ปูทางลงนามสันติภาพไทย-กัมพูชา “เจบีซี” เห็นชอบสำรวจ-วางหมุดชั่วคราวหนองหญ้าแก้ว-หนองจาน ขณะที่ “จีบีซี” บรรลุ 4 ข้อ ทำแผนถอนอาวุธหนัก "มทภ.2-ผบ.ภูมิภาคที่ 4" ถกรายละเอียด 25 ต.ค. ส่ง AOT ติดตามผล พร้อมตั้ง "กกล.ฉก.ร่วม ตร.ปราบไซเบอร์สแกม “ฮุน มาเนต” แจงประชาชนไม่ได้นำดินแดนไปแลกกับการลงนามสันติภาพ อ้างวางหมุดชั่วคราวใช้แผนที่ 1:2 แสน ขณะที่ “วีระ สมความคิด” ระดมพลลุย ชี้ “เจบีซี” เสียท่า ด้าน “สม รังสี” ปลุกผีรัฐบาลพลัดถิ่น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 00.34 น. วันที่ 23 ต.ค.2568 กระทรวงการต่างประเทศได้เผยแพร่ผลการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ ซึ่งจัดขึ้นที่ จ.จันทบุรี ระหว่างวันที่ 21-22 ต.ค.2568 ฝ่ายไทยนำโดยนายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ที่ปรึกษากระทรวงการต่างประเทศด้านเขตแดน ประธานคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย- กัมพูชา (ฝ่ายไทย) และฝ่ายกัมพูชานำโดยนายฬำ เจีย รัฐมนตรีรับผิดชอบสำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งชาติกัมพูชา ประธานคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา โดยการประชุมเป็นไปภายใต้บรรยากาศแห่งมิตรภาพและฉันมิตร
ทั้งสองฝ่ายได้มอบหมายให้คณะอนุกรรมาธิการเทคนิคร่วม (Joint Technical Sub-Commission: JTSC) ดำเนินการสร้างหลักเขตแดนใหม่เพื่อทดแทนหลักเขตแดนเดิมที่ชำรุดหรือสูญหาย 15 หลัก ซึ่งสองฝ่ายมีความเห็นตรงกันแล้ว ให้กลับคืนสู่ที่ตั้งและตำแหน่งเดิม พร้อมกับจัดทำหลักเขตแดนเพื่อเปลี่ยนหรือทดแทนหลักเขตแดนเดิมที่จมน้ำ 3 หลัก โดยจะกำหนดตำแหน่งที่ตั้งใหม่ร่วมกันในภายหลัง นอกจากนั้น ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องให้เร่งรัดการแก้ไข Terms of Reference 2003 (TOR 2003) เกี่ยวกับการจัดทำแผนที่ภาพถ่าย (Orthophoto Maps) เพื่อนำเทคโนโลยีใหม่ เช่น Light Detection and Ranging (LiDAR) มาใช้ในการทำแผนที่ภาพถ่าย เพื่อให้การสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนเป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
เกี่ยวกับการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดน ระหว่างหลักเขตแดนที่ 42 ถึง 47 บริเวณบ้านหนองจานและบ้านหนองหญ้าแก้วนั้น ให้ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะหารือเพื่อให้ได้ข้อสรุปเกี่ยวกับคำแนะนำทางเทคนิค (Technical Instruction: TI) สำหรับการสำรวจและวางหมุดชั่วคราวในพื้นที่ภูมิประเทศที่มีความเร่งด่วนในบริเวณหลักเขตแดนที่ 42 ถึง 47 และเมื่อทั้งสองฝ่ายดำเนินการสำรวจและวางหมุดชั่วคราวเสร็จสิ้นแล้ว จะนำผลการสำรวจดังกล่าวเสนอต่อรัฐบาลเพื่อขอความเห็นชอบ เพื่อกำหนดกลไกที่เหมาะสมสำหรับการปรับการถือครองที่ดินของทั้งสองฝ่ายต่อไป
สำหรับการวางหมุดชั่วคราวนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อการสำรวจเท่านั้น และจะไม่กระทบต่อสิทธิของไทยและกัมพูชาในเรื่องเขตแดนทางบกตามกฎหมายระหว่างประเทศ และทั้งสองฝ่ายตกลงจะกำชับให้หน่วยงานท้องถิ่น ทั้งฝ่ายทหารและพลเรือน รับประกันความปลอดภัยให้กับชุดสำรวจจากทุ่นระเบิด ตามข้อ 3 ของ MOU 2543 และเพื่อให้ชุดสำรวจสามารถปฏิบัติงานได้โดยปราศจากการขัดขวางและการยั่วยุที่อาจส่งผลให้เกิดความตึงเครียดเพิ่มเติมในบริเวณดังกล่าว โดยทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะจัดการประชุม JBC ครั้งต่อไปในสัปดาห์แรกของเดือนมกราคม 2569 ที่เมืองเสียมราฐ ประเทศกัมพูชา
ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้นำคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป ไทย-กัมพูชา หรือ GBC สมัยพิเศษ ครั้งที่ 2/2568 ระดับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ฝ่ายกัมพูชา นำโดย พล.อ.เตีย เซ็ยฮา รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกัมพูชา โดย พล.อ.ณัฐพลแถลงว่า การประชุมวันนี้มีความคืบหน้า โดยฝ่ายไทยได้โน้มน้าวให้ฝ่ายกัมพูชายึดถือ 4 ประเด็นเดิม แต่ลงลึกในรายละเอียดยิ่งขึ้นเพื่อให้หน่วยปฏิบัติในพื้นที่ปฏิบัติได้อย่างเป็นรูปธรรม
'จีบีซี' บรรลุข้อตกลง 4 ข้อ
ประเด็นแรก การถอนอาวุธหนักออกจากพื้นที่ขัดแย้งทั้งสองฝ่าย ได้บรรลุข้อตกลงการจัดทำข้อกำหนดเงื่อนไขของงาน หรือ TOR สำหรับคณะผู้สังเกตการณ์อาเซียน หรือ ASEAN Observer Team - AOT และมีการลงนามของผู้แทนทั้งสองฝ่ายเรียบร้อยแล้ว โดย AOT จะมีหน้าที่สังเกตการณ์ความคืบหน้าการถอนอาวุธหนักของแต่ละฝ่าย และกำหนดกรอบเวลา เป้าหมายถอนอาวุธไว้เรียบร้อยแล้ว ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องในแผนปฏิบัติการ โดยมอบหมายให้แม่ทัพภาคที่ 2 และผู้บัญชาการภูมิภาคที่ 4 กัมพูชา ขับเคลื่อนแผนสู่การปฏิบัติ โดยจะหารือขั้นต้น 25 ต.ค.นี้ เพื่อสร้างความปลอดภัยให้ประชาชนแนวชายแดน เนื่องจากอาวุธกัมพูชาส่วนใหญ่ เช่น BM21 เป็นอาวุธที่มีอำนาจการทำลายเป็นวงกว้าง ยากแก่การควบคุมตำบลกระสุนตก จึงก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน รวมถึงเป้าหมายที่ไม่ใช่เป้าหมายทางทหาร เช่น บ้านเรือน ร้านค้า ไร่นา โรงเรียน โรงพยาบาล เป็นต้น
ประเด็นที่สอง เรื่องการเก็บกู้ทุ่นระเบิด สั่งการบุคคลทั้ง 2 ฝ่าย ประสบความสำเร็จในการจัดทำตามระเบียบมาตรฐาน หรือ (Standard Operating Procedure - SOP) สำหรับการเก็บกู้ทุนระเบิดในพื้นที่ชายแดน ทั้งในพื้นที่ที่มีการกำหนดเขตแดนชัดเจนแล้ว และพื้นที่ที่สองฝ่ายยังเห็นไม่ตรงกัน หลังจากนี้ชุดประสานงานของทั้งสองฝ่ายจะสามารถเริ่มปฏิบัติการเก็บกู้ได้ทันที ซึ่งที่ผ่านมาศูนย์ปฏิบัติการเก็บกู้ทุ่นระเบิด TMAC ฝ่ายไทย ไม่สามารถดำเนินการหรือเก็บกู้ได้อย่างเต็มที่ เนื่องจากมักถูกขัดขวางจากฝ่ายกัมพูชาหลายครั้งเมื่อเราเข้าไปใกล้พื้นที่ชายแดน แต่ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่ฝ่ายกัมพูชายอมที่จะนำประเด็นการเก็บกู้ทุ่นระเบิดมาพูดคุยในรายละเอียดอย่างจริงจัง
ประเด็นที่สาม การปราบปรามขบวนการไซเบอร์สแกม เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่เราได้ความคืบหน้าจากฝ่ายกัมพูชา โดยหน่วยงานตำรวจทั้งสองฝ่ายได้ร่วมกันจัดทำแผนปฏิบัติการ (Action Plan) เรียบร้อยแล้ว หลังจากนี้ทั้งสองฝ่ายจะจัดตั้ง ‘กองกำลังเฉพาะกิจร่วม’ ภายใน 2 สัปดาห์ เพื่อเริ่มกวาดล้างแกนนำหรือผู้ที่เกี่ยวข้องกับขบวนการไซเบอร์สแกมได้ต่อไป ซึ่งต้องยอมรับว่ามีขบวนการบางส่วนเดินทางไปมาทั้งสองประเทศด้วยวิธีต่างๆ นอกจากนี้ได้ตกลงร่วมกันเกี่ยวกับขั้นตอนที่ชัดเจนในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร หลักฐาน พยาน เหยื่อที่ถูกหลอกลวง และผู้ต้องหา รวมถึงการคุ้มครองพยาน เพื่อทำให้การทำงานของตำรวจรวดเร็วยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นภัยคุกคามที่สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนทุกคน ส่งผลต่อเศรษฐกิจของประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียนและพื้นที่อื่นๆ ทั่วโลก
ประเด็นที่สี่ การจัดการพื้นที่หมู่บ้านชายแดน จ.สระแก้ว ตามข้อมูลข้างต้นในการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม หรือ JBC นำโดยกระทรวงการต่างประเทศ ได้มีผลลัพธ์เชิงบวกสำคัญที่สามารถทำให้หน่วยในพื้นที่นำไปปฏิบัติได้อย่างเป็นรูปธรรม โดยทั้งสองฝ่ายเห็นชอบที่จัดส่งเจ้าหน้าที่ของตนลงพื้นที่ไปสำรวจแนวเส้นที่แต่ละฝ่ายอ้างสิทธิ์ โดยจะทำการสำรวจร่วมจากหลักเขตที่ 42 ถึง 47 ช่วงบ้านหนองจาน และบ้านหนองหญ้าแก้ว อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่ฝ่ายกัมพูชายินยอมร่วมมือกับฝ่ายไทยในการลงพื้นที่เดินสำรวจแนวเส้นอ้างสิทธิ์และวางหมุดชั่วคราวไว้ที่แน่ชัดด้วยกัน อันจะทำให้แต่ละฝ่ายยอมรับขอบเขตที่เกิดขึ้น ตามผลการสำรวจและจะนำไปสู่การปักการถือครองที่ดินของทั้งสองฝ่ายต่อไป ซึ่งการวางหมุดชั่วคราวนี้เป็นเพื่อการสำรวจเท่านั้น และจะไม่กระทบต่อสิทธิ์ของไทยเรื่องเขตแดนทางบก ทางกฎหมายระหว่างประเทศแต่อย่างใด
นอกจากนี้ ฝ่ายไทยจะดำเนินการสร้างรั้วชายแดนในบริเวณที่มีความชัดเจนของเส้นเขตแดนแล้ว โดยยืนยันว่ารั้วดังกล่าวอยู่ภายในเขตอธิปไตยของไทย เพื่อประโยชน์ในการรักษาความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อยตามแนวชายแดน และป้องกันภัยคุกคามการข้ามแดนระหว่างทั้งสองประเทศ
'ทรัมป์' เป็นพยานลงนาม
“ฝ่ายไทยขอยืนยันว่า เราต้องการเห็นความคืบหน้าในทุกเรื่องตามที่กล่าวมาแล้ว จึงจะพิจารณายุติความเป็นปรปักษ์ต่อกัน ดังนั้นจึงขอเรียกร้องให้ฝ่ายกัมพูชาให้แสดงความจริงใจให้ปฏิบัติตามผลประชุม GBC ในครั้งนี้ เพื่อนำสันติสุขกลับสู่ประชาชนทั้งสองประเทศ ตลอดจนภูมิภาคอาเซียนในภาพรวม ผมขอยืนยันในนามของรัฐบาลและกระทรวงกลาโหม จะพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งอธิปไตยและประโยชน์ของชาติและประชาชน คำนึงถึงเกียรติภูมิของประเทศไทยเป็นสำคัญ” พล.อ.ณัฐพลระบุ
ที่พระลานพระราชวังดุสิต นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รมว.การต่างประเทศ เปิดเผยถึงการลงนามประกาศความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา เพื่อแก้ไขปัญหาสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ในห้วงการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ที่จะเกิดขึ้นที่ประเทศมาเลเซีย ระหว่างวันที่ 25-28 ต.ค.68 ว่า เมื่อวันที่ 22 ต.ค. มีการประชุม GBC ไทย-กัมพูชา ซึ่งทุกอย่างที่ประเทศไทยให้ความสำคัญค่อนข้างลงตัวแล้ว และทุกอย่างตกลงกันได้ในระดับหนึ่ง ทั้งการถอนอาวุธหนัก การเก็บกู้ทุ่นระเบิด และการกวาดล้างอาชญากรรมข้ามชาติ โดยมีแผนงานและแผนการดำเนินการอย่างเป็นขั้นตอน
รวมถึงการนำชาวกัมพูชาออกจากดินแดนที่เป็นพื้นที่ประเทศไทย ก็มีการพูดคุยแล้วเช่นเดียวกัน หลังจากนี้จะมีการทำงานและพูดคุยกันว่ามีจุดใดบ้างที่มีการรุกล้ำ และจะดำเนินการแก้ไขปัญหาต่อไป หากทุกอย่างเรียบร้อย ก็จะดำเนินการลงนาม ประกาศความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา ระหว่างนายกรัฐมนตรีไทยและนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ในห้วงการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนที่มาเลเซียในวันที่ 25 ต.ค.นี้ โดยมีนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา และนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย รวมทั้งผู้นำชาติสมาชิกอื่นๆ เป็นพยาน โดยเอกสารลงนาม จะมีแผนดำเนินการแนบว่าหลังจากนี้จะต้องมีการถอนอาวุธหนัก การเก็บกู้ทุ่นระเบิด รวมถึงการปราบปรามปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ ซึ่งจะมีแผนการดำเนินการและกรอบเวลาที่ชัดเจน
ขณะที่ พล.อ.ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา โพสต์เฟซบุ๊กกล่าวถึงความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาพื้นที่บ้านหนองจานและบ้านหนองหญ้าแก้ว (บ้านโจกเจยและบ้านเปรยจัน) โดยระบุว่า การแก้ไขปัญหาในหมู่บ้านโจกเจยและเปรยจันคืบหน้าไปมาก โดยทั้งสองฝ่ายสามารถใช้หลักกฎหมายเพื่อหารือและหาทางออกอย่างสันติ ทั้งนี้เป้าหมายของรัฐบาลตั้งแต่แรกเริ่มคือการป้องกันไม่ให้สถานการณ์ลุกลาม ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อประชาชนมากขึ้นเรื่อยๆ และรุนแรงขึ้น รัฐบาลได้ใช้แนวทางการแสวงหาทางออกโดยสันติวิธี เพราะการใช้ความรุนแรงใดๆ ไม่เพียงแต่ไม่สามารถหาทางออกได้เท่านั้น แต่ยังอาจนำไปสู่การขยายขอบเขตทางภูมิศาสตร์ของความขัดแย้ง และส่งผลกระทบร้ายแรงต่อประชาชนมากขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งยังทำให้การหาทางออกเพื่อยุติปัญหาได้อย่างรวดเร็วเป็นเรื่องยาก
“ผมเข้าใจความรู้สึกของประชาชน เพราะวิธีการอันโหดร้ายที่รัฐบาลเคยใช้ในอดีตบางครั้งก็ไม่ได้ผลตามที่เราต้องการในทันที แม้ว่าการหาทางออกดูเหมือนจะไร้ผล และการดำเนินการต่างๆ ที่เกิดขึ้นจริงกลับยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น แต่บางท่านอาจรู้สึกสิ้นหวังและคิดว่าคงไม่มีทางออก"
'ฮุน มาเนต' ยันไม่เสียดินแดน
นอกจากนี้ การกระทำบางอย่างของฝ่ายไทย เช่น การกำจัดทุ่นระเบิด การจัดสรรที่ดินให้พลเมืองไทย หรือการทำลายอาคารในพื้นที่ที่กองทัพไทยได้ล้อมไว้แล้ว ทำให้ประชาชนรู้สึกว่าอาจไม่มีทางแก้ไขได้ และบางคนถึงกับเข้าใจผิดว่ารัฐบาลกัมพูชาได้ตกลงแบ่งที่ดินของกัมพูชาไปแลกกับการหยุดยิงหรือข้อตกลงสันติภาพ
“ผมขอย้ำว่า ไม่มีเจตนาที่จะยกดินแดนภายใต้อำนาจอธิปไตยอันชอบธรรมของกัมพูชาให้กับประเทศใดๆ เพื่อแลกกับการหยุดยิงหรือการเจรจาสันติภาพ กัมพูชาไม่ได้ละเมิดอำนาจอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของประเทศเพื่อนบ้าน แต่กัมพูชาไม่ยินยอมให้มีการละเมิดอำนาจอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของกัมพูชา ปัญหาชายแดนเป็นปัญหาที่ซับซ้อนซึ่งตกค้างมานานหลายร้อยปี ซึ่งเราต้องร่วมกันแก้ไขเพื่อให้ประชาชนของทั้งสองประเทศสามารถอยู่ร่วมกันอย่างสันติตามแนวชายแดนได้ในระยะยาว”
อย่างไรก็ตาม แนวทางแก้ไขที่ยอมรับได้จะต้องตั้งอยู่บนหลักการแห่งความโปร่งใส ความเห็นพ้องต้องกันโดยปราศจากการบีบบังคับระหว่างทั้งสองฝ่าย และการใช้กลไกที่ตกลงกันไว้ รวมถึงบนพื้นฐานของสนธิสัญญา อนุสัญญา และข้อตกลงที่มีอยู่ระหว่างสองประเทศ
ในการประชุม JBC เป็นเวลา 2 วัน (21-22 ต.ค.68) ซึ่งสิ้นสุดลงในเวลาเที่ยงคืนของวันที่ 23 ต.ค.68 ทั้งสองฝ่ายได้หารือกันอย่างละเอียดถึงการหาแนวทางแก้ไขที่โปร่งใสและเป็นธรรมตามหลักการที่ตกลงกันไว้ โดยมีเป้าหมายเพื่อแก้ไขความขัดแย้งในหมู่บ้านโจกเจยและเปรยจัน (ระหว่างหลักเขตแดนหมายเลข 42 ถึง 47) เพื่อหาทางออกนี้ ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะทำงานร่วมกันในด้านเทคนิคต่อไป เพื่อกำหนดขนาดและกำหนดเขตแดนชั่วคราว โดยใช้แผนที่ 1/200,000 ของสนธิสัญญาปี 1907 และบันทึกการปักปันเขตแดนของคณะกรรมาธิการปักปันเขตแดนฝรั่งเศส-สยามเป็นพื้นฐาน ผลลัพธ์ที่ได้จะถูกตรวจสอบกับทรัพย์สินที่แท้จริงของประชาชนทั้งสองฝ่าย เพื่อการหาข้อยุติต่อไป
ขณะที่ นายวีระ สมความคิด โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊กว่า การประชุม JBC ครั้งล่าสุดที่จังหวัดจันทบุรี ไทยพลาดท่า (หรือเจตนาจะขายชาติ) ให้เขมรอีกแล้ว ทำให้กรณีปัญหาเขมรบุกรุกแย่งยึดแผ่นดินไทยบริเวณบ้านหนองจานและบ้านหนองหญ้าแก้วต้องยืดเยื้อออกไป และยิ่งเสี่ยงต่อการเสียแผ่นดินบริเวณดังกล่าวให้เขมรอย่างถาวร ดังนั้น ขอให้ประชาชนไทยผู้รักชาติทั้งหลาย ไปทำหน้าที่พลเมืองไทย ปกป้องอธิปไตยและรักษาผลประโยชน์ของชาติ ตามที่มีบัญญัติไว้ตามมาตรา 50 แห่งรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ประชาชนไทยผู้รักชาติจะเข้าไปทำการรื้อถอน ทำลาย บ้านเรือนของพวกทหารและประชาชนเขมรทั้งหมดที่เข้ามาบุกรุกแผ่นดินไทยบริเวณบ้านหนองจานให้หมดสิ้นไปจากแผ่นดินไทย พบกันที่บ้านหนองจาน ต.โนนหมากมุ่น อ.โคกสูง จ.สระแก้ว วันศุกร์ที่ 31 ต.ค.2568 เวลา 13.00 น.
ด้านนายสม รังสี อดีตผู้นำฝ่ายค้านกัมพูชา ซึ่งลี้ภัยที่ประเทศฝรั่งเศส เผยแพร่แถลงการณ์ในนาม สภาต่อต้านแห่งชาติกัมพูชา (Cambodia National Resistance Council : CNRC) ในโอกาสครบรอบ 34 ปี ข้อตกลงสันติภาพปารีสว่าด้วยกัมพูชา (23 ต.ค.2534) สภาต่อต้านแห่งชาติกัมพูชา (CNRC) ประกาศว่า จะปฏิบัติหน้าที่คณะรัฐมนตรีภายใต้ชื่อ "รัฐบาลกัมพูชาอิสระ 23 ตุลาคม" ความคิดริเริ่มนี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ CNRC ที่จะปฏิบัติหน้าที่อย่างมีความรับผิดชอบท่ามกลางวิกฤตการณ์ทางการเมืองของประเทศ และตอบสนองต่อเสียงเรียกร้องเร่งด่วนของชาวเขมรที่ต้องการผู้นำที่ชอบธรรม.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เปิดสภา10ธค. แก้รธน.วาระ2 แนะโหวตต้นมค.
"ปธ.วันนอร์” นัดประชุมรัฐสภา 10-11 ธ.ค. ถกแก้ รธน.วาระสอง
ปลุกชรบ.ชายแดนพร้อมรุกรบ
กรมพระศรีสวางควัฒนฯ พระราชทานเงิน 121,089,300 บาท
หนูโต้ไม่ให้สัญชาติเบนสมิธเหตุพ้นมท.1
วงแตก! “อนุทิน” รับรู้จัก “เบน สมิธ” แต่ไม่สนิท ไม่มีธุรกิจร่วมกัน
จ่ายศพละ2ล.อีก8จว. ขยายเยียวยานํ้าท่วมใต้ ตั้ง5อนุครบวงจรใช้ทุกที่
นายกฯ ประเดิมนั่งหัวโต๊ะถอดบทเรียนรับมือมหาอุทกภัย ตั้ง 5 อนุกรรมการแก้ครบวงจร พยากรณ์-เตือนภัย-เยียวยา
แบบพระเมรุมาศเสร็จม.ค. สานพระราชปณิธานผ้าไทย
"อธิบดีกรมศิลป์" เผยแบบก่อสร้างพระเมรุมาศ “พระพันปีหลวง” แล้วเสร็จ ม.ค.69
หนูคาดเบลต์กั๊กยุบสภา12ธ.ค.
"อนุทิน" ส่งสัญญาณ 12 ธ.ค. คาดเข็มขัดนิรภัย ปัดญาติดีเพื่อไทยหลีกทางยื่นซักฟอก บอกทำงานทุกวันไม่ได้คุย ขีดเส้นอยู่ไม่เกิน 31 ม.ค.


