เลขาฯกกต. แจงดูนโยบายแจกเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาทตาม 3 เงื่อนไขของรธน. ย้ำทำตามกฎหมาย ไม่ได้ทำตามความรู้สึก พร้อมร่วมตรวจสอบกับ สตง. - ป.ป.ช. โยนประชาชนคือด่านแรกที่เลือกนโยบายนี้มา
3 พ.ย.2566 - นายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตั้งคณะทำงานตรวจสอบนโยบายแจกเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท และมีกกต.ร่วมเป็นหนึ่งในคณะทำงานด้วยว่า ในช่วงเลือกตั้งพรรคการเมืองจะเสนอนโยบายที่จะต้องใช้จ่ายเงินต้องชี้แจงข้อมูลให้ครบ 3 เงื่อนไข 1.แหล่งที่มาของเงิน 2.ประโยชน์ที่จะได้รับ 3.ความเสี่ยงของนโยบายนั้นๆ ซึ่งกกต.ไม่มีอำนาจที่จะไปอนุญาตให้ใครหาเสียงได้ หรือไม่ได้ แต่ขอให้พรรคการเมืองจัดทำข้อมูลให้ครบใน 3 เงื่อนไข เพื่อให้ประชาชนตัดสินใจว่าจะออกเสียงลงคะแนนให้หรือไม่ ถ้านโยบายนั้นจะทำให้การเงินการคลังของประเทศเสียหาย ก็จะมีรัฐธรรมนูญที่ให้อำนาจตามมาตรา 245 โดยระบุว่าให้สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ทำความเห็น ถ้าพบว่านโยบายจะสร้างความเสียหายต่อการเงินการคลังของประเทศ ให้หารือร่วมกันกับกกต. และป.ป.ช แต่ถ้าดำเนินการนโยบายนั้นๆแล้วเกิดการทุจริต ก็จะเป็นหน้าที่ของป.ป.ช.ในการตรวจสอบ ซึ่งกฎหมายออกแบบมาอย่างถูกต้องครอบคลุมแล้ว
เมื่อถามว่าในการชี้แจงของพรรคเพื่อไทยได้ระบุแหล่งที่มาของเงินว่ามาจากพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี นายแสวง กล่าวว่า ณ วันที่ออกนโยบายพรรคการเมืองมีเวลาคิด ซึ่งนโยบายคือกรอบที่วางไว้กว้างๆ เวลาจะนำมาใช้จริงก็ต้องมาปรับ เช่น นโยบายของพรรคร่วมรัฐบาลเมื่อมีการมารวมกันในการจัดทำนโยบายก็ต้องมีการถอยคนละก้าวเพื่อให้สามารถเดินไปข้างหน้าได้ ซึ่งบางนโยบายอาจไม่ดำเนินการในปีนี้ ตนหมอว่าการที่พรรคการเมืองพยายามทำตามนโยบายเป็นเรื่องที่ดีของการเมืองไทย ส่วนดีหรือไม่ต้องรอดู ซึ่งมีกระบวนการในการตรวจสอบ ซึ่งต้องรอดูว่าจะสามารถทำได้มากน้อยแค่ไหน
ถามว่ามีการมาร้องกกต.ให้ตรวจสอบ กกต.จะตรวจสอบเรื่องนี้อย่างไร นายแสวง กล่าวว่า เราจะไม่เอาความรู้สึกของคนมาบริหารประเทศไม่ได้ แต่เราทราบถึงความรู้สึกนั้นว่าประชาชนคาดหวังอย่างไร ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องขณะนี้ขยับหมดทั้ง สตง. และป.ป.ช. ในส่วนของกกต.ก็พร้อมร่วมทำงานกับสตง.และป.ป.ช. ขณะที่ป.ป.ช.ตั้งคณะทำงานตรวจสอบในเรื่องนี้ กกต.ก็เข้าให้ข้อมูล โดยเรื่องนี้เป็นข้อกฎหมายและข้อเท็จจริงไม่น่าหนักใจแต่อย่างใด แต่ถ้าเป็นเรื่องเทคนิคทางการเงินต้องถามหน่วยงานอื่น
ถามอีกว่า ก่อนหน้านี้กกต.ได้ยกคำร้องว่านโยบายแจกเงินดิจิทัลไม่ได้เข้าข่ายว่าเป็นการสัญญาว่าจะให้ จะส่งต่อการที่กกต.เข้าร่วมพิจารณากับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหรือไม่ นายแสวง ย้ำว่า นโยบายที่ต้องใช้จ่ายเงินเข้าข่ายตามหลักเกณฑ์มาตรา 57 ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง คือนโยบายก็ต้องว่ากันตามกฎหมาย เมื่อนโยบายผ่านประชาชนจากการเลือกตั้ง ทุกพรรคการเมืองที่เสนอนโยบายที่ใช้เงินในลักษณะแบบนี้ ประชาชนจะต้องพิจารณาใน 3 เงื่อนไขไม่ใช่กกต.ที่เป็นผู้พิจารณา โดยกกต.ดูเพียงว่าพรรคการเมืองเสนอครบตาม 3 เงื่อนไขหรือไม่
"ประชาชนต้องดูว่า 3 เงื่อนไขว่าประชาชนจะเลือกคุณไหม มันเสี่ยงหรือคุ้มค่าหรือไม่ แล้วก็ไปโหวตถ้าโหวตไม่ผ่านก็ไม่ผ่านตั้งแต่ประชาชน ถ้าผ่านด่านประชาชนแล้วก็จะต้องถึงด่านรัฐธรรมนูญต่อ แล้วมาด่านป.ป.ช.ต่อไป ระบบวางไว้แบบนี้ อย่าว่าต่อๆทำตามกฎหมายเราไม่ได้ทำตามความรู้สึกคน" นายแสวง กล่าวว่า
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
หยิกเล็บเจ็บเนื้อ! 'ภท.-พท.' โต้เดือดพัวพัน 'เบน สมิธ'
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า กรณีเบน สมิธ : ภูมิใจไทย-เพื่อไทย หยิกเล็บเจ็บเนื้อ
เพื่อไทยกระอัก! 'อนุทิน' ย้อนเจ็บ มีภาพคู่ทักษิณเยอะ ไม่เห็นมีปัญหา
"อนุทิน" เหน็บ "สุริยะ-โฆษกเพื่อไทย" ไม่รู้เรื่องอะไรเพราะไม่ได้ร่วมวง การสนทนาสำหรับผมต้องระดับสูงขึ้นไป ย้อนเจ็บภาพถ่ายคู่ทักษิณก็มีตั้งเยอะ ไม่เห็นมีปัญหาอะไรเลย
โฆษกภูมิใจไทย โต้เดือด โทรโข่งเพื่อไทยแกล้งตาบอด ไม่เห็นภาพทักษิณกับเบน สมิธ
โฆษกภูมิใจไทย สวนโฆษกเพื่อไทย อย่าแกล้งตาบอด ปีนี้ใครถ่ายรูปกับ "เบน สมิธ" ยัน "อนุทิน" แค่รู้จักแต่ไม่สนิท ผลงานประจักษ์ยึดทรัพย์หมื่นล้านสแกมเมอร์รายใหญ่ บีบพ้น มท.1 เหตุไม่ให้สัญชาติใครหรือไม่ เย้ย 4 เดือนใครบริหารน้ำท่วมเหลว ขณะที่ "2 เดือน" นายกฯอนุทิน" เข้ามาแก้วิกฤติ
เพื่อไทย เปิดตัว 'อดีตปลัด ก.เกษตร' ลงสนามชนบ้านใหญ่ 'ศิลปอาชา'
พท.เปิดตัว “ประยูร อินสกุล” อดีตปลัด ก.เกษตรฯ ลงสนามชนบ้านใหญ่ “ศิลปอาชา” ไม่ฟันจะปักธงเมืองสุพรรณได้หรือไม่ ชี้ขึ้นกับ ปชช. อ้อนกาเพื่อไทยทั้งคนทั้งพรรค
'เทพไท' ชี้ 5 ปัจจัยทำเพื่อไทยยึกยักสางแค้นซักฟอกรัฐบาล
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์คลิปพร้อมเนื้อหา
ลูกพรรครอเก้อ! 'ทวี' ชิ่งประชุมสรรหาผู้สมัคร สส. พบโผล่หาดใหญ่กับคณะเพื่อไทย
พรรคประชาชาติได้จัดประชุมคณะกรรมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร โดยที่ประชุมได้เห็นชอบส่งผู้สมัครเฉพาะใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้รวม 13 เขต มี 7 ส.ส. ในนามพรรคยังคงเป็นผู้สมัครในนามพรรค และรายชื่อทั้งหมดจะนำเข้าสู่การพิจารณาของ


