นายกฯ ลงหาดใหญ่ซ้ำ ซับน้ำตาผู้ประสบภัย 4.6 แสนคน เปิดศูนย์พักพิง 5 จุด ระดมอุปกรณ์ดำรงชีพ-อาหารให้เพียงพอ วอนอยู่จนกว่าปลอดภัยค่อยกลับบ้าน คาดอีก 3-4 วันสถานการณ์ดีขึ้นถ้าฝนไม่ตก เร่งชง ครม.อังคารนี้อนุมัติเยียวยา 9 พันบาท กรมชลฯ แจงหาดใหญ่วิปโยค เหตุฝนตกหนักสุดรอบ 300 ปี ผู้ว่าฯ สงขลาตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ส่วนหน้า ระดมกำลังทุกหน่วยช่วยเหลือ ปัตตานีประกาศพื้นที่ภัยพิบัติ 12 อำเภอ ส่วนที่พัทลุง 4 อ.ใกล้ทะเลสาบสงขลาจมบาดาล 2 เมตร
เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน เวลา 10.25 น. นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์น้ำท่วมในภาคใต้ว่า ขณะนี้มีสถานการณ์น้ำท่วมประมาณ 3 จังหวัด ที่หนักคือพัทลุงและสงขลา แต่อาจจะมีสถานการณ์เพิ่มขึ้นใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ขณะนี้ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ท่วมหนักเป็นพิเศษ เพราะเป็นพื้นที่ต่ำและมีปริมาณน้ำหลาก เวลานี้มีรัฐมนตรีหลายคนลงพื้นที่ไปช่วยเหลือ
ส่วนตนได้ลงไปติดตามสถานการณ์เมื่อวันที่ 22 พ.ย.ที่ผ่านมา ได้สั่งให้จัดเตรียมศูนย์อพยพเพื่อดูแลผู้ประสบภัย ซึ่งสถานการณ์ภาคใต้จะไม่เหมือนกับที่อื่น เนื่องจากสามารถระบายน้ำลงสู่ทะเลได้ หากไม่มีฝนเข้ามาเติม ประมาณ 3-4 วันในการระบาย โดยประเมินว่าอาจจะมีพายุลูกใหญ่ช่วง 1-2 วันนี้ จากนั้นจะหมด โดยสั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดสำรวจจำนวนครอบครัวผู้ประสบภัยเพื่อช่วยเหลือในทันที เพราะเข้าหลักเกณฑ์ทั้งหมดที่จะได้รับเงินเยียวยาครัวเรือนละ 9,000 บาท ไม่ต้องรอให้สำรวจเสร็จแล้วค่อยจ่าย
นายกฯ กล่าวว่า ได้สอบถามอธิบดีกรมชลประทานถึงสถานการณ์เมื่อคืนวันที่ 22 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยสถานการณ์เมื่อคืนหนักสุดแล้ว และค่อยๆ ระบาย ส่วนน้ำหลากที่จะมาจากที่อื่น คาดว่าสามารถบริหารจัดการได้ถ้าฝนไม่ตกเพิ่ม ซึ่งการบริหารจัดการน้ำอยู่ในแผนของกรมชลประทานอยู่แล้ว ที่จะต้องหาวิธีทำให้ระบายน้ำมีประสิทธิภาพ เนื่องจากทางออกทะเลมีมาก
จากนั้นเวลา 16.25 น. นายอนุทินพร้อม น.ส.ธนนนท์ นิรามิษ ภริยา และรัฐมนตรี เดินทางถึงท่าอากาศยานหาดใหญ่ จ.สงขลา เพื่อพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมอำเภอหาดใหญ่อีกครั้ง โดยได้เดินเยี่ยมจุดแจกอาหารให้ผู้ที่ติดค้างอยู่ที่สนามบิน ก่อนจะขึ้นรถยกสูงของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เดินทางไปศูนย์พักพิงชั่วคราวโรงเรียนเทศบาล 4 (วัดคลองเรียน) เพื่อให้กำลังใจผู้ประสบภัย โดยระหว่างเดินทางนายอนุทินได้แวะปั๊มน้ำมัน ปตท.คลองหวะ เพื่อดูความเสียหายที่เกิดจากน้ำท่วม รวมถึงได้มอบอาหารปรุงสุกพร้อมทานให้ผู้ประสบอุทกภัย
ทั้งนี้ ระหว่างไปศูนย์พักพิง ผู้สื่อข่าวได้ถามนายกฯ ว่า ถ้าฝนตกลงมาอีกสถานการณ์จะน่าเป็นห่วงหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ถ้าไม่ตกก็กังวลจะตายอยู่แล้ว
นายกฯ กล่าวว่า พื้นที่ที่น่าเป็นห่วงที่สุดคือหาดใหญ่ การที่ตนลงพื้นที่หาดใหญ่เป็นครั้งที่ 2 เนื่องจากได้รับผลกระทบหนักที่สุด มีประชาชนติดอยู่ในบ้านเรือน และนักท่องเที่ยวที่ติดอยู่ในโรงแรมที่ยังออกมาไม่ได้ เราต้องมาดูแลเพื่อให้เห็นว่าทุกอย่างคลี่คลายลงไปแล้ว รวมถึงประชาชนที่ไม่สามารถเดินทางได้ อย่างไรก็ตามสถานการณ์น้ำในตอนนี้ยังท่วมขังอยู่ เพราะมีฝนตกลงมาต่อเนื่องตั้งแต่เมื่อคืนวันที่ 22 พ.ย. แต่สิ่งที่เราเป็นห่วงคือเรื่องของการสนับสนุนต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องของอาหาร เนื่องจากเส้นทางถูกตัดทั้งหมด วัตถุดิบที่ใช้ในการประกอบอาหารไม่สามารถเข้ามาได้ แต่วันนี้ตลอดทั้งวันได้มีการแก้ไข ซึ่งคาดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร และทำอาหารมาจากจังหวัดใกล้เคียง ที่สำคัญได้จัดตั้งศูนย์พักพิงและศูนย์อพยพ ซึ่งมีอยู่ 5 จุด ซึ่งจะเร่งจัดอุปกรณ์ดำรงชีพและอาหารให้ครบทุกมื้อ และได้รับรายงานว่าการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคได้เตรียมรถจ่ายไฟประจำศูนย์พักพิงทุกจุดแล้ว
คาดอีก 3-4 วันน้ำลด
ต่อมาเวลา 18.10 น. นายกฯ และคณะเดินทางถึงศูนย์พักพิงชั่วคราวโรงเรียนเทศบาล 4 โดยได้กล่าวทักทายและให้กำลังใจผู้อพยพจำนวน 200 คน มีเนื้อหาสรุปว่า การอยู่ศูนย์พักพิงอาจจะไม่สะดวกสบายเหมือนกับอยู่ที่บ้าน แต่ถ้าอยู่ตรงนี้แล้วปลอดภัยขอให้อยู่ไปก่อน เมื่อปลอดภัยแล้วค่อยกลับบ้าน อีกประมาณ 3-4 วันน้ำจะค่อยๆ ระบายและลดลง โดยตนและบรรดาคณะรัฐมนตรีจะทำหน้าที่ในการช่วยเหลือประชาชน เพราะขณะนี้กระจายตัวไปยังจังหวัดต่างๆ ที่ประสบอุทกภัยแล้ว สำหรับเงินเยียวยาไม่ต้องห่วง ในการประชุม ครม. วันที่ 25 พ.ย. จะรีบพิจารณาอนุมัติเงินเยียวยาครอบครัวละ 9,000 บาท
จากนั้นนายอนุทินได้มอบถุงยังชีพให้แก่ประชาชนที่อยู่บริเวณศูนย์พักพิง ก่อนเดินทางต่อไปยังศูนย์บัญชาการเทศบาลนครหาดใหญ่ ซึ่งเป็นศูนย์พักพิง และมีโรงครัวพระราชทาน โดยนายกฯ เยี่ยมผู้ประสบภัยและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานที่โรงครัวพระราชทาน และแจกอาหารปรุงสำเร็จและถุงยังชีพให้แก่ประชาชนผู้ประสบอุทกภัย ก่อนนั่งรถสำรวจความเสียหายในพื้นที่ชั้นในของเทศบาลนครหาดใหญ่
วันเดียวกัน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.เกษตรและสหกรณ์ ได้สั่งการให้องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) ระดมกำลังสนับสนุนการช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ โดยเฉพาะอำเภอหาดใหญ่ ซึ่งยังมีประชาชนจำนวนมากติดค้างและได้รับผลกระทบอย่างหนักจากสถานการณ์น้ำท่วมต่อเนื่องหลายวัน รวมทั้งให้ใช้ปฏิบัติการลำเลียงเสบียงทางอากาศ โดยความร่วมมือของเครื่องบินกรมฝนหลวงและการบินเกษตร เพื่อเร่งส่งสิ่งของจำเป็นสู่พื้นที่อย่างต่อเนื่อง โดยในเบื้องต้นได้จัดส่งข้าวสารคุณภาพกว่า 1,500 กิโลกรัม และน้ำดื่มจำนวน 1,000 ขวด ไปยังศูนย์กระจายความช่วยเหลือในพื้นที่อำเภอหาดใหญ่ พร้อมเตรียมทยอยลำเลียงรอบต่อไปอย่างต่อเนื่องจนกว่าสถานการณ์จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ
ที่ศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ (SWOC) กรมชลประทาน เปิดเผยถึงสาเหตุน้ำท่วมหนักในพื้นที่ภาคใต้ ตั้งแต่วันที่ 19 พ.ย. 68 จนถึงปัจจุบันว่า อิทธิพลของร่องมรสุมและหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมภาคใต้ และภาคใต้ตอนล่าง ทำให้เกิดฝนตกหนักถึงหนักมากในหลายพื้นที่ของภาคใต้ ตั้งแต่จังหวัดชุมพรลงไป ส่งผลให้เกิดอุทกภัยรวม 10 จังหวัด ได้แก่ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช สตูล สงขลา พัทลุง ตรัง นราธิวาส ปัตตานี และ ยะลา โดยปริมาณฝนสะสม 24 ชั่วโมง วัดได้มากกว่า 300-500 มิลลิเมตร (มม.)
สำหรับจังหวัดสงขลา มีฝนตกหนักครอบคลุมทุกพื้นที่ โดยเฉพาะที่อำเภอหาดใหญ่ ที่วัดปริมาณฝนสูงสุดเมื่อวันที่ 21 พ.ย.68 วัดได้ 335 มม. ซึ่งเป็นปริมาณฝนตกหนักในรอบ 300 ปี สำหรับปริมาณฝนสะสม 3 วันย้อนหลัง (19-21 พ.ย.68) ได้สูงสุดถึง 630 มม. (มากกว่าครั้งที่เกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่ของอำเภอหาดใหญ่ เมื่อปี 2553 ที่มีปริมาณฝนสะสมสูงสุด 428 มม.) มีน้ำท่วมในเขตเทศบาลนครหาดใหญ่ ระดับน้ำสูงเฉลี่ย 0.50-2.50 เมตร นอกจากนี้ ปริมาณน้ำในแม่น้ำสายหลัก สายรอง รวมทั้งคลองสายต่างๆ เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เกิดน้ำเอ่อล้นตลิ่งในหลายพื้นที่ ขณะนี้ยังคงมีฝนตกในพื้นที่ แต่มีแนวโน้มลดลง หากไม่มีฝนเพิ่ม คาดว่าสถานการณ์จะคลี่คลายและกลับเข้าสู่ภาวะปกติภายใน 3-5 วัน
กรมชลประทานได้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำจำนวน 32 เครื่อง และเครื่องผลักดันน้ำ 14 ชุด เพื่อเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่ให้เร็วที่สุด ทั้งนี้ ปริมาณฝนที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ สูงเกินกว่าศักยภาพการออกแบบของคลองภูมินาถดำริ (คลองระบาย ร.1) แต่ด้วยความสามารถในการระบายน้ำ 1,200 ลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.)/วินาที คลองยังมีส่วนสำคัญช่วยลดน้ำที่จะไหลเข้าสู่เขตอำเภอหาดใหญ่ ซึ่งหากไม่มีคลอง ร.1 สถานการณ์น้ำที่ อ.หาดใหญ่ อาจรุนแรงกว่าที่เกิดขึ้นในปัจจุบันอย่างมาก
ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพบก เดินหน้าขยายการช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ภาคใต้อย่างต่อเนื่อง โดยศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพภาคที่ 4 จึงได้ยกระดับการช่วยเหลือ พร้อมสั่งการให้ทุกหน่วยลงพื้นที่เร่งด่วน โดยนำกำลังพลพร้อมเครื่องมือบรรเทาสาธารณภัยเข้าช่วยเหลือประชาชนตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งนี้ หากประชาชนต้องการความช่วยเหลือ สามารถประสานได้ที่ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพภาคที่ 4 เบอร์โทรศัพท์ 0-7438-3405 ตลอด 24 ชั่วโมง
พล.ต.ท.ชัยต์พจน สูวรรณรักษ์ ผู้บัญชาการสำนักงานกำลังพล/รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สั่งเกาะติดสถานการณ์แบบเรียลไทม์ พร้อมเน้นย้ำให้หัวหน้าสถานีตำรวจกำชับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติทุกนายให้บริการช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มกำลัง
4.6 แสนคนเดือดร้อน
ที่ศาลากลางจังหวัดสงขลา นายรัฐศาสตร์ ชิดชู ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เป็นประธานการประชุมศูนย์บัญชาการเหตุการณ์อุทกภัย วาตภัย และดินถล่ม จังหวัดสงขลา ประจำปี 2568 เพื่อประเมินสถานการณ์อุทกภัยที่กำลังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยได้สั่งตั้ง "ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ส่วนหน้าอำเภอหาดใหญ่" พร้อมมอบหมายให้รองผู้ว่าฯ เป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์ เพื่อกำกับการอพยพ จัดกำลังเจ้าหน้าที่ และประสานอุปกรณ์ช่วยเหลือทุกหน่วยงาน โดยหน่วยป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้เพิ่มกำลังสนับสนุนเต็มที่ โดยติดตั้งเครื่องสูบน้ำกว่า 80 เครื่องใน 68 จุด เพื่อระบายน้ำออกจากชุมชน พร้อมส่งเรือท้องแบนจำนวนมากเข้าช่วยเหลือ สำหรับสถานการณ์อุทกภัยในจังหวัดสงขลา ตั้งแต่วันที่ 19-23 พ.ย. ส่งผลให้ 16 อำเภอ 100 ตำบล 637 หมู่บ้านได้รับน้ำท่วม กระทบประชาชนกว่า 465,000 คน ต้องอพยพ 235 คน แต่ยังไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต โดยอำเภอหาดใหญ่ รัตภูมิ และนาหม่อม ถูกจัดเป็นพื้นที่รุนแรง "ระดับหนักมาก" โดยเฉพาะหาดใหญ่ซึ่งมีผู้ได้รับผลกระทบกว่า 243,000 คน
ผู้ว่าฯ สงขลากล่าวว่า แม้ร่องมรสุมมีแนวโน้มเคลื่อนตัวออกสู่ทะเลอันดามันหลังวันที่ 24 พ.ย. แต่ระดับน้ำในลำคลองหลายสายยังคงสูงและต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยยังคงจัดเวรเฝ้าติดตามตลอด 24 ชั่วโมง โดยเน้นพื้นที่เสี่ยง ได้แก่ หาดใหญ่ นาหม่อม รัตภูมิ และระโนด พร้อมขอให้ประชาชนติดตามประกาศเตือนภัยจากหน่วยงานรัฐอย่างต่อเนื่อง
ที่ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉิน EOC สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จังหวัดปัตตานี นายไชยพร นิยมแก้ว รองผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี เป็นประธานการประชุมศูนย์บัญชาการเหตุการณ์จังหวัดปัตตานี มีพื้นที่ได้รับผลกระทบหนัก 12 อำเภอ 86 ตำบล 367 หมู่บ้าน 15 ชุมชน 14,064 ครัวเรือน ราษฎร 47,839 คน มีผู้เสียชีวิตแล้ว 2 ราย ทั้งนี้ได้เน้นย้ำนายอำเภอทั้ง 12 อำเภอ เฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เปิดศูนย์พักพิงและเตรียมแผนอพยพ กลุ่มเปราะบาง ผู้ป่วยติดเตียง ผู้สูงอายุ เด็ก ในพื้นที่ประสบภัย
ส่วนที่จังหวัดยะลา ฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก ทำให้สะพานบ้านไท คอสะพานคลองมาแจ รอยต่อ ตำบลตะโละหะลอ-ตำบลจะกว๊ะ เกิดการทรุดตัวของสะพาน ทำให้รถยนต์ทุกชนิดไม่สามารถผ่านไปได้
ขณะที่จังหวัดพัทลุง ระดับน้ำริมเทือกเขาบรรทัดในพื้นที่ อ.กงหรา อ.ศรีนครินทร์ อ.ตะโหมด อ.ป่าบอน อ.ป่าพะยอม และ อ.ศรีบรรพต ระดับน้ำได้ลดลง เนื่องจากกระแสน้ำได้ไหลลงสู่ริมพื้นที่ริมทะเลสาบลำปำ ทะเลสาบสงขลาตอนใน จนทำให้พื้นที่ อ.ควนขนุน อ.เมืองพัทลุง อ.เขาชัยสน อ.บางแก้ว ระดับน้ำได้สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยพื้นที่หมู่ 4 ต.ลำปำ อ.เมืองพัทลุง ระดับน้ำภายในหมู่บ้านสูงกว่า 2 เมตร สะพานเหล็กข้ามคลองลำปำ หมู่ 4 ต.ลำปำ ถูกกระแสน้ำพัดสะพานขาด ทำให้ชาวบ้านไม่สามารถใช้เส้นทางออกสู่ภายนอกได้.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'ประชาคมแพทย์' ปลุกคนไทยรวมใจเป็นหนึ่งขอ 3 ข้อจากเพื่อนให้โลกรู้
เพจประชาคมแพทย์ โพสต์ข้อความเฟซบุ๊ก
กนง.หั่นดอกเบี้ย0.25% เศรษฐกิจปี69-70โตตํ่า
"กนง." มติเอกฉันท์ ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่อปีลง 0.25% เหลือ 1.25% ต่อปี
จีนปัดส่งอาวุธช่วยเขมร
"อนุทิน" ฟาดเขมรมีสติควรเจรจา ฮึ่ม! ต้องได้เนิน 350 กองทัพชี้สู้ยืดเยื้อจุดยุทธศาสตร์พื้นที่่ช่วงชิง พร้อมเร่งค้นหาร่างทหาร 2 นาย
DSIประเดิมเชือด8ราย ส่งอัยการฟ้องคดีฮั้วสว.
"ดีเอสไอ" สรุปสำนวน "คดีอั้งยี่-ฟอกเงิน สว." ให้อัยการคดีพิเศษเชือดล็อตแรก 8 ราย
พระราชินีทรงพระปรีชานำทัพเรือใบคว้าทอง
"พระราชินี" ทรงวางกลยุทธ์ตลอด 3 วัน นำทีมเรือใบไทยขึ้นอันดับ 1 ของตาราง
กกต.คุมเข้ม ‘ประชานิยม’ ส้มปรับกทม./ฟ้าเปิดปาร์ตี้ลิสต์
“กกต.” ออกกฎเหล็กตรวจสอบนโยบายประชานิยม พรรคการเมืองจะใช้หาเสียง

