อุ๊งอิ๊งโผล่เพ้อทำพื่อปชช.

“ปลัด ยธ.” ยัน “ทักษิณ” สามารถขออภัยโทษเฉพาะรายครั้งที่ 2 ได้ตาม ป.วิ อาญา เพราะเวลาได้ล่วงเลยเกินมาแล้ว 2 ปี จากการขออภัยโทษเฉพาะรายครั้งแรก แย้มคณะกรรมการยังอยู่ระหว่างพิจารณา “สมชาย-หมอวรงค์” ประสานเสียงทำแบบนี้ก็ได้ด้วยหรือ  มีใครเชื่อบ้างว่าสำนึกจริง ขณะที่เพื่อไทยปล่อยคลิปเปิดใจ “แพทองธาร” มั่นใจ หาก "พรรคเพื่อไทย" ได้กลับมาเป็นรัฐบาลอีกจะมี DNA ที่มั่นคงทำเพื่อประชาชน

วันที่ 3 ตุลาคม 2568 ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมือง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย เดินทางลงพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ เพื่อติดตามสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ รวมถึงติดตามการเยียวยาและการให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบ พร้อมเยี่ยมให้กำลังใจกำลังพลในพื้นที่ โดยก่อนเดินทางผู้สื่อข่าวพยายามสอบกรณีสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ตีกลับการยื่นทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษครั้งที่ 2 ของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ กลับมายังกระทรวงยุติธรรม นายกฯ ให้คำตอบว่ายังไม่รับทราบเรื่องดังกล่าว ก่อนเดินทางขึ้นเครื่องบิน

พล.ต.ท.รุทธพล เนาวรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า จะขอกลับไปดูรายงานของปลัดกระทรวงยุติธรรม เพราะเมื่อวันที่ 2 ต.ค. เราได้มีการพูดคุยกันที่กระทรวงไปบ้างแล้ว ซึ่งผลรายงานของคณะกรรมการยังไม่ได้ส่งมาถึงตนแต่อย่างใด

ขณะที่ นางพงษ์สวาท นีละโยธิน ปลัดกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า คณะกรรมการยังอยู่ระหว่างการพิจารณา ส่วนคำถามที่ว่า นายทักษิณสามารถยื่นทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษครั้งที่ 2 ได้จริงหรือไม่ เพราะก่อนหน้านี้ในปี พ.ศ.2566 นายทักษิณเคยยื่นทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษเฉพาะรายไปแล้วนั้น ขอเรียนว่าเป็นไปตาม ป.วิ อาญา และเรากำลังพิจารณากันอยู่ โดยยึดข้อกฎหมายทั้งหมดเลย

ผู้สื่อข่าวถามว่า นายทักษิณเคยมีการยื่นถวายฎีกาฯ ขอพระราชทานอภัยโทษเฉพาะรายไปเมื่อปี 2566 แต่ตอนนี้ปี 2568 ถือว่าพ้น 2 ปี จึงสามารถยื่นขอทูลเกล้าฯ ถวายได้ใช่หรือไม่ ปลัดกระทรวงยุติธรรมระบุว่า ใช่ค่ะ เพราะถ้าดูเวลาก็เกินแล้ว แต่ว่าต้องดูรายละเอียดอย่างอื่นประกอบด้วย

ซักว่า หากคณะกรรมการดูเรื่องข้อกฎหมายเสร็จสิ้นแล้วก็จะต้องส่งสรุปผลรายงานให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมรับทราบ เพื่อมีความเห็นใช่หรือไม่ ปลัดกระทรวงยุติธรรมยืนยันว่า ใช่ เพราะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมจะเป็นผู้เสนอกลับขึ้นไปยังสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.)

เมื่อถามต่อว่า ความคิดเห็นของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมจะเป็นในลักษณะว่า “โทษทัณฑ์เห็นควรเหมาะสมแล้ว” หรือ “ไม่เห็นควรอภัยโทษ” นั้น นางพงษ์สวาทแจงว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมจะเป็นผู้พิจารณาอีกที แต่เราจะเป็นคนให้ข้อมูลประกอบ และท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมจะเป็นผู้พิจารณาอีกครั้ง จึงจะมีการนำเสนอไปตามขั้นตอนปกติต่อไป

นายสมชาย แสวงการ อดีตสมาชิกวุฒิสภา (อดีต สว.) โพสต์ข้อความว่า คดีชั้น 14 ขอพระราชทานอภัยโทษซ้ำได้อีกหรือไม่ ทักษิณได้รับพระราชทานอภัยลดโทษไปแล้ว จึงไม่อาจขอพระราชทานอภัยโทษซ้ำได้อีก แม้เข้าเรือนจำเป็นนักโทษเด็ดขาดอีกครั้ง เขาก็ยังมีสิทธิ์เหมือนนักโทษทั่วไปที่จะได้รับพระราชทานอภัยโทษเป็นการทั่วไปในวาระสำคัญต่างๆ เพราะเหลือโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี เขาควรรอการพระราชทานอภัยโทษเป็นการทั่วไปเช่นเดียวกันกับนักโทษคนอื่น มิใช่การยื่นซ้ำ แบบที่เสนอผ่านผู้บัญชาการเรือนจำ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ปลัดกระทรวง ยธ. และอดีต รมต.ยธ.ตามที่ยื่นผ่านมา ซึ่งจะอ้างเป็นสิทธิ์ผู้ต้องขังทุกคนมิได้ เพราะเป็นการกระทำที่กรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม ต้องตรวจสอบความชอบด้วยกฎหมายประกอบคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญานักการเมือง ที่มีคำสั่งบังคับคดีให้กลับไปรับโทษในเรือนจำ 1 ปี

ด้วยเหตุไม่มีการบังคับโทษจริงๆ โดยต้องพิจารณาจากประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาอาญาให้รอบคอบชัดเจนด้วย ส่วนตัวผมจึงมีความเห็นว่า เรื่องนี้ผู้เกี่ยวข้องควรพิจารณาไม่นำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย เพราะน่าจะเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง อาจเป็นเรื่องมิบังควรและสร้างความระคายเคืองได้ครับ

ด้าน นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี ได้ออกมาโพสต์ข้อความตั้งคำถามว่า ยังเชื่อนายทักษิณได้ไหม หลังจากที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำสั่งให้นายทักษิณไปจำคุก 1 ปี เพราะที่ผ่านมายังไม่ได้จำคุก ผมก็ไม่ได้ไปติดตามเรื่องของนายทักษิณอีกเลย มาเห็นข่าวที่เผยแพร่ที่เขาทำเรื่องขอพระราชทานอภัยโทษ เมื่อได้อ่านเอกสาร 11 หน้า ที่เผยแพร่ผ่านสื่อ แค่หน้าแรกที่อ่านก็มีประเด็นน่าสนใจ อ่านแล้วรู้สึกสะดุดในเนื้อหาคือ

“ปัจจุบันตนมีอายุมาก และมีปัญหาด้านสุขภาพ เนื่องจากชราภาพ แต่กลับต้องถูกคุมขังอยู่ภายในเรือนจำ ทำให้มีความทุกข์ทรมานทั้งร่างกายและจิตใจอย่างสาหัส มิรู้ว่าจะมีโอกาสนำพาชีวิตกลับสู่ภายนอกอีกหรือไม่ บัดนี้ตนรู้สึกสำนึกในการกระทำความผิดดังกล่าวแล้ว และจะจดจำไว้จนกว่าชีวิตจะหาไม่ จึงขอพระมหากรุณาเป็นที่พึ่งขอพระราชทานอภัยโทษ”

ผมอยากถามความเห็นของพี่น้องประชาชน ที่ได้เห็นการกระทำครั้งก่อนของนายทักษิณที่ได้รับพระราชทานอภัยลดโทษ และศาลฎีกามีคำสั่งให้มาจำคุก 1 ปี เชื่อหรือว่านายทักษิณอ้างว่า “ตนรู้สึกสำนึกในการกระทำความผิดดังกล่าวแล้ว และจะจดจำไว้จนกว่าชีวิตจะหาไม่”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจเฟซบุ๊กพรรคเพื่อไทย โพตส์คลิปความยาว 23 นาที ที่กล่าวโดย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมข้อความระบุว่า ในระยะเวลาการทำงาน 2 ปี ของรัฐบาลภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทย พรรคเพื่อไทยได้เข้าขับเคลื่อนนโยบาย และเข้ารับมือกับวิกฤตการณ์ รวมถึงเข้าคลี่คลายปัญหาต่างๆ โดยมีคำมั่นสัญญาหลักที่เราได้ให้ไว้กับพี่น้องประชาชนคือ การมีคุณภาพชีวิตและการกินดีอยู่ดีเป็นปลายทางสำคัญ แม้ว่าเราจะต้องหยุดการทำงานโดยฉับพลัน แต่พรรคเพื่อไทยยังมีภารกิจที่ได้ทำค้างไว้​ ในโอกาสนี้พรรคเพื่อไทยจึงเสนอ ‘เพื่อไทยจะกลับมา’ ซีรีส์ที่จะรวบรวมเสียงของคนเพื่อไทยที่มีโอกาสได้ทำงานตลอดระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา เพื่อเป็นการยืนยันความพร้อม และเป็นการให้คำมั่นกับพี่น้องประชาชนว่า เราจะกลับไปเดินหน้าและสานต่องานที่ได้ทำไว้ เมื่อเราได้รับโอกาสและความไว้วางใจจากพี่น้องประชาชนอีกครั้ง โดยเสียงแรกที่จะกลับมาคือ เสียงของ ‘แพทองธาร ชินวัตร’ นายกรัฐมนตรีคนที่ 31 นายกรัฐมนตรีหญิงที่อายุน้อยที่สุดของประเทศไทย พูดคุยถึงปัญหาความไม่แน่นอนของการเมืองไทย การทำงานท่ามกลางภาวะวิกฤตน้อยใหญ่ ไปจนถึงหลักการสำคัญที่อยู่ในสายเลือดเพื่อไทย ที่ยังคงไหลเวียนสืบเนื่องมาตั้งแต่ยุคไทยรักไทย

“ดิฉันเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่า ถ้าพรรคเพื่อไทยได้กลับมามีโอกาสทำงานอีก ถึงแม้ตัวดิฉันเองจะไม่ได้เป็นนายกฯ แต่ DNA นี้ยังอยู่กับพรรคเพื่อไทย การที่จะให้พี่น้องประชาชนได้รับประโยชน์สูงสุด การวางรากฐานเพื่อลูกหลานในอนาคต นั่นคือสิ่งที่อยู่ในใจของพรรคเพื่อไทย ตั้งแต่ 20 กว่าปีที่แล้วจนถึงอนาคต พรรคของเรายังมี DNA ที่มั่นคงว่าการทำเพื่อประชาชนคือสิ่งที่สำคัญที่สุด” น.ส.แพทองธารกล่าว.