ลุยแก้5ด้านเร่งด่วน ถกนโยบาย29-30ก.ย.ชูคนละครึ่ง-ไม่เอากาสิโน

วิป 3 ฝ่ายเคาะวัน "นายกฯ อนุทิน"  แถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา 29-30 ก.ย. วันสุดท้ายขอจบก่อน 18.00 น. เหตุมีประชุม ครม.นัดพิเศษต่อ แบ่งเวลาอภิปราย ครม. 6 ชม.   วุฒิสภา 3 ชม. ฝ่ายค้าน 15 ชม. "ปชน." แบ่งส่วน พท.ให้ 6 ชม. แย้มนโยบายปกน้ำเงิน ยึดหลักซื่อสัตย์-ผลประโยชน์ชาติ เน้นแก้ 5 ด้านเร่งด่วน ชูโครงการคนละครึ่งลดรายจ่าย ใช้สันติภาพแก้ข้อพิพาทไทย-เขมร ไม่เอากาสิโนถูก กม. "หนู" นำ รมต.ทีม ศก.พบตลาดทุนไทย "รมว.คลัง" เตรียมชงคนละครึ่งพลัสเข้า ครม.ไม่เกินสัปดาห์ที่สองเดือน ต.ค. "สุชาติ" เล็งขน สส.กลุ่ม 16 เข้า ภท.   "เสี่ยต่อ-เดชอิศม์" ประสานเสียง ปชป.ไร้แตกแยก พร้อมคุย "มาร์ค" หากอยากรีเทิร์น

ที่รัฐสภา วันที่ 25 กันยายน นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ได้ทำหนังสือด่วนส่งมายังนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา   ประธานรัฐสภา เรื่องการแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อรัฐสภา พร้อมแนบคำแถลงนโยบายของ ครม.ต่อรัฐสภา 1 เล่ม และคำแถลงนโยบายของ ครม.ต่อรัฐสภาในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์

หนังสือระบุว่า ตามที่ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 7 ก.ย.2568 และวันที่ 19 ก.ย.2568 ตามลำดับนั้น บัดนี้ ครม.ได้กำหนดวันที่พร้อมจะแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ตามมาตรา 162 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ตั้งแต่วันที่ 29 ก.ย.2568 เป็นต้นไป

เวลา 14.00 น. นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา เป็นประธานการประชุมวิป 3 ฝ่าย คือ ฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายค้าน และวุฒิสภา เพื่อกำหนดวันเวลาในการแถลงนโยบายของ ครม.ต่อรัฐสภา ใช้เวลากว่า 1 ชม.

นายวันมูหะมัดนอร์แถลงว่า เบื้องต้นจะมีการประชุมแถลงนโยบายในวันที่ 29-30 ก.ย.  โดยวันแรกจะเริ่มในเวลา 09.00 น. และในวันที่ 30 ก.ย. ทาง ครม.ขอให้จบภายใน 18.00 น.  เนื่องจากจะมีการประชุม ครม.นัดพิเศษ นอกจากนี้ ได้หารือถึงวันที่จะประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อพิจารณาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งขณะนี้มีพรรคการเมืองอย่างน้อย 3 พรรคที่ได้เสนอร่างมาแล้ว  ได้แก่ พรรคภูมิใจไทย พรรคประชาชน และพรรคเพื่อไทย ได้เสนอมาตามแนวทางของศาลรัฐธรรมนูญ โดยเราจะมีการประชุมร่วมรัฐสภาในวันที่ 14 และ 15 ต.ค.

น.ส.แนน บุณย์ธิดา สมชัย สส.อุบลราชธานี  พรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงการแบ่งเวลาว่า ทาง ครม.รวมพรรคร่วมรัฐบาล 6 ชั่วโมง โดยไม่นับรวมนายกรัฐมนตรีแถลงนโยบาย สมาชิกวุฒิสภา (สว.) 3 ชั่วโมง และพรรคร่วมฝ่ายค้าน ได้เวลาทั้งหมด 15 ชั่วโมง โดยสัดส่วนของประธานได้ 1 ชั่วโมง

นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะประธานวิปพรรคร่วมฝ่ายค้าน กล่าวว่า ในส่วนของพรรคร่วมฝ่ายค้าน 15 ชั่วโมง ตนได้คุยกับพรรคเพื่อไทย ถึงแม้ว่าจะไม่เข้าร่วมวิปฝ่ายค้าน แต่เราก็ได้แบ่งเวลาในสัดส่วนที่เหมาะสม คือพรรคร่วมวิปฝ่ายค้าน 9 ชั่วโมง และพรรคเพื่อไทย 6 ชั่วโมง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคำแถลงนโยบายของ ครม.นายอนุทิน ที่จะแถลงต่อรัฐสภา ปกสีน้ำเงิน มีลายธงชาติไทยอยู่บริเวณด้านข้าง  เนื้อหาสำคัญเป็นหลักการบริหารราชการแผ่นดินและนโยบายสำคัญของรัฐบาล ยึดหลักสำคัญ 3  ประการ ได้แก่ 1.พิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันชาติ  ศาสนา พระมหากษัตริย์ 2.ยึดมั่นการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข 3.ยึดมั่นหลักนิติธรรม บังคับใช้กฎหมายเป็นธรรม บริหารราชการแผ่นดินบนพื้นฐานธรรมาภิบาล

นโยบาย รบ.ลุย 5 ด้านเร่งด่วน

ทั้งนี้ รัฐบาลกำหนดนโยบายสำคัญแก้ปัญหาเร่งด่วนประเทศ 1.ด้านเศรษฐกิจ สร้างรายได้ลดรายจ่ายให้ประชาชนในการใช้ชีวิตประจำวัน อาทิ ค่าพลังงาน ค่าน้ำดื่มสะอาด ค่าโดยสาร ให้มีกำลังจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น โดยจัดทำโครงการคนละครึ่ง การบริหารจัดการราคาสินค้าเกษตรในระดับที่เหมาะสม 2.แก้ปัญหาหนี้สิน เพิ่มสภาพคล่องบนพื้นฐานความเสี่ยงที่เป็นธรรม อาทิ แก้ปัญหาหนี้ภาคประชาชนในระบบ รายละไม่เกิน 1 แสนบาท การเพิ่มสภาพคล่องแก่ผู้ประกอบการรัฐวิสาหกิจขนาดกลาง  ขนาดย่อม รายละไม่เกิน 1 ล้านบาท ควบคู่กับการเข้าถึงแหล่งเงินทุนให้ลูกหนี้ที่มีวินัยชำระหนี้  3.เพิ่มโอกาสการออมของประชาชนรายย่อย 4.ฟื้นความเชื่อมั่นแก่นักท่องเที่ยว มุ่งเน้นสร้างความปลอดภัย ปราบปรามการฉ้อโกง หลอกลวงนักท่องเที่ยว และ 5.เร่งแก้ปัญหาผลกระทบสงครามการค้า จัดตั้งทีมไทยแลนด์ยกระดับการค้าเสรีกับคู่ค้าเดิม และดำเนินการเชิงรุกเปิดตลาดใหม่เพิ่มขึ้น การดูแลผู้ประกอบการ เกษตรกรที่ได้รับผลกระทบรุนแรงจากมาตรการภาษีสหรัฐ

ด้านความมั่นคง เร่งแก้ปัญหาพิพาทไทย-กัมพูชาด้วยแนวทางสันติภาพแก่ประชาชนตามชายแดนโดยเร็ว ยุติความขัดแย้งผ่านกลไกการเจรจาทางการทูตที่เหมาะสมควบคู่กับการป้องกันประเทศที่เข้มแข็ง ตลอดจนทำประชามติให้ประชาชนมีส่วนร่วมตัดสินใจในการยกเลิกบันทึกเอ็มโอยู่ไทย-กัมพูชา

ด้านสังคม ปราบการพนันผิดกฎหมายทุกรูปแบบอย่างจริงจัง ไม่สนับสนุนการประกอบธุรกิจพนันทุกชนิดให้เป็นธุรกิจถูกกฎหมาย ไม่สนับสนุนเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ที่มีธุรกิจพนัน  การพนันที่แฝงมาในรูปกีฬา การพิทักษ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนาและศาสนาอื่น ด้านภัยธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เร่งติดตั้งเครื่องมือเตือนภัย พัฒนาเครือข่ายการเตือนภัยพิบัติในพื้นที่มีความเสี่ยงสูง เยียวยาฟื้นฟูประชาชนผู้ประสบภัยโดยเร่งด่วน ด้านการบริหารภาครัฐ การปฏิรูปกฎหมาย เร่งรัดการพัฒนารัฐบาลดิจิทัลเชื่อมโยงกันทั้งระบบ ยกเลิกกฎหมายที่เป็นอุปสรรค สร้างภาระแก่ประชาชนและภาคธุรกิจ

ส่วนแนวนโยบายแห่งรัฐและยุทธศาสตร์ชาติตามที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ จะผลักดันการพัฒนาแนวนโยบายรัฐและยุทธศาสตร์ชาติ 6 ด้าน ในการบริหารราชการแผ่นดินอย่างต่อเนื่อง  อาทิ การให้คนไทยทุกช่วงวัย ทุกกลุ่ม เข้าถึงสิทธิการศึกษา ระบบสาธารณสุขอย่างทั่วถึง เท่าเทียม การผลักดันกฎหมายปฏิรูปการศึกษา การพัฒนาบริการสาธารณสุขที่มีคุณภาพ การวางรากฐานปรับโครงสร้างเศรษฐกิจประเทศไปสู่ยุคใหม่

ท้ายคำแถลงเน้นย้ำว่า รัฐบาลมีความมุ่งมั่นบริหารราชการแผ่นดิน ขับเคลื่อนนโยบายเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้าควบคู่กับการวางรากฐานประเทศ นำพาประเทศไทยให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างเต็มกำลังความสามารถ ด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต และมีคุณธรรม ยึดประโยชน์ประเทศเป็นที่ตั้ง สร้างความเชื่อมั่นการดำเนินนโยบายการคลังให้น่าเชื่อถือ โปร่งใส มีประสิทธิภาพ เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศ ภายใต้กรอบวินัยการเงินการคลัง เน้นการบริหารงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 เป็นหลัก จะใช้จ่ายงบประมาณด้วยความรอบคอบ ในฐานะนายกรัฐมนตรีจะบริหารราชการแผ่นดินให้สามารถแก้ปัญหาประเทศ พร้อมวางรากฐานพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืนในทุกมิติ เพื่อความอยู่ดีมีสุขของประชาชน

หนูขอหนุนคนละครึ่งช่วย ปชช.

นายอนุทินกล่าวถึงการแถลงนโยบายวันที่ 29-30 ก.ย.ว่า รัฐบาลมีเวลาทำงาน 4 เดือน จึงต้องการเร่งทำงาน ไม่เช่นนั้นงบนี้ก็ตกไป ซึ่งงบประจำในเรื่องนโยบายคนละครึ่งต้องทำอยู่ดี ถ้าใครจะมาคิดเล่นการเมืองก็ให้ข้ามเดือนนี้ เดี๋ยวโครงการนี้จะตกไป ซึ่งไม่มีทาง

"โครงการคนละครึ่งมันไม่ตกหรอก ตกไม่ได้ เพราะจะไปใช้งบอีกก้อนหนึ่ง ซึ่งก็ไม่ช้าเราเตรียมตัวอยู่แล้ว นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกฯ และ รมว.การคลัง กับปลัดกระทรวงการคลัง ได้เตรียมการเรื่องนี้เป็นอย่างดี  ซึ่งเราคิดถึงประโยชน์ของประชาชนเป็นเป้าหมาย จะได้ถือว่าทุกพรรคไม่ว่าจะเป็นฝ่ายค้านหรือฝ่ายรัฐบาล มีส่วนร่วมกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างประโยชน์ แก้ปัญหาปากท้องให้ประชาชน  ผมจะไม่มาบอกว่าเป็นผลงานฝ่ายรัฐบาลเท่านั้น  แต่ถือว่าเป็นผลงานของสมาชิกรัฐสภาทุกคนที่ตระหนักถึงความเดือดร้อนและต้องการที่จะแก้ไขปัญหาให้ประชาชน" นายอนุทินกล่าว

เวลา 10.00 น. นายอนุทินพร้อมรัฐมนตรีทีมเศรษฐกิจได้เดินทางไปที่อาคารตลาดหลักทรัพย์ฯ หารือร่วมกับสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) หัวข้อ “ข้อเสนอจากตลาดทุน เพื่อเสริมพลังภาครัฐ” ใช้เวลาประมาณ 2 ชม.

นายอนุทินแถลงหลังหารือร่วมกับสภาธุรกิจตลาดทุนไทยถึงการสร้างความเชื่อมั่นที่จะมอบให้กับประชาชนว่า รัฐบาลชุดนี้ได้ตั้งทีมทำงานด้านเศรษฐกิจ ตั้งแต่รองนายกฯ ถึงรัฐมนตรีต่างๆ ที่รับผิดชอบด้านเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นบุคลากรที่ไม่มีการครอบงำใดๆ ทางการเมือง ทุกท่านสามารถใช้ความรู้ความสามารถได้ตามภารกิจอย่างเต็มที่ จะใช้ทุกอย่างที่มีอยู่ฟื้นฟูสร้างความเชื่อมั่น มั่งคั่งให้กับเศรษฐกิจของประเทศโดยมีอำนาจเต็ม

ถามว่า รัฐบาลมีระยะเวลาเพียงสั้นๆ จะเรียกความเชื่อมั่นได้อย่างไร นายอนุทินกล่าวว่า  ถ้ามาถึงแล้วบอกจะแก้กฎหมายต่างๆ ถ้าพูดแบบนี้ไม่ต้องเชื่อแล้ว เพราะเป็นไปไม่ได้ในระยะเวลาสั้นๆ แต่เราจะจับในสิ่งที่มีอยู่ สิ่งใดที่สามารถแก้กฎระเบียบ แก้กฎกระทรวงได้ ก็จะดำเนินการตามกลไกที่มีอยู่ในกระทรวงหรือหน่วยงานต่างๆ ที่รัฐมนตรีกำกับดูแล เหมือนการทะลวงท่อให้ลื่นไหลไปได้ คิดว่าแค่ 4 เดือนนี้ก็น่าจะเพียงพอที่จะสร้างรากฐานที่ดีให้เกิดความต่อเนื่องในอนาคต 

"รัฐบาลชุดนี้เมื่อเราเข้ามานโยบายอะไรที่ดี ที่ค้างท่อจากรัฐบาลชุดที่แล้ว หรือนโยบายอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนเป็นที่นิยมสามารถนำมากระตุ้นเศรษฐกิจ พัฒนาคุณภาพชีวิต และสร้างความสงบให้สังคมได้ ก็นำมาสานต่อ เช่น นโยบายคนละครึ่ง ซึ่งเป็นโจทย์ใหญ่โจทย์แรกที่รัฐบาลชุดนี้ต้องทำให้ได้ เราเตรียมงบประมาณที่เล็งไว้ว่าหากใช้จากกรณีนี้ไม่ได้ ก็มีการเตรียมงบอีกก้อนหนึ่งเพื่อนำมาดำเนินการ เราได้เตรียมพร้อมไว้หมดแล้ว ซึ่งเป็นบทพิสูจน์ว่าเราเข้ามาเพื่อแก้ไขปัญหาให้กับบ้านเมืองจริงๆ" นายกฯ กล่าว

ด้านนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกฯ และ รมว.การคลัง กล่าวว่า การดำเนินด้านเศรษฐกิจจะมุ่งให้เกิดการฟื้นตัวได้เร็ว ตามนโยบาย Quick-Big-Win และต้องมีผลในระยะยาวด้วย โดยโครงการคนละครึ่งพลัส  คาดว่าจะเสนอให้ที่ประชุม ครม.พิจารณาได้ไม่เกินสัปดาห์ที่ 2 ของเดือน ต.ค.2568 หลังจากนั้นคาดว่าจะสามารถเปิดให้ลงทะเบียนร้านค้าและประชาชนได้ทันที

นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง  เสริมว่า หลัง ครม.พิจารณาโครงการคนละครึ่งพลัสแล้ว คาดว่าจะสามารถเปิดให้มีการลงทะเบียนร้านค้าและประชาชนราว 2 สัปดาห์ และน่าจะเริ่มเปิดให้มีการใช้จ่ายได้เร็วสุดในช่วงปลายเดือน ต.ค.2568 หรือถ้าไม่ทันก็จะให้ใช้จ่ายได้ในช่วง พ.ย.-ธ.ค.

'เสี่ยต่อ' ยัน ปชป.ไร้แตกแยก

ขณะที่ นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ รมว.พลังงาน กล่าวถึงภารกิจเร่งด่วนที่ต้องดำเนินการทันทีว่า ต้องทบทวนแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ (PDP) ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน รวมทั้งแนวทางการลดค่าไฟปลายปีต้องไปดูรายละเอียด แต่ยืนยันจะไม่ทำให้ค่าพลังงานเป็นภาระต่อประชาชนแน่นอน

ส่วนนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คมนาคม กล่าวว่า เรื่องมาตรการลดค่าเดินทางให้ประชาชนเดิมราคา 20 บาท เฉพาะรถไฟฟ้าสายสีแดงและสีม่วง แต่มีภาระเรื่องเงินชดเชย จะมีการพิจารณาเพื่อให้ครอบคลุมการเดินทางสำหรับคนกรุงเทพฯ และปริมณฑลมากขึ้นได้หรือไม่ เช่น รถเมล์ปรับอากาศ รถเมล์ร้อน รวมไปถึงภาระการจ่ายค่าทางด่วน ขั้นที่ 1 และขั้นที่ 2 จะนำมาพิจารณาร่วมกัน เป็นแพ็กเกจการลดค่าครองชีพในการเดินทางให้ประชาชน รวมถึงหารือกับเอกชนผู้รับสัมปทานด้วย ทำให้ต้องใช้เวลาบ้าง

วันเดียวกัน นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกฯ และ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะแกนนำกลุ่ม 16 กล่าวถึงการนำสมาชิกกลุ่มเข้าพรรค ภท.ว่า เร็วๆ นี้ตนและทีมงานแต่ละจังหวัดจะไปสมัครพรรค ภท. ขณะนี้กำลังประสานหารือกับนายอนุทินและแกนนำของพรรค ภท.อยู่ รอแค่วันเวลาเท่านั้น

นายสุชาติยืนยันการเข้าสังกัดพรรค ภท.จะไม่มีปัญหาพื้นที่ทับซ้อน เพราะยึดหลักคนที่เป็น  สส.อยู่ต้องได้รับสิทธิ์ก่อนในทางการเมือง ส่วน สส.บัญชีรายชื่ออย่างตนก็ต้องลงพื้นที่เอง เป็น สส.เขตมาแล้วถึง 3 รอบ อย่างไรเรามีพื้นที่ลงอยู่แล้ว เราจะไม่ทำอะไรให้พรรค ภท.หนักใจ และจะไม่ทำอะไรให้เพื่อนที่มาด้วยกันเสียสิทธิ์ เพื่อนที่มาทุกคนด้วยกันต้องได้สิทธิ์

ถามว่า จะไปพูดกับผู้สมัครคนเดิมของพรรค ภท.ที่เคยแพ้ให้ สส.กลุ่ม 16 ในเรื่องสิทธิ์อย่างไร นายสุชาติกล่าวว่า ต้องไปคุยกับผู้ใหญ่ในพรรคในเรื่องนี้ แต่เชื่อว่าเรายืนบนพื้นฐานของนักการเมืองด้วยกัน เข้าใจว่าคนที่เป็นต้องได้รับสิทธิ์ก่อน คนที่สอบไม่ผ่านก็ต้องไปยืนในตำแหน่งอื่นทางการเมืองแทน

ที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นายเดชอิศม์ ขาวทอง เลขาธิการพรรค ปชป. กล่าวถึงอนาคตการอยู่พรรค ปชป.ว่า ขอรอหลังวันที่ 18 ต.ค. เพราะต้องดูหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรค หากดูแล้วว่าเป็นอุปสรรคก็ไม่ควรอยู่ รวมทั้งไม่บังคับให้ สส.ย้ายตามไปด้วย

ถามถึงกระแสข่าวไปร่วมรับประทานอาหารกับพรรคกล้าธรรม นายเดชอิศม์ระบุว่า เป็นการไปแวะรับประทานอาหารธรรมดา เขาจะชวนไปทานร้านอาหาร ตนบอกให้มาทานที่บ้านดีกว่า กลัวจะเป็นข่าว เป็นเรื่องธรรมดาที่มีการชวนไปร่วมพรรค

ต่อมา นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน อดีตหัวหน้าพรรค ปชป. พร้อมนายเดชอิศม์ ให้สัมภาษณ์สื่อร่วมกัน โดยนายเฉลิมชัยยืนยันว่า ทั้งตนและนายเดชอิศม์ไม่มีอคติกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรค รวมทั้งไม่ต้องกังวลว่าตนและนายเดชอิศม์จะรับตำแหน่งใดๆ ไม่แข่งด้วย จะได้ชัดเจน เวลาคนเอาไปคิดเองแล้วไปเขียนแล้วไม่ตรงกับข้อเท็จจริง ทำให้สังคมสับสน

ถามว่า จะมีการนัดคุยกับนายอภิสิทธิ์หรือไม่ นายเฉลิมชัยระบุว่า ถ้ามีโอกาสก็ต้องได้คุยอยู่แล้ว เพราะตนกับนายอภิสิทธิ์ก็มีความสัมพันธ์ที่ดี ไม่ได้มีปัญหาอะไรกันทั้งหมด เพราะตนอยากให้พรรคมีคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ และขับเคลื่อนต่อไป ดังนั้นนักวิเคราะห์หรือข่าวที่ออกไป ณ วันนี้มันยังไม่ใช่ ความจริงหนีไม่พ้น.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'อนุทิน' ยันยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้วยังฟื้นฟูหาดใหญ่ต่อ จ่อขนนักวิชาการลงพื้นที่ถอดบทเรียน

'อนุทิน' ยอมรับยังกังวลน้ำท่วมหาดใหญ่ ยัน ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้วยังฟื้นฟู-เยียวยาต่อ หยอด อำนาจอยู่ที่ มท.1แล้ว 'นายกฯ คงไม่ขัดอะไร' เผยขั้นตอนนำผู้ประสบภัยกลับบ้าน ทำไปแล้วกว่า 90% จ่อขนกองทัพนักวิชาการลงพื้นที่ถอดบทเรียนพรุ่งนี้

'จตุพร' แนะ 'อนุทิน' อย่ามัวแต่พูดอธิบายภาพ 'เบน สมิธ' ต้องรุกกลับปราบสแกมเมอร์ให้สิ้นซาก

'จตุพร' แนะ 'อนุทิน' อย่าพะวงกับรูปถ่ายร่วมเฟรม 'เบน สมิธ' อย่ามัวแต่พูดอธิบายภาพ อ้างไม่สนิท จี้ปฏิบัติให้จริง รุกกลับปราบ'แก๊งสแกมเมอร์' ให้ราบคาบจากไทย ลั่นรู้นะ คนปล่อยรูปหวังทำลายการเมือง