“นิพิฏฐ์” ร้อง ป.ป.ช. สอบ “รมว.ดีอี" ปมปูดสินบน 40 ล้าน เจ้าตัวยันข้อมูลจริง แต่ยังบอกรายละเอียดไม่ได้ รอผลสอบปลัดดีอี "นายกฯ หนู" ลั่น "ไชยชนก" ไม่เอาไว้แน่ เชื่อสาวไส้หาความจริง การันตีรัฐบาลนี้ไม่มีโกง “รังสิมันต์” จ่อเรียกแจง กมธ.มั่นคงฯ สัปดาห์หน้า ชี้หากโยง "เบน สมิธ” เรื่องใหญ่แน่ พร้อมบี้ “ธรรมนัส” แจงสัมพันธ์เจ้าพ่อสแกมเมอร์เขมร ขณะที่ "รมว.เกษตรฯ" ของขึ้นโวยบ้าหรือโยงมั่ว ฟ้องแน่นอน
ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ประจำจังหวัดพัทลุง เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต สส.พัทลุง พร้อมทนายความ เข้ายื่นหนังสือต่อ น.ส.ต้องจิตร ธรรมคง ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดพัทลุง เพื่อให้ตรวจสอบพฤติกรรมนายไชยชนก ชิดชอบ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม โดยมี น.ส.กมลวรรณ ศรีชาย พนักงานไต่สวนระดับสูง รักษาราชการแทน ผอ.สำนักงาน ป.ป.ช.พัทลุง เป็นผู้รับหนังสือแทน โดยระบุว่า หลังจากนี้จะส่งหนังสือร้องเรียนให้ ป.ป.ช.ส่วนกลางดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
นายนิพิฏฐ์กล่าวว่า กรณีที่นายไชยชนกพูดในการประชุมรัฐสภาว่ามีบุคคลเสนอเงินตอบแทนเดือนละกว่า 40 ล้านบาท เพื่อแลกกับการไม่ดำเนินการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์นั้น ไม่ใช่เพียงวาทกรรมทางการเมือง แต่เป็นกรณีที่อาจเข้าข่ายการให้สินบนเจ้าพนักงาน ซึ่งสังคมให้ความสนใจอย่างกว้างขวาง จึงเห็นว่าควรมีการตรวจสอบโดยองค์กรอิสระเพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงว่ามีการเสนอเงินและการละเว้นปฏิบัติหน้าที่เกิดขึ้นหรือไม่
“ท่านรัฐมนตรีก็เหมือนพระ เวลายังไม่ได้เป็นรัฐมนตรีจะพูดอะไรก็ได้ แต่เมื่อดำรงตำแหน่งแล้ว คำพูดหรือการกระทำมีผลทางกฎหมาย หากมีคนมาเสนอเงินให้ท่านต้องดำเนินคดีกับผู้เสนอ หากไม่ดำเนินการก็อาจเข้าข่ายละเว้นหน้าที่” นายนิพิฏฐ์ระบุ
ทั้งนี้ นายไชยชนกกำลังหลงทิศหลงทาง การแต่งตั้งให้ปลัดกระทรวงเป็นประธานคณะกรรมการตรวจสอบกรณีดังกล่าวเป็นสิ่งที่ไม่ควรกระทำเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งอาจจะเป็นการเบี่ยงประเด็น เนื่องจากผู้ถูกตรวจสอบคือรัฐมนตรีเอง ไม่ใช่ระดับข้าราชการประจำ ดังนั้นอำนาจตรวจสอบเรื่องควรมาจากนายกรัฐมนตรีหรือองค์กรอิสระอย่าง ป.ป.ช. จึงตัดสินใจยื่นเรื่องในฐานะพลเมืองไม่ใช่นักการเมือง เพราะเห็นว่าสังคมควรได้ความจริงชัดเจน เรื่องนี้เกี่ยวพันกับขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่สร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชนจำนวนมาก หากไม่เร่งตรวจสอบก็จะเป็นบรรทัดฐานที่อันตราย
ทางด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะใช้สิทธิ์ ซึ่งคนที่ถูกกล่าวหาต้องชี้แจงว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร
เมื่อถามว่า ในฐานะผู้นำรัฐบาลจะให้โจทย์หรือการบ้านในการปัญหาเรื่องเหล่านี้อย่างไร นายกฯ กล่าวว่า “ไม่เกิดขึ้นในรัฐบาลของผม และที่เขาพูดไม่ได้เกิดขึ้นในรัฐบาลของผม ผมเพิ่งทำงานวันนี้วันที่ 2 แต่ถ้ามีเรื่องนี้เข้าไป เขาก็ต้องมีการรื้อ มีการคุ้ยและมีการค้นแน่นอน"
ส่วนได้มีการพูดคุยกับนายไชยชนกหรือไม่นั้น นายอนุทินกล่าวว่า ยังไม่ได้คุย และไม่ต้องห่วง เพราะสำหรับนายไชยชนกเรื่องพวกนี้เป็นเรื่องใหญ่ และเป็นเรื่องใหญ่มากสำหรับเขา ถ้ามีเรื่องของการกระทำที่เป็นการทุจริตจริง นายไชยชนกไม่มีทางเอาไว้อย่างแน่นอน เจตนารมณ์เขาดี และเขามีความหวังดี และที่ไม่เป็นห่วงเลยคือนายไชยชนกไม่โกงแน่นอน เป็นคนที่เกลียดการทุจริตและเกลียดความไม่ถูกต้อง
ผู้สื่อข่าวถามว่า คิดว่าจะสาวไส้ถึงผู้บงการได้ง่ายหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า เขาสาวแน่ นายไชยชนกเวลาเขามั่นใจอะไรก็เบรกเขาไม่ได้ เห็นแล้วไม่ใช่หรือ และตั้งปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ขึ้นมาเป็นประธานการสอบสวน ไม่ต้องกังวลตรงนี้เลย
เมื่อถามย้ำว่า นายกฯ มั่นใจใช่หรือไม่ในช่วงระยะเวลา 4 เดือนจะไม่มีการทุจริตอะไรเกิดขึ้น นายอนุทินกล่าวว่า "ไม่ว่า 4 เดือน 4 ปี หรือ 40 ปี ต้องไม่มีเรื่องนี้ ไม่ใช่ว่า 4 เดือนไม่โกง แล้วเดือนที่ 5 จะมาโกงเสียเมื่อไหร่ ไม่มี กี่เดือนก็ต้องไม่โกง ต้องไม่มีทุจริตในรัฐบาลของผม ถ้าเราไม่สามารถทำให้คนเชื่อมั่นได้ เราก็คงไม่มีรัฐมนตรีสายนอกการเมืองเข้ามาให้ความร่วมมือและทำงานร่วมกัน"
ส่วนนายไชยชนกเปิดเผยว่า ให้ละเอียดเพิ่มเติมไม่ได้ เบื้องต้นได้มีการสั่งการปลัดดีอีไปแล้ว ส่วนอื่นยังพูดไม่ได้ ขอให้รอ เพราะถ้าพูดไปก่อนจะทำให้การดำเนินการเป็นไปด้วยความลำบาก ดังนั้นขอให้ติดตาม ยืนยันว่าข้อมูลทั้งหมดเป็นข้อมูลจริง แต่ในส่วนอื่นขอให้คอยติดตาม ยืนยันว่าทุกอย่างเป็นไปตามการดำเนินการ และจะกระจ่างเอง
ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร แถลงผลการประชุมว่า ที่ประชุมได้มีการพิจารณาปัญหาการฟอกเงินของกัมพูชา ที่เชื่อมโยงแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในประเทศไทย และส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศไทยนั้น จากการชี้แจงของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทราบว่าปัจจุบันนายเบนจามิน สมิธ ได้หลบหนีออกจากประเทศไทยไปแล้ว โดยเดินทางด้วยไพรเวตเจ็ต T7-TCB เมื่อวันที่ 29 ก.ย.ที่ผ่านมา โดยไม่ทราบว่าประเทศปลายทางเป็นประเทศอะไร
ส่วนข้อมูลที่เป็นประโยชน์และที่ตนได้เคยอภิปรายไปแล้ว คือข้อมูลของบริษัท เทียนเทียนเวนเจอร์ ที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ก.ล.ต.) ได้เคยเตือนว่าเข้าข่ายหลอกลวง และมีการชักชวนลงทุนโดยไม่ได้รับอนุญาต ตนได้รับข้อมูลจาก ก.ล.ต.ว่าเมื่อปี 2564 ได้มีการกล่าวโทษนายเบนจามิน เบอร์เกอร์ ซึ่งเราเชื่อว่าเป็นบุคคลคนเดียวกันเบนจามิน สมิธ ปัจจุบันอยู่ในชั้นอัยการ ประเด็นถัดมา เป็นสิ่งที่น่ากังวลใจ เมื่อไปดูรายละเอียดทั้งหมด พบว่ามีความเชื่อมโยงกับบริษัท ฮุยวัน และฮุยวัน PLC ซึ่งมีเงินไหลเวียนบริษัทนี้ 3 ล้านล้านบาท เป็นเงินที่สูงมากและเชื่อว่าเงินส่วนใหญ่ที่ไหลเวียนเป็นเงินที่มาจากการฟอกเงิน โดยจากการสอบถามข้อเท็จจริง มีการเชื่อมโยงไปถึงการซื้อทองคำจากฝั่งกัมพูชามาที่ประเทศไทย จึงน่าเชื่อว่าการที่ประเทศไทยส่งออกทองคำไปกัมพูชาจำนวนมาก อาจจะเชื่อมโยงบางอย่างกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์
นายรังสิมันต์กล่าวว่า การประชุมครั้งต่อไปในสัปดาห์หน้า กมธ.จะเชิญบุคคลหลายคนมาให้ข้อมูล ทั้ง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะที่เป็นผู้รู้จักและมีภาพถ่ายทำบุญร่วมกันกับนายเบนจามิน จึงเชื่อว่ามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกัน และเชิญนายไชยชนกเข้าชี้แจงกรณีพูดถึงสินบน 40 ล้านบาท แลกกับการไม่ดำเนินคดีกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ แต่ยังไม่ทราบว่ามีการเชื่อมโยงกับเรื่องของนายเบนจามินมากน้อยเพียงใด หากมีความเกี่ยวข้องจริงจะเป็นเรื่องที่ใหญ่มาก และใหญ่กว่าเดิม เพราะแม้แต่รัฐมนตรีสามารถซื้อได้ เจ้าหน้าที่ธนาคารแห่งประเทศไทย และอีกหลายหน่วยงานเข้าชี้แจง นอกจากนี้ จะเชิญกองทัพเรือมาชี้แจงกรณีที่มีข่าวว่ากองทัพเรือจะใช้อาคารที่ตั้งของสแกมเมอร์เป็นหน่วยประสานงานด้วย
ขณะที่ ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า ฟ้องแน่นอน กรณีนายรังสิมันต์อภิปรายพาดพิงในสภาว่ามีความสัมพันธ์รู้จักกับนายเบนจามิน เวลานี้มีคดีอยู่ที่จังหวัดพะเยามากกว่า 270 คดี ซึ่งรวมถึงนักการเมืองด้วย จึงขอตั้งคำถามว่าไปรับงานใครมาหรือไม่ เอาข่าวที่ชาวต่างชาติเขียนมาขยายความ ตนรู้ที่มาที่ไปทั้งหมด การนำภาพตนกับอดีตนายกรัฐมนตรีและชาวต่างชาติไปนั่งรับประทานอาหารร่วมกัน หรือเอารูปที่ตนทำบุญไปเผยแพร่ บอกว่าตนมีรายได้จากธุรกิจสีเทา พูดผิดแล้ว ก่อนมาทำอาชีพนักการเมืองเสียภาษีถูกต้อง ตนจะไม่ฟ้องคดีอาญาอย่างเดียว แต่จะฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายด้วย ทราบว่าผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจะฟ้องหลักพันล้านเช่นกัน "ปากกล้าขาสั่น อย่ามาเล่นกับผม"
“สแกมเมอร์จะบ้าหรือไง คนอย่างผมไปยุ่งกับสแกมเมอร์ รู้หรือไม่ที่จับสแกมเมอร์ ผมก็อยู่เบื้องหลังประสานตำรวจไซเบอร์ คุณไม่รู้จริงก็พูดกันไปเรื่อย เป็นเพราะคุณรับงานใครมา คุณเอาข่าวมั่วมาขยายความ เดี๋ยวจะเดือดร้อน เอาตัวให้รอดก่อนเถอะ"
ส่วนกรณีที่ กมธ.ความมั่นคงฯ เตรียมเชิญไปชี้แจงนั้น ร.อ.ธรรมนัส กล่าวเสียงแข็งว่า “เชิญสิครับ พร้อม คุณเตรียมตัวก็แล้วกัน สำนักข่าวที่นำเสนอแบบผิดๆ จะได้ข้อมูลที่ถูกต้อง แล้วคุณจะกลับหลังหันไม่ทัน คุณก็ต้องพร้อมไปกินข้าวเย็นที่พะเยา พร้อมไปขึ้นศาลพะเยา อย่ามาขอโทษ และขอให้ผมถอนฟ้อง ไม่เอานะ".
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เปิดสภา10ธค. แก้รธน.วาระ2 แนะโหวตต้นมค.
"ปธ.วันนอร์” นัดประชุมรัฐสภา 10-11 ธ.ค. ถกแก้ รธน.วาระสอง
ปลุกชรบ.ชายแดนพร้อมรุกรบ
กรมพระศรีสวางควัฒนฯ พระราชทานเงิน 121,089,300 บาท
หนูโต้ไม่ให้สัญชาติเบนสมิธเหตุพ้นมท.1
วงแตก! “อนุทิน” รับรู้จัก “เบน สมิธ” แต่ไม่สนิท ไม่มีธุรกิจร่วมกัน
จ่ายศพละ2ล.อีก8จว. ขยายเยียวยานํ้าท่วมใต้ ตั้ง5อนุครบวงจรใช้ทุกที่
นายกฯ ประเดิมนั่งหัวโต๊ะถอดบทเรียนรับมือมหาอุทกภัย ตั้ง 5 อนุกรรมการแก้ครบวงจร พยากรณ์-เตือนภัย-เยียวยา
แบบพระเมรุมาศเสร็จม.ค. สานพระราชปณิธานผ้าไทย
"อธิบดีกรมศิลป์" เผยแบบก่อสร้างพระเมรุมาศ “พระพันปีหลวง” แล้วเสร็จ ม.ค.69
หนูคาดเบลต์กั๊กยุบสภา12ธ.ค.
"อนุทิน" ส่งสัญญาณ 12 ธ.ค. คาดเข็มขัดนิรภัย ปัดญาติดีเพื่อไทยหลีกทางยื่นซักฟอก บอกทำงานทุกวันไม่ได้คุย ขีดเส้นอยู่ไม่เกิน 31 ม.ค.


