
“อนุทิน” หอบคณะลงพื้นที่ จชต. ถกความมั่นคง เยี่ยมคนเจ็บเหตุรุนแรง กำชับผู้ว่าฯ ตำรวจ ทหาร ดูแลความปลอดภัย ปชช. สั่งการ 3 ข้อ ยกระดับการข่าวเร็วกว่าผู้ก่อเหตุ-บังคับใช้กม.เท่าเทียม-ทำงานเป็นเนื้อเดียวกัน
เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2568 ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมือง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย พร้อม พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมว.กลาโหม, นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รมว.การต่างประเทศ, นายทรงศักดิ์ ทองศรี รมช.มหาดไทย, นายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ, พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา หัวหน้าคณะพูดคุยสันติสุขชายแดนใต้ และคณะ ลงพื้นที่ตรวจราชการ จ.ปัตตานีและสงขลา โดยเดินทางจาก บน.6 ดอนเมือง กรุงเทพฯ ไปท่าอากาศยานทหาร กองบิน 56 ต.โคกม่วง อ.คลองหอยโข่ง จ.สงขลา ปฏิบัติภารกิจแรกเป็นประธานการประชุมฝ่ายความมั่นคงในพื้นที่ ที่ห้องประชุม 1 ค่ายสิรินธร ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี จากนั้นช่วงบ่ายนายกฯ พร้อมคณะตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ ที่ รพ.สงขลานครินทร์ ต.คอหงส์ อ.หาดใหญ่ ก่อนเดินทางกลับกรุงเทพฯ ช่วงเย็นวันเดียวกัน
โดยนายอนุทินให้สัมภาษณ์ก่อนลงพื้นที่ว่า การลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้วันนี้ จะไปตรวจความพร้อมและจะลงไปดูเรื่องของสถานการณ์ที่เกิดเหตุอยู่ 2-3 ครั้ง รวมถึงเรื่องปล้นร้านทองที่ อ.สุไหงโก-ลก จะต้องดูและกำชับตำรวจให้มีความเข้มงวดในการดูแลประชาชน และเยี่ยมทหารที่เคราะห์ร้าย และวันนี้มีทีมหัวหน้าพูดคุยสันติสุขฯ ที่จะลงไปดูและรับฟังสถานการณ์ รวมถึงความพร้อมของฝ่ายความมั่นคง ตำรวจ เรื่องการรักษาความปลอดภัยของพื้นที่
ผู้สื่อข่าวถามว่า รมว.การต่างประเทศลงพื้นที่ไปกับคณะด้วย จะประสานไปยังผู้อำนวยความสะดวกในการพูดคุยสันติสุขหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า การประสานงานเกิดขึ้นตลอดเวลาอยู่แล้ว วันนี้ รมว.การต่างประเทศ ทราบว่าตนจะลงพื้นที่พร้อม รมว.กลาโหม จึงขอลงพื้นที่ไปดูด้วยกัน
ที่ค่ายสิรินธร อ.ยะรัง จ.ปัตตานี นายกฯ กล่าวในที่ประชุมว่า รัฐบาลให้ความสำคัญสูงสุดกับอธิปไตยของชาติ ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน รวมถึงเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ทุกคน ซึ่งตนมีความผูกพันกับทุกคนในพื้นที่ตั้งแต่เป็น รมว.สาธารณสุข และ รมว.มหาดไทย ในรัฐบาลก่อน ทั้งความสัมพันธ์จากหน้าที่ ความจริงใจ มิตรภาพที่ดี เป็นพี่น้องที่ทำงานอย่างไว้เนื้อเชื่อใจและอบอุ่น กองทัพ ตำรวจ ปกครอง และฝ่ายสนับสนุน จะมีความสัมพันธ์แนบแน่นในรัฐบาลของตน
ในการฝึกกำลัง อส. ก็ได้รับการสนับสนุนจากกองทัพ ทำให้พวกเขามีศักยภาพในการดูแลประชาชนเพื่อแบ่งเบาภาระหน้าที่ของพี่น้องทหารทั้งหลาย ซึ่งตนได้มอบนโยบายให้ อส.เป็นกำลังหลักในการสนับสนุนบทบาทของทหารหาญในการพิทักษ์พื้นที่ส่วนหลัง ดูแลชีวิตพี่น้องประชาชน เพื่อไม่ให้พี่น้องทหารต้องกังวลและห่วงในความปลอดภัยญาติพี่น้องและประชาชน ดังนั้นนับจากนี้ยังคงขับเคลื่อนนโยบายนี้ต่อไปอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ พร้อมสนับสนุนหน้าที่ในการปฏิบัติเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ เป้าหมาย และรักษาอธิปไตยของชาติไว้เหนือสิ่งอื่นใด เราจะแก้ไขปัญหาชายแดนภาคใต้และพื้นที่อื่นๆ ให้เกิดผลอย่างเป็นเอกภาพ และประสานสอดคล้องกันอย่างเป็นรูปธรรมและมีประสิทธิภาพ" นายกฯ กล่าว
เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา
จากนั้นนายอนุทินและคณะรับฟังรายงานสรุปแผนขับเคลื่อนเสริมสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 โดยน้อมนำหลักการตามพระราชดำริ "เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา และหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง" เป็นยุทธศาสตร์หลักในการแก้ไขปัญหา รวม 8 ด้าน ครอบคลุมทั้งด้านความมั่นคงและสังคม ใช้การเมืองนำการทหาร รวมทั้งการเสริมกำลังทหารด้วยกำลังพลสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน (อส.) กระทรวงมหาดไทย ที่เน้นปฏิบัติการเชิงรุก เสริมสร้างความเข้าใจ การพบปะประชาสัมพันธ์สร้างสันติสุข การคุ้มครองดูแลครูและนักเรียน พร้อมกำหนดตัวชี้วัดนายอำเภอในพื้นที่ในฐานะ ผอ.ศปก.ประจำอำเภอ รวมถึงผู้กำกับการสถานีตำรวจในพื้นที่ เพื่อให้เกิดการปฏิบัติการอย่างมีประสิทธิภาพ
พร้อมทั้งรับฟังรายงานสถานการณ์ในพื้นที่ ทั้งนี้ นายกฯ ได้มีข้อสั่งการ 3 ข้อ เพื่อแก้ไขปัญหาอย่างมีประสิทธิภาพ ได้แก่ 1.ยกระดับงานด้านการข่าวเชิงรุก ด้วยการทำงานให้เร็วกว่าผู้ก่อเหตุหนึ่งก้าวเสมอเป็นอย่างน้อย มีการบูรณาการงานข่าวของทุกหน่วยงานอย่างไร้รอยต่อ เพื่อคาดการณ์ ป้องกัน และหยุดยั้งแผนการต่างๆ ให้ได้ก่อนที่เหตุจะเกิด 2.บังคับใช้กฎหมายอย่างเท่าเทียม กฎหมายต้องเป็นกฎหมาย ประชาชนผู้บริสุทธิ์ต้องได้รับการคุ้มครอง ขณะเดียวกันผู้ที่กระทำผิดและใช้ความรุนแรงจะต้องถูกนำเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมอย่างเด็ดขาดและเข้มงวด ซึ่งภาครัฐต้องสร้างความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมกับผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด โดยเฉพาะพี่น้องประชาชน และ 3.ผนึกกำลังทุกภาคส่วนอย่างเป็นเอกภาพ โดยทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง และภาคประชาชน ต้องทำงานเป็นเนื้อเดียวกัน ทั้งการตั้งจุดตรวจ การลาดตระเวน และการดูแลชุมชน ต้องประสานสอดคล้องกัน เพื่อปิดช่องว่างการทำผิดกฎหมายให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
รัฐบาลพร้อมที่จะเดินหน้า
จากนั้นนายกฯ ย้ำว่า ขอให้ทุกท่านเห็นว่าภารกิจของเราในวันนี้ไม่ใช่เพียงความรักษาความสงบ แต่เป็นการสร้างอนาคตใหม่ให้ชายแดนใต้ รัฐบาลพร้อมที่จะเดินหน้าเคียงข้างการทำงาน ขอใช้โอกาสนี้เน้นย้ำความสำคัญของกระบวนการพูดคุยสันติสุข ซึ่งเชื่อมาตลอดว่าการพูดคุยจะมีส่วนสำคัญในการที่จะช่วยลดเหตุรุนแรงและสร้างความสันติสุขอย่างยั่งยืนให้เกิดขึ้นในพื้นที่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ในอนาคตอันใกล้
นายอนุทินยังให้สัมภาษณ์ถึงเหตุปล้นทองที่นราธิวาส และเหตุระเบิดหลายจุดใน จ.ยะลา ว่าตำรวจภูธรภาค 9 ดำเนินการอย่างเต็มที่ และพื้นที่สามจังหวัดใต้มักเกิดเหตุบ่อย เพราะภูมิประเทศเอื้ออำนวยให้ผู้กระทำผิดสามารถข้ามแดนได้ทันทีในระยะเวลาอันสั้น สิ่งเหล่านี้เราต้องตั้งชุดตรวจลาดตระเวน ซีลช่องทางออกตามธรรมชาติให้ได้มากที่สุด และขอความร่วมมือทุกภาคส่วนให้บูรณาการการทำงานรักษากฎหมายให้เข้มข้น
การก่อเหตุในช่วงเปลี่ยนถ่ายกำลังพลถือเป็นการท้าทายหรือไม่นั้น เราอ่านใจเขาไม่ได้ อาจเป็นสิ่งที่เขาวางแผนไว้แล้ว แต่มาสอดคล้องกับจังหวะพอดีที่มีการเปลี่ยนผ่าน ทั้งแม่ทัพภาคที่ 4 เลขาธิการ ศอ.บต. ผู้ว่าราชการจังหวัด หรือแม้กระทั่งนายกฯ เราไม่มีช่วงทดลองงาน เข้ามาต้องทำงานได้เลย จะไม่บอกว่าเพราะเราเข้ามาใหม่เกิดก่อนแล้ว 2-3 เดือนค่อยว่าใหม่ ไม่ใช่แน่นอน หากมีคนที่เข้ามาใหม่ก็ต้องดำเนินการอย่างเต็มที่ เอาคนผิดมาลงโทษตามกฎหมายให้เร็วที่สุด
ให้ทำในภาพรวม
ด้าน พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา หัวหน้าคณะพูดคุยสันติสุขชายแดนใต้ ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการจัดตั้งคณะพูดคุยว่า ขณะนี้รอคำสั่งอยู่ เมื่อคำสั่งเสร็จแล้วก็จะมีองค์ประกอบที่คล้ายๆ กับของเดิม โดยตนจะเชิญผู้ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านมาร่วม ซึ่งนายกฯ ระบุเรื่องการแก้ไขปัญหาภาคใต้ขอให้ทำในภาพรวม หมายความว่าการพูดคุยก็เป็นส่วนหนึ่ง และมีองค์ประกอบอื่นๆ เช่น การทำงานของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.) กองทัพ ตำรวจ กระบวนการยุติธรรม ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) และอีกหลายองค์ประกอบ
หัวหน้าคณะพูดคุยสันติสุขฯ กล่าวว่า หน้าที่ของตนคือการไปช่วยบูรณาการให้สิ่งเหล่านี้ไปทิศทางเดียวกัน เพื่อเป็นประโยชน์ต่อการพูดคุย เพราะหากไปพูดคุยเพียงลำพังก็จะไม่มีหน้าตักที่จะไปคุยกับเขา ฉะนั้นเราจะต้องใช้องคาพยพทุกๆ ฝ่าย ซึ่งตนจะดูเฉพาะระหว่างประเทศและประเทศเพื่อนบ้าน กอ.รมน.ภาค 4 จะดูภายในประเทศ ส่วนที่เป็นรอยต่อตรงกลางกองทัพจะเข้ามาช่วยดูแล
เมื่อถามว่า มาเลเซียยังจะเป็นผู้อำนวยการสะดวกใช่หรือไม่ พล.อ.สมศักดิ์กล่าวว่า ช่วงนี้เรามีเวลาไม่มากนัก ก็ไม่อยากเปลี่ยนแปลงอะไรมาก ก็ต้องใช้บริการเขาไปก่อน และต้องบอกให้เขาเห็นถึงความจำเป็นที่เราจะต้องกำหนดบทบาทฝั่งไทยให้มากขึ้น เพราะที่ผ่านมาเราจะไปคล้อยตามเขามากเกินไป ก็ต้องมีความเข้มข้นฝั่งเราให้มากขึ้น หรือหากมีความจำเป็นต้องใช้เครื่องมืออำนวยความสะดวกเพิ่มเติม อาจจะต้องคุยกับเขาอีกครั้ง เพราะในช่วงนี้ไม่รู้ว่าจะต้องใช้เวลามากเท่าไหร่ ก็ต้องใช้บริการเขาไปก่อน
ถามว่า คณะพูดคุยจะมุ่งเจรจาไปยังกลุ่มบีอาร์เอ็นหรือไม่ หัวหน้าคณะพูดคุยสันติสุขฯ ตอบว่า จะพยายามพูดคุยกับทุกๆ กลุ่ม แต่กลุ่มบีอาร์เอ็นมีการพูดคุยกันมาสักพักใหญ่แล้ว ก็ต้องพูดคุยกับเขาก่อน แต่ไม่ได้แปลว่าจะเป็นกลุ่มเดียวที่เราจะพูดคุยด้วย ถ้ามีความคืบหน้าอะไรจะมีการแจ้ง.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'อนุทิน' ยันยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้วยังฟื้นฟูหาดใหญ่ต่อ จ่อขนนักวิชาการลงพื้นที่ถอดบทเรียน
'อนุทิน' ยอมรับยังกังวลน้ำท่วมหาดใหญ่ ยัน ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้วยังฟื้นฟู-เยียวยาต่อ หยอด อำนาจอยู่ที่ มท.1แล้ว 'นายกฯ คงไม่ขัดอะไร' เผยขั้นตอนนำผู้ประสบภัยกลับบ้าน ทำไปแล้วกว่า 90% จ่อขนกองทัพนักวิชาการลงพื้นที่ถอดบทเรียนพรุ่งนี้
'จตุพร' แนะ 'อนุทิน' อย่ามัวแต่พูดอธิบายภาพ 'เบน สมิธ' ต้องรุกกลับปราบสแกมเมอร์ให้สิ้นซาก
'จตุพร' แนะ 'อนุทิน' อย่าพะวงกับรูปถ่ายร่วมเฟรม 'เบน สมิธ' อย่ามัวแต่พูดอธิบายภาพ อ้างไม่สนิท จี้ปฏิบัติให้จริง รุกกลับปราบ'แก๊งสแกมเมอร์' ให้ราบคาบจากไทย ลั่นรู้นะ คนปล่อยรูปหวังทำลายการเมือง
เปิดสภา10ธค. แก้รธน.วาระ2 แนะโหวตต้นมค.
"ปธ.วันนอร์” นัดประชุมรัฐสภา 10-11 ธ.ค. ถกแก้ รธน.วาระสอง
ปลุกชรบ.ชายแดนพร้อมรุกรบ
กรมพระศรีสวางควัฒนฯ พระราชทานเงิน 121,089,300 บาท
หนูโต้ไม่ให้สัญชาติเบนสมิธเหตุพ้นมท.1
วงแตก! “อนุทิน” รับรู้จัก “เบน สมิธ” แต่ไม่สนิท ไม่มีธุรกิจร่วมกัน
จ่ายศพละ2ล.อีก8จว. ขยายเยียวยานํ้าท่วมใต้ ตั้ง5อนุครบวงจรใช้ทุกที่
นายกฯ ประเดิมนั่งหัวโต๊ะถอดบทเรียนรับมือมหาอุทกภัย ตั้ง 5 อนุกรรมการแก้ครบวงจร พยากรณ์-เตือนภัย-เยียวยา


