดขึ้นโดยเร็วที่สุดเท่าที่เวลาที่เรามี รัฐบาลเสียงข้างน้อยไม่มีปัญหา ทุกอย่างเป็นประโยชน์กับประเทศ ถือว่าเป็นบิ๊กวินของประเทศ
ขณะเดียวกัน นายวันมูหะมัดนอร์ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายพลพีร์ สุวรรณฉวี สส.นครราชสีมา พรรคภูมิใจไทย ออกมากดดันให้เปลี่ยนตัวประธานสภาผู้แทนราษฎร หลังเปลี่ยนรัฐบาลแล้วว่า เก้าอี้ของประธานสภาและรองประธานสภานั้นไม่เคยมีกำหนดในรัฐธรรมนูญ หรือข้อบังคับว่าจะต้องเปลี่ยนไปตามรัฐบาล เพราะประธานสภา และรองประธานสภาไม่ได้ขึ้นอยู่กับพรรคการเมือง แต่เป็นตำแหน่งที่เป็นอิสระ
“ถ้าดูประเพณีปฏิบัติที่ผ่านมา เมื่อเปลี่ยนรัฐบาลสักกี่ครั้งก็แล้วแต่ ประธานสภาก็ไม่ได้เปลี่ยน นี่ไม่ได้หมายความว่าประธานสภาหรือรองประธานสภาอยากจะเปลี่ยน แต่ก็ต้องเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ” นายวันมูหะมัดนอร์ย้ำ
นายอนุทินกล่าวเรื่องนี้ว่า ยังไม่ทราบเรื่องเลย ยืนยันว่าไม่ใช่ท่าทีของพรรค ภท.แน่นอน เป็นความคิดส่วนตัวของ สส.แต่ละท่านที่มีอิสระ ที่สามารถแสดงความคิดเห็น ส่วนขั้นตอนเป็นอย่างไรก็ตามนั้น
เมื่อถามว่า นายวันมูหะมัดนอร์ควรลาออกจากตำแหน่งเลยหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า อีก 4 เดือนก็ยุบสภาแล้ว
ส่วนนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ อดีต สส.กทม. พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า สส.พรรค ภท.อย่าออกตัวแรงให้คนเห็นง่ายๆ ว่าน้ำเงินกับส้มเป็นพวกเดียวกัน ส้มเขาอุตส่าห์แอบอยู่ใต้ผ้าห่ม ในกรณีที่มาเรียกร้องให้ประธานกับรองประธานสภาของพรรค พท.และพรรค ปช.ลาออก แต่แกล้งตาบอดไม่เห็นผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรพรรคส้มยกมือตั้งนายกฯ ซึ่งถือว่าขัดต่อการทำหน้าที่ผู้นำฝ่ายค้านในสภา ถ้าเอาให้แมนๆ ช่วยเรียกร้องให้ผู้นำฝ่ายค้านในสภาลาออกด้วย
นายณัฐพงษ์กล่าวถึงการประเมินว่าคะแนนนิยมของพรรค ปชน.จะตกลง จากการไปช่วยจัดตั้งรัฐบาล 4 เดือนว่า เข้าใจความรู้สึกและข้อคิดเห็นของประชาชน โดยเฉพาะยิ่งผู้สนับสนุนของพรรค ปชน. แต่เชื่อว่าการดำเนินการของเราต่อจากนี้ในทุกๆ การแสดงออก ในทุกการทำหน้าที่ในสภา ที่เราจะสามารถกำกับไปสู่ทิศทางให้เป็นไปตามกรอบ MOA ที่เปิดประตูสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญ พร้อมยุบสภาเดินหน้าสู่การเลือกตั้งใหม่ จะเป็นสิ่งที่ทำให้ทุกคนมีความเข้าใจในการตัดสินใจของพรรคในอดีตที่ผ่านมามากยิ่งขึ้น สำหรับการตั้งข้อสังเกตถึงการยุบสภา จะทําให้พรรค ภท.ได้คะแนนนิยม และอาจทําให้พรรค ปชน.เสียคะแนนความนิยมเพิ่มมากขึ้นนั้น นายณัฐพงษ์มองว่า เราไม่ได้กังวล เรามองว่าสิ่งที่พรรคการเมืองควรอย่างยิ่งในการรักษาสัญญาทางการเมืองอย่างตรงไปตรงมา ให้ประชาชนมีตัวเลือกที่ดียิ่งขึ้น น่าจะเป็นบรรยากาศที่ดีที่ประชาชนได้เข้าคูหา และตัดสินใจเลือกแต่สิ่งดีๆ มากยิ่งขึ้นตามเจตนารมณ์ของประชาชนมากกว่า
“การตัดสินใจของพรรคประชาชนในอดีตที่ผ่านมา ยืนยันอีกหนึ่งครั้งว่าเราเล็งเห็นว่าอาจจะส่งผลต่อคะแนนนิยมของพรรค แต่จะทำให้ภาพกลุ่มการเมืองไทยดียิ่งขึ้น และเดินหน้าสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เป็นปัญหาต่อหลายอย่างที่ผ่านมา”
เท้งย้ำไร้ดีลคดี 44 สส.
สําหรับกรณีดีลคดี 44 สส. นายณัฐพงษ์ยืนยันอีกหนึ่งครั้งว่า ไม่มี ไม่มีแน่นอน ขอให้รอติดตามดูการทำหน้าที่ต่อจากนี้ในอนาคตว่ามีหรือไม่อย่างไร เชื่อว่ากาลเวลาและเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้จะเป็นคนตัดสิน
เมื่อถามต่อว่า หากพรรค ปชน.รอดคดีดังกล่าวก็อาจมีคนเชื่อมโยงกันไปมากขึ้น นายณัฐพงษ์ระบุว่า ถามนำไปนิดนึง ตนเองตอนนี้ก็ยังไม่ได้มั่นใจ 100% ขนาดนั้นว่าตกลงจะรอดหรือไม่รอด แต่ก็มั่นใจในทีมกฎหมายของพรรคว่าทำอย่างเต็มที่แล้ว และเราเองก็เป็นผู้บริสุทธิ์ที่อยู่ภายใต้การถูกดำเนินการการโจมตีในกระบวนการนิติสงคราม
ขณะที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์รายการประเทศไทยต้องมาก่อน โดยระบุว่า เมื่อนายอนุทินแถลงนโยบายย่อมถูกฝ่ายแค้นฝังหุ่นอย่างพรรคเพื่อไทยรุมถล่มอย่างหนัก เพื่อทำลายคะแนนเสียงในการเลือกตั้งครั้งใหม่ อีกทั้งเชื่อว่านายอนุทินจะรักษาสัญญายุบสภาใน 4 เดือน เพราะไม่อยากถูกตราหน้าเป็นพรรคตระบัดสัตย์เหมือนพรรคเพื่อไทย ดังนั้นการรักษาสัญญาจะนำไปสู่อนาคตการเมืองในสนามเลือกตั้งที่จะมีขึ้น
“ช่วงเวลาไปถึง 4 เดือนนั้น รัฐบาลต้องเผชิญหน้ากับแรงแค้นฝังหุ่นจากพรรคเพื่อไทยหนักหน่วง ซึ่งจะเริ่มปฏิบัติการถล่มตั้งแต่นายอนุทินแถลงนโยบายรัฐบาล ขณะเดียวกันพรรคประชาชนย่อมวิจารณ์นโยบายรัฐบาลอย่างเต็มที่เพื่อเปิดพื้นที่ฝ่ายค้านเช่นกัน” นายจตุพรกล่าวและว่า สิ่งสำคัญหลังจากแถลงนโยบายแล้ว พรรคเพื่อไทยคงยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจขย่มนายอนุทินอย่างเต็มที่ เพราะสถานการณ์ 4 เดือนต้องเรียกความเชื่อมั่นและสกัด สส. ไม่ให้โกลาหลย้ายออกจากพรรคหาสังกัดใหม่ในการเตรียมตัวเลือกตั้งครั้งใหม่
นายจตุพรกล่าวว่า พรรค ภท.มีเดิมพันกับอนาคตการเมืองข้างหน้า แต่ถ้ามีปัญหาขึ้นอาจมีการยุบสภาก่อน 4 เดือนก็ได้ เพื่อเก็บเกี่ยวความนิยมทางการเมืองไว้ไปสู่การเลือกตั้ง โดยหลักการเป็นรัฐบาลนั้น ต้องคิดเสมอว่าทุกวันคือการทำงานวันสุดท้ายจึงต้องทำงานกันเต็มที่ ดังนั้น นายอนุทินต้องไม่คิดที่จะอยู่ยาว เพราะจะเกิดอุบัติเหตุการเมืองอย่างคาดไม่ถึง โดยเฉพาะเวลาไปถึง 4 เดือน จะถูกพรรคเพื่อไทยแค้นฝังหุ่นฟาดฟันทั้งในสภาและทำนิติสงครามย้อนรอยเช่นกัน.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'อนุทิน' ยันยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้วยังฟื้นฟูหาดใหญ่ต่อ จ่อขนนักวิชาการลงพื้นที่ถอดบทเรียน
'อนุทิน' ยอมรับยังกังวลน้ำท่วมหาดใหญ่ ยัน ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้วยังฟื้นฟู-เยียวยาต่อ หยอด อำนาจอยู่ที่ มท.1แล้ว 'นายกฯ คงไม่ขัดอะไร' เผยขั้นตอนนำผู้ประสบภัยกลับบ้าน ทำไปแล้วกว่า 90% จ่อขนกองทัพนักวิชาการลงพื้นที่ถอดบทเรียนพรุ่งนี้
'จตุพร' แนะ 'อนุทิน' อย่ามัวแต่พูดอธิบายภาพ 'เบน สมิธ' ต้องรุกกลับปราบสแกมเมอร์ให้สิ้นซาก
'จตุพร' แนะ 'อนุทิน' อย่าพะวงกับรูปถ่ายร่วมเฟรม 'เบน สมิธ' อย่ามัวแต่พูดอธิบายภาพ อ้างไม่สนิท จี้ปฏิบัติให้จริง รุกกลับปราบ'แก๊งสแกมเมอร์' ให้ราบคาบจากไทย ลั่นรู้นะ คนปล่อยรูปหวังทำลายการเมือง
ปลุกชรบ.ชายแดนพร้อมรุกรบ
กรมพระศรีสวางควัฒนฯ พระราชทานเงิน 121,089,300 บาท
เปิดสภา10ธค. แก้รธน.วาระ2 แนะโหวตต้นมค.
"ปธ.วันนอร์” นัดประชุมรัฐสภา 10-11 ธ.ค. ถกแก้ รธน.วาระสอง
หนูโต้ไม่ให้สัญชาติเบนสมิธเหตุพ้นมท.1
วงแตก! “อนุทิน” รับรู้จัก “เบน สมิธ” แต่ไม่สนิท ไม่มีธุรกิจร่วมกัน
จ่ายศพละ2ล.อีก8จว. ขยายเยียวยานํ้าท่วมใต้ ตั้ง5อนุครบวงจรใช้ทุกที่
นายกฯ ประเดิมนั่งหัวโต๊ะถอดบทเรียนรับมือมหาอุทกภัย ตั้ง 5 อนุกรรมการแก้ครบวงจร พยากรณ์-เตือนภัย-เยียวยา


