"ชนนพัฒฐ์" เผ่น! ไม่เข้าชี้แจง กมธ.มั่นคงฯ ด้าน “อัจฉริยะ-บิ๊กโจ๊ก” รวมหัวพาพยานปากเอกมาด้วย ยอมรับเป็นคนโอนเงินเว็บพนันเข้ากระเป๋าตำรวจ ขณะที่ ปปง.ระบุชัด “ชนนพัฒฐ์” เป็นเจ้าของเว็บจิมิ 88-จิมิ 44 "โรม" ซัด "ธรรมนัส" ไม่มีคุณสมบัติกับเก้าอี้รองนายกฯ อีกแล้ว ขู่ "อนุทิน" จะเอาแบบนี้ไหม
เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2568 ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ กล่าวว่า วาระการพิจารณา กมธ.มีการตรวจสอบนักการเมืองที่มีชื่อเกี่ยวโยงกับเว็บพนัน และมีการเชิญนายชนนพัฒฐ์ นาคสั้ว สส.สงขลา พรรคกล้าธรรม มาชี้แจงด้วย หลักๆ เป็นเรื่องของเว็บพนัน เส้นเงินที่เกี่ยวข้องกับนายชนนพัฒฐ์และนักการเมือง ส. และยังมีการเชื่อมโยงกับนายตำรวจ ทั้งอดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) และตำรวจ PCT 4 ซึ่งเราไม่ได้เชื่อทันที ต้องให้ทุกคนได้มาชี้แจงต่อ กมธ. และเมื่อดำเนินการไปแล้วก็คงต้องส่งต่อให้กับหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ ล่าสุด สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ได้ยึดอายัดทรัพย์นายชนนพัฒฐ์แล้ว ต้องดูทรัพย์ที่อายัดไปมีรายการอะไรบ้าง ถ้าทรัพย์ที่เกี่ยวกับสแกมเมอร์หรือเว็บพนัน น่าจะมีรูปแบบของคริปโตฯ
นายรังสิมันต์กล่าวต่อว่า นอกจากนายชนนพัฒฐ์แล้ว ยังมีนายสมยศ พลายด้วง สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ด้วย ซึ่งเบื้องต้นนายสมยศน่าจะมาไม่ได้ เพราะติดภารกิจต่างประเทศ ส่วนนายชนนพัฒฐ์ ก่อนที่จะมีการยึดอายัดทรัพย์ได้รับทราบว่าจะมาชี้แจง และจะมาพร้อมกับนายไผ่ ลิกค์ สส.กำแพงเพชร เลขาธิการพรรคกล้าธรรมด้วย แต่ก็ไม่รู้จะเปลี่ยนใจหรือไม่ เบื้องต้นยังไม่ได้รับการติดต่อว่าจะไม่มา
“อันนี้ก็ชวนคิดกันดีๆ เราต้องยอมรับว่าสังคมไทยประเทศไทยตอนนี้กำลังเผชิญหน้ากับสิ่งที่เรียกว่าทุนเทายึดประเทศ ถ้าเราไม่จัดการเรื่องนี้ดีๆ เราจะพบว่าท้ายที่สุดประเทศของเราอาจจะเต็มไปด้วยทุนสีเทาแล้วก็ได้”
นายรังสิมันต์กล่าวต่อว่า เรื่องเส้นทางการเงิน ตนมอบหมายให้นายปิยรัฐ จงเทพ สส.กทม. พรรคประชาชน เป็นผู้พิจารณารายละเอียด แต่อย่างไรก็ต้องฟังคำชี้แจงของผู้ร้องด้วย ทั้งนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม และ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล อดีตรอง ผบ.ตร.
ผู้สื่อข่าวถามว่า อยากเรียกร้องให้ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.เกษตรและสหกรณ์ เคลื่อนไหวอะไรหรือไม่ เขาตอบว่า มันคือการแสดงความรับผิดชอบ ไม่ใช่แค่เรื่องของลูกพรรคอย่างเดียว เพราะถ้าเป็นเรื่องของลูกพรรคอย่างเดียวก็คงมีกระบวนการอื่นจัดการได้ แต่วันนี้ประเทศไทยมีภัยคุกคามคือทุนสีเทา ร.อ.ธรรมนัสคือหนึ่งในตอสำคัญที่ทำให้คนที่มองประเทศไทยข้าราชการไทยไม่เชื่อมั่น
จะเอาแบบนี้ใช่มั้ย
“คุณธรรมนัสไม่มีคุณสมบัติที่เหมาะสมกับตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีอีกแล้ว จริงๆ ก่อนหน้านี้ก็อาจจะไม่เคยมี ฉะนั้นเมื่อมาถึงจุดนี้ คุณธรรมนัสต้องพิจารณาตนเอง ผมไม่เรียกร้องให้คุณธรรมนัสแสดงสปิริตอะไร ไม่ได้สนใจว่าคุณธรรมนัสจะมีหรือไม่มี แต่ตั้งคำถามกลับไปที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ว่าท่านจะเอาแบบนี้ใช่มั้ย จะปล่อยจอยกับเรื่องนี้ใช่มั้ย ผมคิดว่าการตัดสินใจแบบนั้นเป็นการตัดสินใจที่ทำร้ายประเทศไทย การตัดสินใจของนายกฯ แบบนี้เป็นการปล่อยจอย ปล่อยให้ทุนสีเทายึดประเทศได้โดยง่าย ใครได้ประโยชน์จากเรื่องนี้ ผมถามจริงๆ การปลดคุณธรรมนัสประเทศเสียอะไร นี่คือสิ่งที่ผมต้องตั้งคำถามกับคนที่ชื่ออนุทิน ว่าคุณธรรมนัสถูกปลดประเทศไทยเสียอะไร ในทางตรงกันข้าม คุณธรรมนัสถูกปลดประเทศไทยได้มากๆ ไม่ว่าจะเป็นความเชื่อมั่นการขจัดทุนสีเทา เป็นการส่งสัญญาณอย่างชัดเจนตามที่นายกฯ ประกาศสงครามกับทุนเทา สแกมเมอร์ ว่าต้องการจะทำสงครามกับพวกนี้ แต่ก็ยังปล่อยให้พวกนี้มีอำนาจรัฐ ประเทศไทยจะอยู่ได้อย่างไร ดังนั้นสิ่งที่นายกฯ ทำอยู่ไม่ได้แสดงถึงความจริงใจต่อการแก้ปัญหานี้เลย เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องตลก แต่เราต้องซีเรียสจริงจังว่าจะปล่อยให้ทุนเทามีอำนาจรัฐต่อไปจริงๆ หรือ” นายรังสิมันต์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุม กมธ. ปรากฏว่านายชนนพัฒฐ์และนายสมยศไม่เดินทางเข้าชี้แจงกับ กมธ. ทำให้การพิจารณาเน้นไปที่ขบวนการของเจ้าหน้าที่ตำรวจ หลังมีการปลด พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล อดีต ผบ.ตร.และเจ้าหน้าที่ตํารวจอีกกว่า 200 นาย จากกรณีรับส่วยจากขบวนการเว็บพนันออนไลน์ ซึ่งได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมไปถึง พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล อดีตรอง ผบ.ตร. และนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรมมาให้ข้อมูล โดยได้พา น.ส.พิมพ์วิไล ปล้องอ่อน พยานมาชี้แจงด้วย โดยใช้เวลาในการประชุมร่วม 5 ชั่วโมง
โดย พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ได้สอบถาม น.ส.พิมพ์วิไลว่า เหตุใดถึงโอนเงินไปหลายครั้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในจังหวัดสงขลาจำนวนมาก และเป็นเงินค่าอะไร โอนอย่างไร ทำให้ น.ส.พิมพ์วิไลชี้แจงว่า หลังจากที่ตนโดนจับ ได้ไปสอบถามคนที่ว่าจ้างให้โอนเงินว่าทำไมตนถึงได้โดนจับกุม ซึ่งคนที่ว่าจ้างตอบกลับว่าเงินที่โอนให้ตำรวจหรือโอนให้ไปในที่ต่างๆ เป็นเงินผิดกฎหมายหรือจากการพนัน และเป็นเงินที่เป็นส่วยที่ส่งให้กับตำรวจทั้งหมด ซึ่งส่วยดังกล่าว บางรายการก็รู้ บางรายการก็ไม่รู้ว่าเป็นส่วยเกี่ยวกับอะไร แต่ที่รู้คือเป็นส่วยเว็บไซต์การพนันออนไลน์
พยานแฉโอนเงินให้ตำรวจจริง
พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์จึงถามต่อว่า ตำรวจชุด PCT 4 ที่มี พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รองจเรตำรวจแห่งชาติ เป็นหัวหน้าชุด พบว่ามีการโอนเงินเข้าไปด้วย จึงอยากทราบว่า น.ส.พิมพ์วิไลโอนเงินจากเว็บพนันไปให้จริงหรือไม่ โอนผ่านใคร ตำรวจชื่ออะไร โดย น.ส.พิมพ์วิไลยอมรับว่าโอนผ่านจริง โดยคนว่าจ้างให้โอนให้ติดต่อกับคนคนหนึ่งที่เขาจะมาเรียกเก็บจากตนทุกวันที่ 5 และ 10 ของเดือน โดยเขาแจ้งมาว่าตำรวจชุดนี้คือชุด PCT 4 โดยจะโอนไปให้รองกาโม่ ซึ่งเป็นนายตำรวจอยู่ในชุด PCT 4 เรื่องนี้ได้มีการแจ้งความไว้ที่ สภ.หาดใหญ่ เพราะหลังจากที่ตนโดนจับกุม เพราะเป็นแค่คนที่โอนและทำบัญชี จึงรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะไม่ทราบเรื่องมาก่อน แต่มารู้ภายหลัง ทำให้ต้องไปร้องเรียนว่าเมื่อตนโอนเงินให้เจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วทำไมต้องมาจับตนด้วย จึงคิดว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม
พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์จึงถามถึงนักการเมืองท้องถิ่น โดยมีชื่อของนายวิชัย ชูกำเนิด สมาชิกสภาเทศบาลนครหาดใหญ่ พบว่ามีการโอนเงินไปให้ 1 ครั้ง จำนวน 1 แสนบาท และมีการโอนเงินไปให้กับนายคชาชาญ ซึ่งเป็นบัญชีม้าของดาบยาว รวมถึงโอนเงินไปให้บัญชีม้าคนอื่นๆ ของดาบยาว โดยพบว่าเส้นเงินวิ่งต่อไปยังนางนิภาพรรณ สุขวิมล ภรรยาของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จำนวน 38 ครั้ง มูลค่า 3 ล้าน รวมทั้งพี่ชายและพี่สาวของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ และเส้นเงินนี้ก็วิ่งไปยัง พ.ต.ท.วีรวัฒน์ เจริญศิลป์ นายเวรของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ทุกเส้นเป็นการโอนออก แต่มีเส้นเงินของนายชนนพัฒฐ์โอนกลับมาที่ น.ส.พิมพ์วิไล เพราะอะไร น.ส.พิมพ์วิไลจึงกล่าวว่า ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไร
ต่อมานายอัจฉริยะชี้แจงว่า มีเส้นทางการเงินว่านายชนนพัฒฐ์รับเงินจากบอสตาล ซึ่งเป็นผู้ต้องหาคดีเว็บพนัน จำนวน 2 ล้านบาท จึงตั้งข้อสงสัยว่าเป็นเงินค่าอะไร ตนอยากให้ทุกคนเข้าใจว่าตนทำหน้าที่ของตน และตนก็ได้ร่วมงานกับนายไชยชนก ชิดชอบ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และ พล.ต.ท.รุทธพล เนาวรัตน์ รมว.ยุติธรรม ทำเรื่องการปราบปรามสแกมเมอร์และเว็บพนันออนไลน์ ทั้งหมดที่ตนเสนอไม่ได้กล่าวร้ายใคร ตนไม่ได้กล่าวหา พล.ต.ท.ไตรรงค์ และไม่ได้เชื่อคำที่ว่าในยุคของ พล.ต.ท.ไตรรงค์ เป็นยุคที่หลุดทุกคดี จึงอยากให้ติดตามตรวจสอบ
ถอนสัญชาติ 'ก๊อกอัน"
ขณะที่ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ได้ชี้แจงตลอดการประชุมว่า ตนยังไม่สามารถตอบได้ เพราะไม่ได้เกี่ยวข้อง บางคำถามก็ไม่ได้เตรียมข้อมูลมา ตนเตรียมข้อมูลมาแค่ 3 คำถามที่ส่งไปให้แค่นั้น ดังนั้นขอให้เขียนให้ละเอียดว่าจะถามอะไรบ้าง จะได้มอบหมายให้ผู้ที่รับผิดชอบจริงมาตอบ
ขณะที่ตัวแทน ปปง.ชี้แจงว่า จากการสอบสวนพบว่ามีเว็บจิมิ 88 และเว็บจิมิ 44 มีการชักชวนให้มีการเล่นการพนันและได้จริง ซึ่งจากคำให้การ นายชนนพัฒฐ์ เป็นเจ้าของเว็บไซต์และได้ผลประโยชน์ มีการกดเงินสดจากเว็บพนันแล้วนำไปมอบให้นายชนนพัฒฐ์ ซึ่งนายชนนพัฒฐ์เป็นผู้ดูแลและจัดการผลประโยชน์ โดยได้ทำธุรกรรมทางการเงินร่วมกับกลุ่มผู้ต้องหา ซึ่งเป็นคนที่ ปปง.เคยอายัดทรัพย์ มูลค่าหลายสิบล้านบาท จึงไม่น่าเชื่อว่าเป็นการทำธุรกรรมในลักษณะของผู้เล่น แต่เป็นผู้รับประโยชน์ ซึ่งเป็นเจ้าของเว็บ
จากการตรวจสอบพบทรัพย์สินเบื้องต้น รถ 1 รายการ เงินสด 1 รายการ เงินในหลักทรัพย์ในบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ และหน่วยลงทุน 6 รายการ และยังมีที่ดิน ห้องชุด 61 รายการ รวมทั้งสิ้น 69 รายการ แบ่งเป็นของนายชนนพัฒฐ์ 9 รายการ 36 ล้านบาท และผู้ที่เกี่ยวข้อง 60 รายการ ดังนั้น คณะกรรมการฯ จึงมีมติให้ยึดอายัดทรัพย์ไว้ 69 รายการ ประมาณ 159 ล้านบาท ซึ่งที่ต้องอายัดทรัพย์เท่านี้ เพราะอาจจะเป็นการถือครองทรัพย์สินแทน ส่วนทรัพย์สินที่เจ้าพนักงานตำรวจได้ยึดไว้ในคดีอาญาไม่ได้ส่งมอบให้ ปปง. ส่วนที่นายสมยศทำธุรกรรมร่วมกับนายชนนพัฒฐ์นั้น พบว่านายสมยศได้ทำธุรกรรมทางการเงินร่วมกับบุคคลที่ ปปง.อายัดทรัพย์ไว้มากกว่า 1 คดี และอยู่ระหว่างการสืบสวน
วันเดียวกันนี้ กรมการปกครองรายงานผลการดำเนินการทางทะเบียน กรณีนายก๊อกอัน และบุตร โดยระบุว่า กรมการปกครองได้ตรวจสอบข้อมูลในทางลับจากหน่วยงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และหน่วยงานทางการข่าว พบว่า นายก๊อกอัน (KOK AN) บุคคลสัญชาติกัมพูชา มีตำแหน่งเป็นสมาชิกวุฒิสภาของประเทศกัมพูชา ประกอบธุรกิจหลายประเภทซึ่งอาจมีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มกาสิโน ค้ามนุษย์ การฟอกเงิน สแกมเมอร์ และถือว่าเป็นความผิดตามกฎหมายไทย และได้รับใบสำคัญถิ่นที่อยู่ ทั้งยังมีบุตรจำนวน 3 ราย ซึ่งได้สัญชาติไทย โดยระบุว่า มีบิดามารดาเป็นบุคคลสัญชาติไทย จึงไม่ตรงกับข้อเท็จจริง
โดยปัจจุบันบุคคลทั้ง 3 ราย ถือว่า "เป็นคนต่างด้าวที่ไม่มีสิทธิอยู่ในประเทศไทย" และจะต้องถูกดำเนินการตามกฎหมายจากผลที่ได้มีการแจ้งการเกิดโดยทุจริตต่อไป.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เปิดสภา10ธค. แก้รธน.วาระ2 แนะโหวตต้นมค.
"ปธ.วันนอร์” นัดประชุมรัฐสภา 10-11 ธ.ค. ถกแก้ รธน.วาระสอง
ปลุกชรบ.ชายแดนพร้อมรุกรบ
กรมพระศรีสวางควัฒนฯ พระราชทานเงิน 121,089,300 บาท
หนูโต้ไม่ให้สัญชาติเบนสมิธเหตุพ้นมท.1
วงแตก! “อนุทิน” รับรู้จัก “เบน สมิธ” แต่ไม่สนิท ไม่มีธุรกิจร่วมกัน
จ่ายศพละ2ล.อีก8จว. ขยายเยียวยานํ้าท่วมใต้ ตั้ง5อนุครบวงจรใช้ทุกที่
นายกฯ ประเดิมนั่งหัวโต๊ะถอดบทเรียนรับมือมหาอุทกภัย ตั้ง 5 อนุกรรมการแก้ครบวงจร พยากรณ์-เตือนภัย-เยียวยา
แบบพระเมรุมาศเสร็จม.ค. สานพระราชปณิธานผ้าไทย
"อธิบดีกรมศิลป์" เผยแบบก่อสร้างพระเมรุมาศ “พระพันปีหลวง” แล้วเสร็จ ม.ค.69
หนูคาดเบลต์กั๊กยุบสภา12ธ.ค.
"อนุทิน" ส่งสัญญาณ 12 ธ.ค. คาดเข็มขัดนิรภัย ปัดญาติดีเพื่อไทยหลีกทางยื่นซักฟอก บอกทำงานทุกวันไม่ได้คุย ขีดเส้นอยู่ไม่เกิน 31 ม.ค.


