เปิดรายละเอียด 77 จังหวัดที่ กกต.เคาะเขตเลือกตั้งจังหวัดไหนมีกี่เขต ส.ส.กี่คน

ประธาน กกต.ประกาศแบ่งเขตเลือกตั้งแล้วในพื้นที่ 77 จังหวัดทั่วประเทศ กทม.มี ส.ส.มากสุด 33 คน ส่วนจังหวัดละ 1 คนมีทั้ง 'ตราด-ระนอง-สมุทรสงคราม-สิงห์บุรี' อีสานยังครองแชมป์ผู้ทรงเกียรติ

01 ก.พ.2566 - นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ออกประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้ง เรื่อง จำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้งและเขตเลือกตั้งของแต่ละจังหวัด สำหรับการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไปครั้งแรก ภายหลังประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 1) พุทธศักราช 2564 แล้วเมื่อช่วงค่ำวันที่ 31 ม.ค.2565 และมีผลบังคับใช้วันนี้

โดยเนื้อหาของประกาศระบุว่า ด้วยรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 1) พุทธศักราช 2564 และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2566 ได้มีการแก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติในส่วนที่เกี่ยวกับจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้งจากเดิมจำนวนสามร้อยห้าสิบคน เป็นจำนวนสี่ร้อยคน กำหนดให้แต่ละเขตเลือกตั้งมีจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหนึ่งคน จังหวัดใดมีจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้ไม่เกินหนึ่งคนให้ถือเขตจังหวัดเป็นเขตเลือกตั้ง และจังหวัดใดมีจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้เกินหนึ่งคน ให้แบ่งเขตจังหวัดออกเป็นเขตเลือกตั้งมีจำนวนเท่ากับจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่จะพึงมี ซึ่งการแก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญและพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญดังกล่าวทำให้จำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้งและเขตเลือกตั้งของแต่ละจังหวัดตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้งได้ประกาศกำหนดไว้แต่เดิมเปลี่ยนแปลงไป

อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 86 และมาตรา 224 (1) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 1) พุทธศักราช 2564 มาตรา 26 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2561 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2566 มาตรา 22 (2) แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ.2560 ประกอบข้อ 3 ของประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้งเรื่อง การแบ่งเขตเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2566 ประกอบกับประกาศสำนักทะเบียนกลางเรื่อง จำนวนราษฎรทั่วราชอาณาจักร ตามหลักฐานการทะเบียนราษฎร ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2565 ที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2566 อันถือได้ว่าเป็นประกาศในปีสุดท้ายก่อนปีที่มีการเลือกตั้ง คณะกรรมการการเลือกตั้งจึงประกาศให้ทราบเกี่ยวกับจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้งที่แต่ละจังหวัดจะพึงมีและจำนวนเขตเลือกตั้ง เพื่อเป็นการเตรียมการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่จะมีขึ้น ดังนี้

1.จำนวนราษฎรทั่วราชอาณาจักร ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2565 มีจำนวน 66,090,475 คน
2.จำนวนราษฎรโดยเฉลี่ย 165,226 คน ต่อสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหนึ่งคน
3.จำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและเขตเลือกตั้งของแต่ละจังหวัด มีดังนี้

1.กรุงเทพมหานคร จำนวนราษฎร 5,494,932 คน จำนวน ส.ส. 33 คน จำนวนเขตเลือกตั้ง 33 เขต
2.กระบี่ จำนวนราษฎร 480,057 จำนวน ส.ส. 3 คน จำนวนเขตเลือกตั้ง 3 เขต
3.กาญจนบุรี จำนวนราษฎร 894,283 จำนวน ส.ส. 5 คน จำนวนเขตเลือกตั้ง 5 เขต
4.กาฬสินธุ์ จำนวนราษฎร 972,101 จำนวน ส.ส. 6 คน จำนวนเขตเลือกตั้ง 6 เขต
5.กำแพงเพชร จำนวนราษฎร 708,775 จำนวน ส.ส. 4 คน จำนวนเขตเลือกตั้ง 4 เขต
6.ขอนแก่น จำนวนราษฎร 1,784,641 จำนวน ส.ส. 11 คน จำนวนเขตเลือกตั้ง 11 เขต
7.จันทบุรี จำนวนราษฎร 536,144 จำนวน ส.ส. 3 คน จำนวนเขตเลือกตั้ง 3 เขต
8.ฉะเชิงเทรา จำนวนราษฎร 726,687 จำนวน ส.ส. 4 คน จำนวนเขตเลือกตั้ง 4 เขต
9.ชลบุรี จำนวนราษฎร 1,594,758 จำนวน ส.ส. 10 คน จำนวนเขตเลือกตั้ง 10 เขต
10.ชัยนาท จำนวนราษฎร 318,308 จำนวน ส.ส. 2 คน จำนวนเขตเลือกตั้ง 2 เขต

11.ชัยภูมิ จำนวนราษฎร 1,117,925 จำนวน ส.ส. 7 คน จำนวนเขตเลือกตั้ง 7 เขต
12.ชุมพร จำนวนราษฎร 509,385 จำนวน ส.ส. 3 คน จำนวนเขตเลือกตั้ง 3 เขต
13.เชียงราย จำนวนราษฎร 1,299,636 จำนวน ส.ส. 8 คน จำนวนเขตเลือกตั้ง 8 เขต
14.เชียงใหม่ จำนวนราษฎร 1,792,474 จำนวน ส.ส. 11 คน จำนวนเขตเลือกตั้ง 11 เขต
15.ตรัง จำนวนราษฎร 638,206 จำนวน ส.ส. 4 คน จำนวนเขตเลือกตั้ง 4 เขต
16.ตราด จำนวนราษฎร 227,808 จำนวน ส.ส. 1 คน จำนวนเขตเลือกตั้ง 1 เขต
17.ตาก จำนวนราษฎร 684,140 จำนวน ส.ส. 4 คน จำนวนเขตเลือกตั้ง 4 เขต
18.นครนายก จำนวนราษฎร 260,406 จำนวน ส.ส. 2 คน จำนวนเขตเลือกตั้ง 2 เขต
19.นครปฐม จำนวนราษฎร 921,882 จำนวน ส.ส. 6 คน จำนวนเขตเลือกตั้ง 6 เขต
20.นครพนม จำนวนราษฎร 716,647 จำนวน ส.ส. 4 คน จำนวนเขตเลือกตั้ง 4 เขต

21.นครราชสีมา จำนวนราษฎร 2,630,058 จำนวน ส.ส. 16 คน จำนวนเขตเลือกตั้ง 16 เขต
22.นครศรีธรรมราช จำนวนราษฎร 1,545,147 จำนวน ส.ส. 9 คน จำนวนเขตเลือกตั้ง 9 เขต
23.นครสวรรค์ จำนวนราษฎร 1,028,814 จำนวน ส.ส. 6 คน จำนวนเขตเลือกตั้ง 6 เขต
24.นนทบุรี จำนวนราษฎร 1,295,916 จำนวน ส.ส. 8 คน จำนวนเขตเลือกตั้ง 8 เขต
25.นราธิวาส จำนวนราษฎร 814,121 จำนวน ส.ส. 5 คน จำนวนเขตเลือกตั้ง 5 เขต
26.น่าน จำนวนราษฎร 474,539 จำนวน ส.ส. 3 คน จำนวนเขตเลือกตั้ง 3 เขต
27.บึงกาฬ จำนวนราษฎร 421,684 จำนวน ส.ส. 3 คน จำนวนเขตเลือกตั้ง 3 เขต
28.บุรีรัมย์ จำนวนราษฎร 1,576,915 จำนวน ส.ส. 10 คน จำนวนเขตเลือกตั้ง 10 เขต
29.ปทุมธานี จำนวนราษฎร 1,201,532 จำนวน ส.ส. 7 คน จำนวนเขตเลือกตั้ง 7 เขต

30.ประจวบคีรีขันธ์ จำนวนราษฎร 553,298 จำนวน ส.ส. 3 คน จำนวนเขตเลือกตั้ง 3 เขต
31.ปราจีนบุรี จำนวนราษฎร 497,778 จำนวน ส.ส. 3 คน จำนวนเขตเลือกตั้ง 3 เขต
32.ปัตตานี จำนวนราษฎร 732,955 จำนวน ส.ส. 4 คน จำนวนเขตเลือกตั้ง 4 เขต
33.พระนครศรีอยุธยา จำนวนราษฎร 820,417 จำนวน ส.ส. 5 คน จำนวนเขตเลือกตั้ง 5 เขต
34.พะเยา จำนวนราษฎร 461,431 จำนวน ส.ส. 3 คน จำนวนเขตเลือกตั้ง 3 เขต
35.พังงา จำนวนราษฎร 267,442 จำนวน ส.ส. 2 คน จำนวนเขตเลือกตั้ง 2 เขต
36.พัทลุง จำนวนราษฎร 521,619 จำนวน ส.ส. 3 คน จำนวนเขตเลือกตั้ง 3 เขต
37.พิจิตร จำนวนราษฎร 525,944 จำนวน ส.ส. 3 คน จำนวนเขตเลือกตั้ง 3 เขต
38.พิษณุโลก จำนวนราษฎร 844,494 จำนวน ส.ส. 5 คน จำนวนเขตเลือกตั้ง 5 เขต
39.เพชรบุรี จำนวนราษฎร 482,950 จำนวน ส.ส. 3 คน จำนวนเขตเลือกตั้ง 3 เขต
40.เพชรบูรณ์ จำนวนราษฎร 973,386 จำนวน ส.ส. 6 คน จำนวนเขตเลือกตั้ง 6 เขต

41.แพร่ จำนวนราษฎร 430,669 จำนวน ส.ส. 3 คน จำนวนเขตเลือกตั้ง 3 เขต
42.ภูเก็ต จำนวนราษฎร 417,891 จำนวน ส.ส. 3 คน จำนวนเขตเลือกตั้ง 3 เขต
43.มหาสารคาม จำนวนราษฎร 944,605 จำนวน ส.ส. 6 คน จำนวนเขตเลือกตั้ง 6 เขต
44.มุกดาหาร จำนวนราษฎร 351,588 จำนวน ส.ส. 2 คน จำนวนเขตเลือกตั้ง 2 เขต
45.แม่ฮ่องสอน จำนวนราษฎร 286,786 จำนวน ส.ส. 2 คน จำนวนเขตเลือกตั้ง 2 เขต
46.ยโสธร จำนวนราษฎร 531,599 จำนวน ส.ส. 3 คน จำนวนเขตเลือกตั้ง 3 เขต
47.ยะลา จำนวนราษฎร 545,913 จำนวน ส.ส. 3 คน จำนวนเขตเลือกตั้ง 3 เขต
48.ร้อยเอ็ด จำนวนราษฎร 1,291,131 จำนวน ส.ส. 8 คน จำนวนเขตเลือกตั้ง 8 เขต
49.ระนอง จำนวนราษฎร 194,226 จำนวน ส.ส. 1 คน จำนวนเขตเลือกตั้ง 1 เขต
50.ระยอง จำนวนราษฎร 759,386 จำนวน ส.ส. 5 คน จำนวนเขตเลือกตั้ง 5 เขต

51.ราชบุรี จำนวนราษฎร 865,807 จำนวน ส.ส. 5 คน จำนวนเขตเลือกตั้ง 5 เขต
52.ลพบุรี จำนวนราษฎร 735,293 จำนวน ส.ส. 4 คน จำนวนเขตเลือกตั้ง 4 เขต
53.ลำปาง จำนวนราษฎร 718,790 จำนวน ส.ส. 4 คน จำนวนเขตเลือกตั้ง 4 เขต
54.ลำพูน จำนวนราษฎร 399,557 จำนวน ส.ส. 2 คน จำนวนเขตเลือกตั้ง 2 เขต
55.เลย จำนวนราษฎร 637,341 จำนวน ส.ส. 4 คน จำนวนเขตเลือกตั้ง 4 เขต
56.ศรีสะเกษ จำนวนราษฎร 1,454,730 จำนวน ส.ส. 9 คน จำนวนเขตเลือกตั้ง 9 เขต
57.สกลนคร จำนวนราษฎร 1,145,187 จำนวน ส.ส. 7 คน จำนวนเขตเลือกตั้ง 7 เขต
58.สงขลา จำนวนราษฎร 1,431,063 จำนวน ส.ส. 9 คน จำนวนเขตเลือกตั้ง 9 เขต
59.สตูล จำนวนราษฎร 325,303 จำนวน ส.ส. 2 คน จำนวนเขตเลือกตั้ง 2 เขต
60.สมุทรปราการ จำนวนราษฎร 1,360,227 จำนวน ส.ส. 8 คน จำนวนเขตเลือกตั้ง 8 เขต

61.สมุทรสงคราม จำนวนราษฎร 189,453 จำนวน ส.ส. 1 คน จำนวนเขตเลือกตั้ง 1 เขต
62.สมุทรสาคร จำนวนราษฎร 589,428 จำนวน ส.ส. 4 คน จำนวนเขตเลือกตั้ง 4 เขต
63.สระแก้ว จำนวนราษฎร 562,816 จำนวน ส.ส. 3 คน จำนวนเขตเลือกตั้ง 3 เขต
64.สระบุรี จำนวนราษฎร 638,582 จำนวน ส.ส. 4 อ จำนวนเขตเลือกตั้ง 4 เขต
65.สิงห์บุรี จำนวนราษฎร 202,797 จำนวน ส.ส. 1 คน จำนวนเขตเลือกตั้ง 1 เขต
66.สุโขทัย จำนวนราษฎร 581,652 จำนวน ส.ส. 4 คน จำนวนเขตเลือกตั้ง 4 เขต
67.สุพรรณบุรี จำนวนราษฎร 830,695 จำนวน ส.ส. 5 คน จำนวนเขตเลือกตั้ง 5 เขต
68.สุราษฎร์ธานี จำนวนราษฎร 1,073,663 จำนวน ส.ส. 7 คน จำนวนเขตเลือกตั้ง 7 เขต
69.สุรินทร์ จำนวนราษฎร 1,372,910 จำนวน ส.ส. 8 คน จำนวนเขตเลือกตั้ง 8 เขต
70.หนองคาย จำนวนราษฎร 515,795 จำนวน ส.ส. 3 คน จำนวนเขตเลือกตั้ง 3 เขต

71.หนองบัวลาภู จำนวนราษฎร 508,325 จำนวน ส.ส. 3 คน จำนวนเขตเลือกตั้ง 3 เขต
72.อ่างทอง จำนวนราษฎร 272,587 จำนวน ส.ส. 2 คน จำนวนเขตเลือกตั้ง 2 เขต
73.อำนาจเจริญ จำนวนราษฎร 375,382 จำนวน ส.ส. 2 คน จำนวนเขตเลือกตั้ง 2 เขต
74.อุดรธานี จำนวนราษฎร 1,563,048 จำนวน ส.ส. 9 คน จำนวนเขตเลือกตั้ง 9 เขต
75.อุตรดิตถ์ จำนวนราษฎร 442,949 3 จำนวน ส.ส. คน จำนวนเขตเลือกตั้ง 3 เขต
76.อุทัยธานี จำนวนราษฎร 323,860 2 จำนวน ส.ส. คน จำนวนเขตเลือกตั้ง 2 เขต
77.อุบลราชธานี จำนวนราษฎร 1,869,806 จำนวน ส.ส. 11 คน จำนวนเขตเลือกตั้ง 11 เขต

รวมจำนวนราษฎร 66,090,475 จำนวน ส.ส. 400 คน จำนวนเขตเลือกตั้ง 400 เขต

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

กกต.ขยับรับสมัครอบต.ใต้เป็น 8-12 ธ.ค. เหตุอุทกภัยกระทบหลายจังหวัด

กกต.ปรับรอบรับสมัครเฉพาะ 5 จังหวัดน้ำท่วม ส่วนจำนวน อบต.ทั่วประเทศลดเหลือ 4,985 แห่งจากการยกฐานะเป็นเทศบาล ต้องแบ่งเขตใหม่ก่อนจัดเลือกตั้งช่วงเมษายน 2569 หลายพื้นที่เปิดรับสมัครวันแรกคึกคัก

กกต. แจงนักการเมือง-พรรค บริจาคช่วยน้ำท่วมได้เต็มที่ แต่ระดับท้องถิ่นต้องระวังช่วง 180 วันก่อนครบวาระ

กกต. ชี้ "บริจาคช่วยภัยพิบัติ" สส.-สมาชิกพรรคทำได้เต็มที่ไม่เกินครั้งละ 3 แสนบาท แต่จะบริจาคกี่ครั้งก็ได้ ส่วนพรรคการเมืองไม่เกิน 3 ล้านบาทต่อเหตุการณ์ ย้ำโปร่งใส–โฆษณาได้ 

กกต. ขอเชิญชวนสมัครรับเลือกตั้ง สมาชิกสภา อบต. และนายก อบต. ระหว่างวันที่ 1 - 5 ธันวาคม 2568

สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ขอเชิญชวนผู้ที่สนใจสมัครรับเลือกตั้งสมาชิก สภาองค์การบริหารส่วนตำบลและนายกองค์การบริหารส่วนตำบล ระหว่างวันที่ 1 – 5 ธันวาคม 2568 เวลา 08.30 – 16.30 น. (ไม่เว้นวันหยุดราชการ) ณ สถานที่ที่ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำองค์การบริหารส่วนตำบลกำหนด สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ขอประชาสัมพันธ์ผู้ที่สนใจสมัครรับเลือกตั้งสามารถตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้าม และเตรียมหลักฐานและเอกสารประกอบการ ยื่นใบสมัครรับเลือกตั้ง พร้อมทั้งค่าธรรมเนียมการสมัครรับเลือกตั้ง โดยมีรายละเอียดดังนี้ 1. คุณสมบัติของผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง 1.1 มีสัญชาติไทยโดยการเกิด 1.2 ผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล ต้องมีอายุ ไม่ต่ำกว่า 25 ปีนับถึงวันเลือกตั้ง สำหรับผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกองค์การบริหารส่วนตำบล ต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 35 ปีนับถึงวันเลือกตั้ง 1.3 มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในเขตองค์การบริหารส่วนตำบลที่สมัครรับเลือกตั้ง ในวันสมัครรับเลือกตั้ง เป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่า 1 ปี นับถึงวันสมัครรับเลือกตั้ง 1.4 วุฒิการศึกษา • สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล ไม่ได้กำหนดวุฒิการศึกษา • ผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนตำบล ต้องสำเร็จการศึกษาไม่ต่ำกว่ามัธยมศึกษาตอนปลายหรือเทียบเท่า หรือเคยเป็นสมาชิกสภาตำบล สมาชิกสภาท้องถิ่น ผู้บริหารท้องถิ่น หรือสมาชิกรัฐสภา 2. ลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง 2.1 ติดยาเสพติดให้โทษ 2.2 เป็นบุคคลล้มละลายหรือเคยเป็นบุคคลล้มละลายทุจริต 2.3 เป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใด ๆ 2.4 เป็นบุคคลผู้มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิเลือกตั้งตามพระราชบัญญัติ การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 มาตรา 39 (1) เป็นภิกษุ สามเณร นักพรตหรือนักบวช (2) อยู่ในระหว่างถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งไม่ว่าคดีนั้นจะถึงที่สุดแล้วหรือไม่ หรือ (4) วิกลจริตหรือจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ 2.5 อยู่ระหว่างถูกระงับการใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นการชั่วคราวหรือ ถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง 2.6 ต้องคำพิพากษาให้จำคุกและถูกคุมขังอยู่โดยหมายของศาล 2.7 เคยได้รับโทษจำคุกโดยได้พ้นโทษมายังไม่ถึง 5 ปี นับถึงวันเลือกตั้ง เว้นแต่ ในความผิดอันได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ 2.8 เคยถูกสั่งให้พ้นจากราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจเพราะทุจริต ต่อหน้าที่หรือถือว่ากระทำการทุจริตหรือประพฤติมิชอบในวงราชการ 2.9 เคยต้องคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลอันถึงที่สุดให้ทรัพย์สินตกเป็น ของแผ่นดินเพราะร่ำรวยผิดปกติ หรือเคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดให้ลงโทษจำคุกเพราะกระทำความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต 2.10 เคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดว่ากระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ หรือต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม หรือกระทำความผิดตามกฎหมายว่าด้วยความผิดของพนักงาน ในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ หรือความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ที่กระทำโดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญา ความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน กฎหมายว่าด้วยยาเสพติด ในความผิดฐานเป็นผู้ผลิต นำเข้า ส่งออก หรือผู้ค้า กฎหมายว่าด้วยการพนันในความผิดฐานเป็นเจ้ามือหรือเจ้าสำนัก กฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ หรือกฎหมายว่าด้วย การป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินในความผิดฐานฟอกเงิน 2.11 เคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดว่ากระทำการอันเป็นการทุจริตในการเลือกตั้ง 2.12 เป็นข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งหรือเงินเดือนประจำ 2.13 เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา สมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น 2.14 เป็นพนักงานหรือลูกจ้างของหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือราชการส่วนท้องถิ่น หรือเป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ 2.15 เป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ หรือผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ 2.16 อยู่ในระหว่างต้องห้ามมิให้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง 2.17 เคยพ้นจากตำแหน่งเพราะศาลฎีกาหรือศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำพิพากษาว่าเป็นผู้มีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ หรือกระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือจงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย หรือฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง 2.18 ต้องคำพิพากษาถึงที่สุดว่ากระทำความผิดตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้ง สมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 ไม่ว่าจะได้รับโทษหรือไม่ โดยได้พ้นโทษหรือ ต้องคำพิพากษามายังไม่ถึง 5 ปีนับถึงวันเลือกตั้ง แล้วแต่กรณี 2.19 เคยถูกถอดถอนออกจากตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา สมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย หรือกฎหมายว่าด้วยการลงคะแนนเสียงเพื่อถอดถอนสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น แล้วแต่กรณี มายังไม่ถึง 5 ปีนับถึงวันเลือกตั้ง 2.20 อยู่ในระหว่างถูกจำกัดสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น ตามมาตรา 42 แห่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 หรือตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2.21 เป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา หรือเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเดียวกันหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่น 2.22 เคยพ้นจากตำแหน่งใด ๆ ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพราะเหตุมี ส่วนได้เสียไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมในสัญญาหรือกิจการที่กระทำหรือจะกระทำกับหรือให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้น หรือมีส่วนได้เสียไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมในสัญญาหรือกิจการ ที่กระทำกับหรือจะกระทำกับหรือให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่น โดยมีพฤติการณ์แสดงให้เห็นว่าเป็นการต่างตอบแทน หรือเอื้อประโยชน์ส่วนตนระหว่างกัน และยังไม่พ้น 5 ปีนับแต่วันที่พ้นจากตำแหน่งจนถึงวันเลือกตั้ง 2.23 เคยถูกสั่งให้พ้นจากตำแหน่งใด ๆ ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพราะจงใจไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย กฎ ระเบียบของทางราชการ หรือมติคณะรัฐมนตรี อันเป็นเหตุให้เสียหาย แก่ราชการอย่างร้ายแรง และยังไม่พ้น 5 ปีนับแต่วันที่พ้นจากตำแหน่งจนถึงวันเลือกตั้ง 2.24 เคยถูกสั่งให้พ้นจากตำแหน่งใด ๆ ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพราะทอดทิ้งหรือละเลยไม่ปฏิบัติการตามหน้าที่และอำนาจ หรือปฏิบัติการไม่ชอบด้วยหน้าที่ และอำนาจ หรือประพฤติตนฝ่าฝืนต่อความสงบเรียบร้อยหรือสวัสดิภาพของประชาชน หรือมีความประพฤติในทางที่จะนำมาซึ่งความเสื่อมเสียแก่ศักดิ์ตำแหน่ง หรือแก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือแก่ราชการ และยังไม่พ้น 5 ปีนับแต่วันที่พ้นจากตำแหน่งจนถึงวันเลือกตั้ง 2.25 ลักษณะอื่นตามที่กฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งองค์การบริหารส่วนตำบลกำหนด 3. หลักฐานและเอกสารประกอบการยื่นใบสมัครรับเลือกตั้ง ให้ผู้สมัครยื่นใบสมัครต่อผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำองค์การบริหารส่วนตำบลพร้อมทั้งหลักฐานการสมัคร ดังนี้ 3.1 ใบสมัครรับเลือกตั้งตามแบบ ส.ถ./ผ.ถ. 4/1 3.2 รูปถ่ายหน้าตรงไม่สวมหมวก หรือ รูปภาพที่พิมพ์ชัดเจนเหมือนรูปถ่ายของตนเอง ขนาดกว้างประมาณ 8.5 เซนติเมตร ยาวประมาณ 13.5 เซนติเมตร จำนวนตามที่ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำองค์การบริหารส่วนตำบลกำหนด 3.3 สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน 3.4 สำเนาทะเบียนบ้าน 3.5 ใบรับรองแพทย์ 3.6 หลักฐานการศึกษา 3.7 หลักฐานการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเป็นเวลาติดต่อกัน 3 ปี (2565, 2566, 2567) นับถึงปีที่สมัครรับเลือกตั้ง เว้นแต่เป็นผู้ไม่ได้เสียภาษีเงินได้ ให้ทำหนังสือยืนยัน การไม่ได้เสียภาษี พร้อมทั้งสาเหตุแห่งการไม่ได้เสียภาษีตามแบบ ส.ถ./ผ.ถ. 4/2 4. ค่าธรรมเนียมการสมัครรับเลือกตั้ง 4.1 นายกองค์การบริหารส่วนตำบล 2,500 บาท 4.2 สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล 1,000 บาท ทั้งนี้ ผู้ใดลงสมัครรับเลือกตั้งโดยรู้อยู่แล้วว่าตนเป็นผู้ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามในการสมัครรับเลือกตั้ง ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1 - 10 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000 – 200,000 บาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกำหนด 20 ปี ตามมาตรา 120 แห่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 และที่แก้ไขเพิ่มเติม สามารถติดตามข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหาร ส่วนตำบลและนายกองค์การบริหารส่วนตำบลได้ทางเว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง www.ect.go.th หรือ Application Smart Vote หรือสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ประจำจังหวัดทุกจังหวัด หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่บริการสายด่วน 1444

ปี69เดือด!เลือกตั้งทุกระดับ 'กกต.-ประชาชน'ตัดสินอนาคต

ปี 2569 กลายเป็นปีที่ท้าทายที่สุดสำหรับประชาธิปไตยไทย ด้วยการเลือกตั้งหลายระดับที่กระชั้นชิดกันอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ที่คาดว่าจะพ่วงด้วยการลงประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญ และบันทึกความเข้าใจ (MOU)

กกต. ไม่มีปัญหาถ้าพรุ่งนี้ยุบสภา ก็พร้อมจัดการเลือกตั้ง-ทำประชามติ

เลขาฯกกต. กล่าวถึงความพร้อมการเลือกตั้งอบต. 11 ม.ค.2569 ว่า เราได้ตื่นตัวและสื่อสารไปยังพื้นที่ และหน่วยงานองค์การบริหารส่วนตำบลที่จะทำการเลือกตั้ง รวมทั้งถ้าจะมีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทน