คลังตีปี๊บ "คนละครึ่งพลัส" พร้อมใช้จ่ายวันแรก 6 โมงเช้า ร้านค้าแห่ร่วมโครงการคึกคัก 5.6 แสนราย รัฐบาลชวนลงทะเบียนเพิ่ม กระตุ้นเศรษฐกิจต่อยอดเฟส 2 "อรรถพล" ตรึงราคา LPG อยู่ที่ 423 บาท ต่ออีก 3 เดือน
เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า รัฐบาลมีความพร้อมแล้วในการดำเนินการโครงการคนละครึ่งพลัส โดยเริ่มใช้จ่ายวันแรกผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตัง ตั้งแต่ 6 โมงเช้าของวันที่ 29 ต.ค.เป็นต้นไป ซึ่งขณะนี้มีผู้ได้รับสิทธิ์ 20 ล้านคน แบ่งเป็นคนที่ยื่นภาษีได้รับเงิน 2,400 บาท จำนวน 7.93 ล้านคน และคนที่ไม่ยื่นภาษีได้รับ 2,000 บาท จำนวน 12.07 ล้านคน และจะใช้ได้จนถึง 31 ธ.ค.68
“ในการเปิดลงทะเบียนคนละครึ่งพลัสรอบนี้ มีคนลงทะเบียนทั้งสิ้น 20.19 ล้านคน และได้รับสิทธิ์ 20 ล้านคน ในจำนวนนี้ลงทะเบียนไม่สำเร็จ 1.94 แสนคน เนื่องจากเป็นผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 1.92 แสนคน เสียชีวิต 758 คน เคยทำผิดเงื่อนไข 191 คน และเกี่ยวข้องบัญชีม้า 341 คน” นายลวรณระบุ
ปลัดกระทรวงการคลังกล่าวว่า ปัจจุบันมีร้านค้าสมัครเข้าร่วมโครงการคนละครึ่งพลัสสำเร็จแล้วมากกว่า 5.6 แสนราย และมีอีกจำนวนหนึ่งรอการตรวจสอบคุณสมบัติอยู่ โดยรัฐบาลยืนยันว่าร้านที่เข้าร่วมครั้งนี้จะไม่มีการส่งข้อมูลยอดขายให้กับกรมสรรพากร โดยผู้ประกอบการร้านค้าที่สนใจ สมัครเข้าร่วมได้ถึงวันที่ 19 ธ.ค.2568 และเปิดรับสแกนรับเงินจากประชาชนได้จริงในวันที่ 29 ต.ค. ถึง 31 ธ.ค.2568
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เงื่อนไขการใช้จ่ายจะต้องใช้จ่ายซื้อสินค้าผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตัง ซึ่งรัฐบาลช่วยจ่ายให้ 50% และผู้ได้รับสิทธิ์ต้องจ่ายเอง 50% กำหนดให้ใช้วงเงินคนละครึ่งพลัสไม่เกินวันละ 200 บาท เมื่อรวมกับเงินของตัวเอง ไม่เกินวันละ 400 บาท แต่หากใช้เกินกว่านั้น ผู้ได้สิทธิ์จะต้องจ่ายเองโดยรัฐจะจ่ายให้ไม่เกินวันละ 200 บาท โดยใช้จ่ายได้กับร้านค้าที่เข้าร่วมตั้งแต่ 06.00-23.00 น. ของทุกวัน ห้ามรับหรือแลกเป็นเงินสดเด็ดขาด
สำหรับสินค้าและบริการที่สามารถใช้สิทธิ์ได้ จะต้องเป็นร้านที่เข้าร่วมคนละครึ่งพลัสเท่านั้น ได้แก่ ร้านอาหาร เครื่องดื่ม ขายสินค้าทั่วไป ของกินของใช้ในชีวิตประจำวัน ร้านคาเฟ่ บริการนวด สปา ทำเล็บ ทำผม บริการขนส่งสาธารณะ เช่น แท็กซี่มิเตอร์ รถตู้โดยสาร สามล้อสาธารณะ รถสองแถวรับจ้าง มอเตอร์ไซค์รับจ้าง รถไฟฟ้า รวมถึงบริการสั่งอาหารผ่านแพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรี ทั้งแกร็บ ไลน์แมน โรบินฮู้ด และช้อปปี้ฟู้ด อย่างไรก็ดี ในส่วนของสินค้าและบริการต้องห้ามที่ไม่สามารถใช้คนละครึ่งพลัสซื้อได้คือ สลากกินแบ่งรัฐบาล เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เหล้า เบียร์ ไวน์ ยาสูบ บัตรกำนัล บัตรเงินสด เป็นต้น
ด้านนายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย และรัฐบาล ขอบคุณประชาชนและร้านค้าที่ให้การตอบรับเข้าร่วมโครงการ “คนละครึ่งพลัส” เป็นจำนวนมาก โดยข้อมูล ณ วันที่ 28 ต.ค.2568 พบว่ามีร้านค้าที่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการทั้งหมด จำนวน 587,810 ราย แบ่งเป็น 1) ร้านค้าที่ลงทะเบียนสำเร็จแล้ว จำนวน 486,513 ราย (ร้านค้ารายเดิม จำนวน 93,920 ราย และร้านค้ารายใหม่ จำนวน 392,593 ราย) 2) ร้านค้าที่อยู่ระหว่างขั้นตอนการสมัคร จำนวน 101,297 ราย สำหรับร้านค้า ร้านบริการ ที่ยังไม่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ สามารถลงทะเบียนผ่านแอปถุงเงินได้จนถึงวันที่ 19 ธ.ค.2568 ส่วนร้านอาหาร/เครื่องดื่ม ที่สนใจเข้าร่วมโครงการเริ่มผูก Food Delivery Platform ได้ตั้งแต่วันที่ 3 พ.ย.เป็นต้นไป
ในส่วนของจำนวนผู้ลงทะเบียนเป๋าตัง ต้องใช้สิทธิ์ครั้งแรกภายในวันที่ 11 พ.ย. และผู้ที่ต้องการสั่งอาหาร/เครื่องดื่มผ่าน Food Delivery Platform สามารถสั่งผ่านแอปเป๋าตังได้ตั้งแต่วันที่ 7 พ.ย. จนสิ้นสุดโครงการ
“รัฐบาลขอเชิญชวนให้พ่อค้า แม่ค้า ร้านบริการนวด สปา รวมทั้งผู้ให้บริการรถรับจ้างสาธารณะต่างๆ เข้าร่วมโครงการคนละครึ่งพลัส เพื่อเป็นช่องทางหนึ่งในการเพิ่มรายได้ และมีโอกาสเข้าร่วมโครงการในเฟสที่ 2 ซึ่งจะเป็นการ Upskill Reskill เพื่อพัฒนาทักษะด้านการค้าขาย ซึ่งจะช่วยให้ค้าขายเก่งขึ้น ลดต้นทุน และใช้ดิจิทัลเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการทำมาค้าขาย สร้างรายได้ที่มั่นคงต่อไปในอนาคต ตามนโยบายของรัฐบาลที่มุ่งมั่นให้เกิดการกระตุ้นสั้น ได้ผลยาว และกระจายตัว” นายสิริพงศ์ระบุ
วันเดียวกัน นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า มีนโยบายในการตรึงราคาจำหน่ายไว้ที่ 423 บาทต่อถังขนาด 15 กิโลกรัมอีก 3 เดือน ในช่วงที่ยังดำรงตำแหน่ง รมว.พลังงงาน โดยอาจจะมีการพิจารณาเป็นรอบๆ ไปในแต่ละเดือน
ทั้งนี้ มติ กบน.รอบล่าสุดนั้น เห็นชอบให้กำหนดอัตราเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในส่วนของก๊าซหุงต้ม (LPG) เพื่อคงราคาจำหน่ายก๊าซ LPG อยู่ที่ 423 บาทต่อถังขนาด 15 กิโลกรัม ต่อไปอีก 1 เดือน (1-31 ต.ค.68) เพื่อบรรเทาภาระค่าครองชีพให้แก่ประชาชน โดยปัจจุบันประมาณการฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ณ วันที่ 19 ต.ค.2568 ติดลบอยู่ที่ 14,754 ล้านบาท แบ่งเป็น บัญชีน้ำมันบวก อยู่ที่ 26,910 ล้านบาท และบัญชีก๊าซ LPG ติดลบ อยู่ที่ 41,664 ล้านบาท.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ศก.สู่ยุคโตตํ่า! คุมเข้มร้านทอง กดเงินบาทแข็ง
"ผู้ว่าฯ แบงก์ชาติ" ห่วงเศรษฐกิจไทยเข้าสู่ยุคโตต่ำเป็น New Normal หลังกินบุญเก่ามานาน
ทุกพรรคจัดทัพลุยเลือกตั้ง
ทุกพรรคพร้อมลุยเลือกตั้ง! "อนุทิน” ยันแคนดิเดตนายกฯ ภท.ไม่มีเซอร์ไพรส์เพิ่ม
เลือก‘คำถามประชามติ’ สมควรมีรธน.ใหม่หรือไม่
ครม.เคาะเลือกคำถามประชามติ “สมควรมีรัฐธรรมนูญใหม่หรือไม่”
พระราชทานเหรียญทองราชินี
"ในหลวง" เสด็จฯ ไปส่ง “พระราชินี” ทรงแข่งเรือใบรอบชิงชนะเลิศแข่งขันกีฬาซีเกมส์
จีนทุบ‘สแกมโบเดีย’ ‘จงอี้’แฉโยงผลประโยชน์หลายมิติ/กห.ลั่นภารกิจใกล้เสร็จ
"หลิว จงอี้" ทุบโต๊ะ! รัฐบาลกัมพูชามีความเชื่อมโยงและมีผลประโยชน์ร่วมกับขบวนการสแกมเมอร์ในหลายมิติ
กนง.หั่นดอกเบี้ย0.25% เศรษฐกิจปี69-70โตตํ่า
"กนง." มติเอกฉันท์ ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่อปีลง 0.25% เหลือ 1.25% ต่อปี

