
พปชร.กลับมาแถลงที่ฐานที่มั่น ‘สันติ’ ย้ำ ไม่เอาก้าวไกล ‘ธรรมนัส’ แจงข่าวลือ “บิ๊กป้อม” ลาออกเปิดทาง บอก ยังไม่เกิด แต่มองสเปกนายกคนที่ 30 ต้องก้าวข้ามความขัดแย้ง
23 ก.ค.2566- ที่พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) นายสันติ พร้อมพัฒน์ เลขาธิการพรรค พปชร. พร้อมด้วย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ผู้ประสานงาน ส.ส. และนายไผ่ ลิกค์ สส. กำแพงเพชร ร่วมแถลงรายละเอียดหลังจากไปหารือกับแกนนำพรรคเพื่อไทย
นายสันติ กล่าวว่า พรรคพลังประชารัฐได้รับเกียรติจากพรรคเพื่อไทยไปพูดคุยเพื่อแก้ปัญหาวิกฤตของการตั้งรัฐบาลบริหารบ้านเมือง เนื่องจากหลังการเลือกตั้ง 2 เดือนกว่าแล้วยังมีอุปสรรคในการตั้งรัฐบาลมาบริหารชาติบ้านเมือง ถ้าช้ามากๆ จะเกิดปัญหาหลายด้าน ทั้งเศรษฐกิจ และสังคม โดยจากการพูดคุยวันนี้ได้รับความรู้สึกที่ดีแล้วปรึกษากันอย่างตรงไปตรงมา และพรรคพลังประชารัฐได้ยืนยันไปว่า พรรคของเรายึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็น พระประมุขอย่างแน่วแน่ และเพื่อให้ชาติมีความมั่นคงประชาชนมีความผาสุขอยู่ดีกินดี รวมถึงการพัฒนาเศรษฐกิจของชาติบ้านเมืองให้มีความเจริญก้าวหน้ารุ่งเรืองด้วยระบบประชาธิปไตย
“ในหลักการดังกล่าวพรรคได้แจ้งให้กับพรรคเพื่อไทยไปว่า พรรคที่เราจะร่วมทำงานด้วยได้ต้องเป็นพรรคที่ไม่แตะหรือมีแนวคิดที่จะแก้ไข มาตรา 112 หากพรรคใดมีแนวคิดดังกล่าวพรรคพลังประชารัฐไม่สามารถร่วมทำงานหรือบริหารบ้านเมืองด้วยได้ จึงได้ยืนยันกับพรรคเพื่อไทยไปว่า เป็นหลักการสำคัญของพรรคพลังประชารัฐที่เราจะปฏิเสธการทำงานกับพรรคก้าวไกล ที่มีนโยบายแก้ไขมาตรา 112 เพราะพรรคพลังประชารัฐตระหนักถึงว่า เราอยู่ในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข ที่รัฐธรรมนูญเขียนไว้อยู่แล้วว่าเรามีหน้าที่เคารพ เทิดทูน สถาบันพระมหากษัตริย์ การแก้ไขดังกล่าวพรรคพลังประชารัฐรับไม่ได้”
นายสันติ กล่าวว่า ได้แจ้งแนวทางของเราไปแล้วว่าพรรคใดมีแนวคิดว่าจะแก้ มาตรา 112 เราร่วมทำงานด้วยไม่ได้ เพื่อแจ้งให้พรรคเพื่อไทยได้รับทราบ และพรรคเพื่อไทยจะได้ไปคิดแล้วไป ตรึกตรอง ไปวางแผนของพรรคเพื่อไทยเอง เพราะขณะนี้พรรคเพื่อไทยแจ้งว่าได้รับฉันทานุมัติเป็นผู้ที่จะดำเนินการจัดตั้งรัฐบาล และเดินหน้าพูดคุยกับแต่ละพรรค รวมถึง สว. เพื่อรับรู้ความเห็น แล้วจะไปคิดว่าจะดำเนินการอย่างไรที่จะแก้ปัญหาให้พ้นวิกฤตของบ้านเมืองครั้งนี้
นอกจากนี้ ได้ย้ำว่าประเทศจะขาดรัฐบาลไปนานๆ ไม่ได้ จึงต้องรีบ และเป็นหน้าที่ของทุกพรรคการเมือง สส. สว. ที่หลังการเลือกตั้งไปแล้วต้องช่วยกันเร่งรัดให้เกิดการจัดตั้งรัฐบาลให้ได้เพื่อบริหารชาติบ้านเมือง เพราะต้องมีหัวหน้ารัฐบาลเพื่อติดต่อประสานกับทั่วโลกทั่วประเทศ เพราะประเทศเราไม่ได้อยู่โดดเดี่ยว การที่เราต้องมีรัฐบาลเพื่อให้ต่างชาติเห็นถึงความมั่นคงและน้ำหนึ่งใจเดียวกันในการบริหารประเทศเดินไปข้างหน้า นักลงทุนจะได้กล้ามาลงทุนบ้านเรา แล้วจะได้รู้นโยบายต่างๆ จึงเป็นหน้าที่ของเราที่จะต้องสนับสนุนให้มีการตั้งรัฐบาลอย่างเร็วเพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้องของประชาชน อย่างไรก็ตาม วันนี้เป็นการพูดคุยเพื่อแสดงความคิดเห็นในการจัดตั้งรัฐบาล หลังจากนั้นจะคุยในขั้นตอนต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า การเลือกนายกรัฐมนตรีจะให้จบในวันที่ 27 ก.ค.หรือไม่ นายสันติ กล่าวว่า มีความพยายามที่จะเดินหน้าตั้งรัฐบาลให้สำเร็จในการเชิญแต่ละพรรค และประสานสว. ว่ามีข้อจำกัดอย่างไร อย่างไรก็ตาม ตนเป็นประธานกรรมาธิการงบประมาณมาถึง 4 ครั้ง และรู้ดีว่าพรรคก้าวไกลมีนโยบายแนวคิดอย่างไร
เมื่อถามว่า จะลบภาพในอดีตเก่าๆได้อย่างไรในสายตาประชาชน หากต้องมาร่วมรัฐบาลกัน ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า วันนี้เป็นการหารือเรื่องแก้วิกฤตทางออก ไม่ใช่การหารือจัดตั้งรัฐบาลร่วมกัน ไม่มีประเด็นที่จะเชิญเราไปร่วมจัดตั้งรัฐบาลร่วมกัน
ถามว่า ในอนาคตจะมีพรรคพลังประชารัฐร่วมรัฐบาลหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า โดยหลักการพรรคพลังประชารัฐมีนโยบายมีแนวทางและอุดมการณ์ทางการเมืองไม่เหมือนบางพรรคการเมือง ดำเนินการทำงานร่วมกันเพราะเราเห็นปัญหา พรรคประชารัฐได้ประชุมและมีจุดยืนร่วมกันว่าหากต้องร่วมรัฐบาลกับบางพรรคการเมืองที่มีอุดมการณ์ทางการเมือง ต่างกันขอไม่ร่วมดีกว่า ทั้งนี้ จุดยืนของพรรคพลังประชารัฐที่จะก้าวข้ามความขัดแย้ง ดังนั้นหากเมื่อประเมินแล้วว่าร่วมรัฐบาลกับพรรคการเมืองใดแล้วจะเกิดความขัดแย้งเราไม่ขอเข้าร่วม
ซักว่าพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เห็นด้วยหรือไม่กับการหารือครั้งนี้ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า พรรคมีการประชุมหารือกันแล้วและมีจุดยืนชัดเจน เรื่องของการก้าวข้ามความขัดแย้ง
เมื่อถามถึงการเสนอชื่อ พล.อ.ประวิตร ชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีนั้น ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า การจัดตั้งรัฐบาลของพลังประชารัฐจะต้องมีเสียงเกินครึ่งหนึ่งของ ส.ส.250 คน ถ้าเสียงไม่พอจะไม่ทำ เพราะเกรงจะเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในสังคม และที่ประชุมพรรคพลังประชารัฐได้มีมติชัดเจนว่าจะไม่เสนอชื่อหากไม่สามารถรวมเสียงได้เกินครึ่งหนึ่ง
ถามถึงกระแสข่าวที่ว่า พล.อ.ประวิตรจะลาออกเพื่อเปิดทางให้ในประเด็นไม่มีลุง ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า เป็นเหตุการณ์ที่ยังไม่เกิดขึ้น พล.อ.ประวิตรยังดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคและเป็นผู้ใหญ่ของบ้านเมืองในการที่จะรับตำแหน่งอะไรในอนาคตเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ที่จะทำอะไรต้องนึกถึงภูมิประวัติที่สร้างมา
เมื่อถามถึงการขอเสียงสนับสนุนนายกรัฐมนตรีของแคนดิเดตพรรคเพื่อไทยอย่างนายเศรษฐา ทวีสินนั้น ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า แกนนำพรรคเพื่อไทยได้เชิญแกนนำทุกพรรคที่อยู่ในขั้วรัฐบาลเดิมคือ 188 เสียง ไม่ได้เชิญเพียงพรรคพลังประชารัฐ แต่คิดว่า บุคคลที่จะมาเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ต้องนำทางบ้านเมืองให้ก้าวข้ามความขัดแย้งให้ได้
ร.อ.ธรรมนัส ยังกล่าวว่า ไม่รู้สึกตื่นเต้นที่ถูกกลุ่มทะลุวังเข้ามาต่อต้านที่ทำการพรรคเพื่อไทย มองว่าเป็นเรื่องปกติระหว่างการจัดตั้งรัฐบาลจะต้องมีปัญหาทุกสมัย แต่เมื่อเข้าสู่การบริหารประเทศแล้วผู้นำจะต้องพิสูจน์ฝีมือว่าจะนำพาประเทศชาติไปได้ในการแก้ปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจที่จะเป็นเรื่องสำคัญ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการแถลงข่าว พรรคพลังประชารัฐได้มีการปิดประตู ทางเข้า-ออกตามปกติ โดยเปิดเพียงทางเดียว ซึ่งเป็นทางหลักที่แกนนำพรรคจะใช้เข้า-ออก พร้อมจัดห้องแถลงข่าวที่ชั้น 5 ของอาคารรัชดาวัน แต่ไม่มีการปรากฏตัวของกลุ่มทะลุวัง มาที่ทำการพรรคพลังประชารัฐแต่อย่างใด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'อนุทิน' สวน พท. ใครทำงานห่วย ยุครัฐบาลนิด-อิ๊งค์ ติดโพลอันดับ 2
'อนุทิน' สวนเพื่อไทย ถ้าทำงานห่วย คนตั้งก็แย่สิ ยุครัฐบาล 'อิ๊งค์ - เศรษฐา' ผลโพลชี้ชัดนั่งแท่นอันดับ 2 ทิ้งห่าง พท. หัวเราะให้คะแนนตัวเอง 'เดี๋ยวจะหาว่าคุย'
'โรม' ไล่บี้นายกฯ ปลด 'ธรรมนัส' พ้นรัฐบาล หลัง ปปง. ยึดทรัพย์ 'เบน สมิธ'
นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก ระบุถึงกรณีที่ ปปง. ยึดทรัพย์ยิม เลียก-เบน สมิธ หรือเบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์
‘เอ็ดดี้’ จี้ ‘เพื่อไทย-ส้ม’ อย่าดีแต่ปาก กลัวอะไรอยู่ ยื่นซักฟอกเลย
เอ็ดดี้ อัษฎางค์ ยมนาค นักวิชาการอิสระ โพสต์ข้อความว่า เห็นขู่กันฮึ่มๆ ว่าจะจะยื่นญัตติไม่ไว้วางใจรัฐบาล เพราะรัฐบาลไม่น่าไว้วางใจ
‘ปลอดประสพ’ คาใจการทำงานของ ‘อนุทิน’ เกทับสู้ตัวเองสมัย สึนามิ-น้ำท่วมใหญ่ภาคกลางไม่ได้
ปลอดประสพ สุรัสวดี แกนนำพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความว่าน้ำท่วมหาดใหญ่ มีเรื่องค้างคาใจ ผมเป็นรัฐมนตรีที่ผ่านภัยพิบัติใหญ่ที่แสนวิ
‘เทพไท’ เปิดสาเหตุ 'เพื่อไทย' ไม่กล้ายื่นซักฟอก ทั้งที่ตัวเองได้เปรียบ
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์คลิประบุว่า
พลิกเกม"น้ำท่วม"สู้ศึกเลือกตั้ง สมรภูมิการเมืองช่วงชิงชัยชนะ
แรงกดดันของสังคมที่มีต่อ "อนุทิน ชาญวีรกูล" นายกรัฐมนตรี หลังเหตุการณ์มหาอุทกภัยที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา พุ่งเป้าไปที่ความผิดพลาด บกพร่อง และล่าช้า ในการสั่งการเข้าช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจนทำให้มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก


