
นายกฯ ย้ำหลังรัฐสภาผ่านร่างแก้ไข รธน.วาระสามจบ ประกาศยุบสภา ไล่พรรคที่เอาแต่สาดโคลนเอาเวลาไปเตรียมเลือกตั้ง พรรคส้มรุกหนัก ขีดเส้นโหวตวาระสามก่อนปีใหม่ มั่นใจสภาสูงไม่โหวตคว่ำ สว.ตั้งแง่ ให้คงอำนาจเดิมปี 60 ยังแทงกั๊กให้ผ่านหรือตีตก
ที่ประชุมร่วมรัฐสภาวันที่ 10-11 ธันวาคมนี้ จะมีการประชุมสมัยวิสามัญเพื่อเรื่องสำคัญคือ การพิจารณารายงานของคณะกรรมาธิการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่..) พุทธศักราช .... ของรัฐสภา ที่ได้พิจารณาร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญของพรรคประชาชนและพรรคภูมิใจไทย ที่ผ่านความเห็นชอบวาระแรกขั้นรับหลักการจากที่ประชุมรัฐสภา จนกลายเป็นร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญฉบับของคณะกรรมาธิการฯ ซึ่งเป็นการพิจารณาในวาระ 2 และหลังจบการพิจารณาวาระ 2 แล้ว จะต้องพักการพิจารณาไว้ 15 วัน เพื่อมานัดประชุมโหวตวาระ 3 ต่อไป โดยในวาระ 3 การโหวตเพื่อให้ผ่านรัฐสภาจะต้องได้เสียงเห็นชอบเกินกึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกรัฐสภาที่ปฏิบัติหน้าที่ฯ และต้องมีเสียงโหวตเห็นชอบจากสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ด้วยไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 หรือ 67 เสียง ร่างแก้ไข รธน.ถึงจะผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา
ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงเรื่องนี้หลังถูกถามว่า คาดหวังว่าจะสําเร็จหรือไม่ โดยกล่าวว่า ก็สําเร็จ ทุกอย่างเป็นไปตามไทม์ไลน์ที่กําหนด วันที่ 10.ธ.ค.ก็จะเข้าวาระ 2 แล้ว และเมื่อผ่านวาระ 3 ก็จะประกาศยุบสภา
เมื่อถามว่า หากมีการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจก่อนการโหวตวาระ 3 จะทําอย่างไร นายอนุทินกล่าวว่า เรื่องรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องที่สําคัญ ทุกพรรคก็มีดำริที่จะแก้ไข ซึ่งผ่านวาระ 1 มาแล้ว ฉะนั้นก็ช่วยกันผลักดันไประยะเวลานิดเดียว
ถามต่อว่า เรื่องราวที่ถาโถมมายังพรรคภูมิใจไทย นายกฯ มองสถานการณ์อย่างไร นายกฯ กล่าวว่า พรรคภูมิใจไทยก็พร้อมเข้าสู่การเลือกตั้ง เดือนมกราคม 69 ยุบสภาแน่นอน ขั้นตอนการเตรียมผู้สมัครก็พร้อมหมดแล้ว ทุกพรรคที่เอาแต่สาดโคลนใส่กัน ควรจะไปเตรียมตัว สร้างนโยบาย เตรียมพร้อมกับการเลือกตั้ง เพราะการเลือกตั้งเกิดขึ้นแน่นอน
ด้านนายณัฐวุฒิ บัวประทุม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานกรรมาธิการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญ แก้ไขเพิ่มเติม รัฐสภา ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ สว.ออกมาระบุการลงมติแก้รัฐธรรมนูญวาระ 3 ไม่ควรทําช่วงสิ้นปี เพราะสมาชิกติดภารกิจปีใหม่ว่า เราอยากให้มีการพิจารณาโดยเร็วที่สุด แต่เมื่อคณะรัฐมนตรีกําหนดให้เปิดประชุมสมัยวิสามัญ วันที่ 10-11 ธ.ค. การพิจารณาวาระ 2 จึงทําก่อนหน้านั้นไม่ได้ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าจะพิจารณาได้เสร็จภายใน 2 วัน หากวาระ 2 พิจารณาเสร็จในวันที่ 11 ธ.ค. ก็จะสามารถพิจารณาวาระ 3 ได้ในวันที่ 27 ธ.ค.เป็นต้นไป แต่หากวาระ 2 พิจารณาเสร็จในวันที่ 12 ธ.ค. ก็จะเป็นวันที่ 28 ธ.ค. ซึ่งพรรคประชาชนก็ได้แจ้ง สส.ของพรรคว่า ให้สแตนด์บายในวันเสาร์ที่ 27 ธ.ค. และวันจันทร์ที่ 29 ธ.ค. ซึ่งอาจจะมีการเปิดประชุม อยากให้เดินภายใต้กรอบเวลาที่เป็นไปได้โดยเร็วที่สุด
โดยแม้จะต่างเพียงสัปดาห์เดียว แต่การเปิดประชุมก่อนปีใหม่กับหลังปีใหม่ มีผลต่อระยะเวลาในการตั้งคำถามและการเตรียมทําประชามติ เพื่อเผยแพร่ให้ประชาชนเข้าใจก่อนไปลงมติ หากเลื่อนไปหลังปีใหม่จะทําให้การพิจารณาคำถามประชามติของ ครม.ต้องช้าออกไปอีก ซึ่งอาจจะกระทบกรอบ MOA ที่ได้มีการตกลงกันไว้ จึงอยากให้ทุกอย่างจบก่อนปีใหม่
เมื่อถามว่า กังวลหรือไม่ว่าในการโหวตวาระ 3 เสียง สว.อาจสนับสนุนไม่เพียงพอ นายณัฐวุฒิกล่าวว่า ใน กมธ.มีการทําความเข้าใจกันมาโดยตลอด และ กมธ.ก็มีหน้าที่ต้องชี้แจงต่อที่ประชุมรัฐสภา ว่าเหตุใดจึงมีการแก้ไขในแต่ละมาตรา แต่ตนยังไม่เห็นเงื่อนไขที่กระทบต่อการให้ความเห็นชอบของ สว. แต่เนื่องจาก สว.มีความหลากหลาย ไปตอบแทนไม่ได้ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าในภาพรวม การผ่านวาระ 3 จะมีโอกาสเกิดขึ้นได้เกือบสูงสุด และเชื่อว่าทุกคนอยากเห็นการปลดล็อกเงื่อนไข เพื่อนําไปสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ โดยเฉพาะ สว. ที่หวังว่าจะเห็นชอบตามที่ กมธ.เสนอแก้ไขมา
นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคประชาชน และหนึ่งในคณะกรรมาธิการฯ กล่าวถึงเรื่องนี้เช่นกันว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านจะมีการประชุมวิปฝ่ายค้านในวันอังคารที่ 9 ธ.ค. เพื่อหารือกันถึงกรอบระยะเวลาในการประชุมร่วมรัฐสภาดังกล่าว ซึ่งหากมีการอภิปรายเยอะเลยวันที่ 11 ธ.ค. ยังมีวันที่ 12 ธ.ค. รองรับอยู่ เชื่อว่าวาระ 2 จะจบภายใน 3 วันพรรคประชาชนเองพร้อมปฏิบัติหน้าที่ และหวังว่าสมาชิกรัฐสภาทุกภาคส่วนจะเข้าใจถึงหน้าที่พื้นฐานของตัวเองในการเข้าร่วมประชุม
ส่วนที่มีการประเมินหรือไม่ว่ารัฐบาลอาจยุบสภาก่อนพิจารณาวาระ 3 เนื่องจากเจอหลายมรสุม นายพริษฐ์กล่าวว่า ถ้ารัฐบาลยุบสภาเพื่อหนีการตรวจสอบ ไม่ส่งผลดีต่อมุมมองของประชาชนและตัวนายกรัฐมนตรีแน่นอน
ด้านท่าทีจากสมาชิกวุฒิสภา (สว.) นายพิสิษฐ์ อภิวัฒนาพงศ์ สว. เปิดเผยว่า จะร่วมอภิปรายร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญดังกล่าวในการประชุมวันที่ 10-11 ธ.ค.นี้ด้วย เพราะได้ยื่นสงวนคำแปรญัตติในประเด็นเรื่องวาระดํารงตำแหน่งของ สว.และอำนาจของ สว. ในการลงคะแนนแก้รัฐธรรมนูญ ที่ต้องการให้คงไว้ตามรัฐธรรมนูญปี 60 จะต้องมีเสียง สว. 1 ใน 3 เหมือนเดิม ส่วนประเด็นคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ และสูตรที่ให้สมาชิกรัฐสภา 20 คน เลือกกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ 1 คน ตนและเพื่อนสมาชิกคนอื่นๆ ไม่ได้ติดใจ ส่วนที่สมาชิกวุฒิสภาตกเป็นที่เพ่งเล็งของสังคม ว่าจะเป็นฝ่ายที่โหวตไม่เห็นชอบในวาระ 3 นั้น ขอให้รอดูวาระที่ 2 ก่อนว่าจะเป็นอย่างไร
ขณะที่ฝ่ายค้าน นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีนายกรัฐมนตรีออกมาระบุได้คาดเข็มขัดนิรภัย พร้อมเผชิญอุบัติเหตุทางการเมืองทุกสถานการณ์ว่า ไม่เหนือความคาดหมาย เพราะนายอนุทินส่งสัญญาณพร้อมยุบสภาหนีการตรวจสอบตลอดเวลา สิ่งที่นายอนุทินต้องระวังคือ เข็มขัดสั้นคาดไม่ถึง ความเชื่อมั่นจมหายไปกับเหตุการณ์น้ำท่วม จนคนในรัฐบาลยอมรับเองว่าเป็นรัฐล้มเหลว ความหวาดกลัวต่อการตรวจสอบของรัฐบาลเสียงข้างน้อย ยิ่งทำให้ความชอบธรรมของรัฐบาลถดถอยลงไปทุกขณะ รัฐบาลเสียงข้างน้อยและตัวนายอนุทินในฐานะหัวหน้ารัฐบาล จะต้องแยกแยะ การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นภารกิจที่คนไทยจับตามอง ในการฟื้นฟูหลักประชาธิปไตยให้กลับมาอยู่ในครรลองที่ถูกต้อง ยึดโยงกับประชาชน กับการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ซึ่งเป็นหน้าที่ของฝ่ายค้านในการตรวจสอบการใช้อํานาจรัฐตามกลไกของระบบรัฐสภา ไม่ควรนํา 2 เรื่องนี้มาผูกโยงเป็นตัวประกัน หรือใช้เป็นข้ออ้างเพื่อสร้างเงื่อนไขในการยุบสภาหนีการตรวจสอบ
“เมื่อพรรคเพื่อไทยได้ยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจแล้ว สภายังสามารถเดินหน้ากระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญไปได้ควบคู่กัน ไม่มีความจําเป็นต้องตีตนไปก่อนไข้ หรือสร้างภาพว่าฝ่ายค้านกำลังตัดตอน คว่ำไม่ให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ข้ออ้างที่ว่าเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย ต่อให้ตอบคําถามได้ดีเพียงใด ก็จะถูกคว่ำกลางสภา เพราะเสียงสนับสนุนไม่พอ ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง เพราะรัฐบาลเสียงข้างน้อยชุดนี้ยังมีพรรคฝ่ายค้ำที่ประกาศตนแสดงตัวอย่างชัดเจนตาม MOA ข้อกังวลเรื่องถูกคว่ำในสภา จึงเป็นเพียงการสร้างวาทกรรมทางการเมืองเพื่อเบี่ยงเบนประเด็น ยุบสภาหนีการตรวจสอบ” นายอนุสรณ์กล่าว
นายอนุสรณ์กล่าวอีกว่า สำหรับประเด็นเนื้อหาที่ฝ่ายค้านจะหยิบยกขึ้นอภิปราย นอกจากคดีสแกมเมอร์ ทุนเทา เขากระโดง ฮั้ว สว. ในช่วงเวลาเพียง 2 เดือน เกิดเหตุการณ์ที่สะเทือนศรัทธาประชาชนเป็นจํานวนมาก และเพียงพอที่จะตั้งคําถามต่อความสามารถและความโปร่งใสของรัฐบาลชุดนี้ ไม่ว่าจะเป็นงบประมาณจัด Moto GP 4,000 ล้านบาท ข้อตกลง MOU แร่แรร์เอิร์ธระหว่างสหรัฐ-ไทย ท่ามกลางศึกชิงทรัพยากรระดับมหาอํานาจ วิกฤตน้ำท่วมที่คนในรัฐบาลเสียงข้างน้อยยังยอมรับว่าเป็นบทพิสูจน์ความล้มเหลวของรัฐ ตลอดจนกรณีภาพถ่ายและภาพหลุดต่างๆ ที่สั่นคลอนความน่าเชื่อถือของผู้นํารัฐบาล.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
นายกฯยังห่วงหาดใหญ่ ประเดิมพ.ย.เว้น‘ค่าไฟ’
"อนุทิน" รับยังกังวลน้ำท่วมหาดใหญ่ ขนกองทัพนักวิชาการลงพื้นที่ถอดบทเรียน นำประชาชนกลับบ้านแล้ว 90% “เท้ง” แซะบอร์ดมีไว้แค่ให้พาดหัว
พร้อมหน้า นายกฯหนู โพสต์ภาพพาครอบครัวกินห่านพะโล้ในวันพ่อแห่งชาติ
นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย โพสต์ภาพพร้อมข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า พาพ่อ แม่เมีย น้อง หลาน ไปกินห่านพะโล้เนื่องในวันพ่อ #ฉั่วคิมเฮง
ปชน. ค้านนัดโหวตแก้ รธน. วาระ 3 หลังปีใหม่ หวั่นกระทบไทม์ไลน์ทำประชามติ
"ณัฐวุติ" ย้ำโหวตแก้ รธน. วาระ 3 ต้องเสร็จก่อนปีใหม่ หวั่นกระทบไทม์ไลน์ทำประชามติ เสี่ยงผิด MOA เชื่อไม่มีเงื่อนไขให้ สว. ควํ่าวาระ 3 เผย หลังโหวตเสร็จ ปชน. เตรียมชง 2 คำถามประชามติให้สภาฯ เคาะทันที
'ไอติม' เลี่ยงยื่นซักฟอก ใช้กลไกอื่นตรวจสอบรัฐบาลแทน
'พริษฐ์' ปัดตอบยื่นซักฟอกรัฐบาล ขอใช้กลไกอื่นของสภาตรวจสอบเข้มข้นแทน เชื่อถกแก้ รธน. วาระ 2 จบภายใน 3 วัน นัดประชุมวิปฝ่ายค้านวางกรอบ 9 ธ.ค.
โอนเงินเยียวยาน้ำท่วม สำเร็จแล้ว 4.9 พันล้าน 5 แสนครัวเรือน
'ภราดร' เผยยอดโอนเงินเยียวยาผู้ประสบอุทกภัย ช่วง 1-4 ธ.ค. โอนสำเร็จแล้ว 548,126 ครัวเรือน วงเงินรวม 4.9 พันล้านบาท
รัฐบาลยกเว้น 'ค่าไฟ' พ.ย. 420 ล้าน เยียวยาน้ำท่วมสงขลา
นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า การเยียวยาและฟื้นฟูพื้นที่ประสบอุทกภัย โดยเฉพาะในจังหวัดสงขลา เดินหน้าไปอย่างมาก โดยปัจจุบันสามารถนำประชาชนกลับบ้านไปได้กว่า 90%


