
13 ก.พ.2567- ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ฐานะตัวแทนภาคประชาชน กล่าวกรณีกลุ่มทะลุวังป่วนขบวนเสด็จฯ จนนำมาสู่การใช้ความรุนแรงว่า ข้อเท็จจริงของสังคมวันนี้ คือมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันในหลายประเด็น ทั้งมิติการเมืองเศรษฐกิจ สังคม โดยเฉพาะทางการเมืองที่มีความเห็นที่แตกต่าง มีการต่อสู้กันทางความคิดมายาวนานในสังคมไทย เพียงแต่ประเด็นคือรูปแบบวิธีการแสดงออกจำเป็นที่จะต้องอยู่ในกรอบของกฎหมาย ข้อเท็จจริง เหตุผลและวุฒิภาวะ ในทัศนะส่วนตัวเห็นว่ากรณีที่เกิดขึ้นกับขบวนเสด็จฯ นั้นเป็นเรื่องที่น่าห่วงใยอย่างยิ่ง จะบอกว่าเห็นด้วยคงพูดไม่ได้ แต่หวังว่าผู้ที่เคลื่อนไหวต่อสู้ต่างๆ ต้องใช้วุฒิภาวะศึกษาเรียนรู้ เก็บประสบการณ์ เพื่อที่จะทำให้รูปแบบและวิธีการของแต่ละคนของแต่ละกลุ่มไม่เป็นเงื่อนไข ที่จะทำให้สถานการณ์อันไม่พึงประสงค์ลุกลามบานปลายออกไป
“การใช้ความรุนแรง การใช้กำลังของทุกฝ่ายเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้ และต้องเรียกร้องให้ทุกฝ่ายตั้งสติ ใช้เหตุผล อย่าใช้อารมณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้กำลังในการแสดงออกหรือเอาชนะกันทางการเมือง เพราะสถานการณ์ดังกล่าวไม่นำผลบวกมาสู่บุคคล องค์กรหรือสถาบันใดๆ มีแต่จะทำให้สถานการณ์ตึงเครียดหรือเลวร้ายลง ผมอยากให้ทุกอย่างเป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ เป็นเรื่องของกฎหมายบ้านเมืองและเป็นเรื่องของวุฒิภาวะของผู้คนในสังคม ที่จะวิเคราะห์ แยกแยะและทำความเข้าใจกับความคิดเห็นที่แตกต่างในการอยู่ร่วมกันได้ ทราบว่าจะมี สส.ยื่นญัตติด่วนเรื่องดังกล่าวนี้เข้าสู่ที่ประชุมสภาฯ ในวันที่ 14 ก.พ.นี้ ซึ่งก็เป็นสถาบันหลักแห่งหนึ่งที่ต้องมีการอภิปราย ขบคิดหาวิธีการระวังป้องกัน หรือแก้ไขปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น” นายณัฐวุฒิ กล่าว
เมื่อถามว่าเรื่องนี้จะกลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียวได้หรือไม่ เนื่องจากสังคมส่วนใหญ่รับไม่ได้กับเรื่องที่เกิดขึ้น นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า อย่าให้เป็นถึงขนาดนั้นเพราะประวัติศาสตร์ของปะเทศไทย เราบอบช้ำสูญเสียกับความขัดแย้งทางการเมืองมามากแล้ว แม้กรณีที่เกิดขึ้นจะนำความไม่พอใจมาสู่หลายคนหลายฝ่าย แต่เท่าที่ทราบมีการแสดงออกอย่างสันติวิธีหลากหลายรูปแบบ ซึ่งตนมองว่ายอมรับได้ สิ่งที่จะป้องกันระวังยับยั้งยังไม่ให้เกิดขึ้น คือการใช้ความรุนแรง ตราบใดที่ความคิดเห็นแตกต่างยังสามารถอยู่ร่วมกันในสังคม โดยไม่มีการประทุษร้ายต่อกัน ตนมองว่าอย่างมีความหวังสำหรับการเดินไปข้างหน้าของประชาธิปไตยแม้ว่าจะยากเย็นและยาวนานก็ตาม
เมื่อถามถึงกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พระราชวัง จับกุมตัวผู้สื่อข่าวภาคสนามสำนักข่าวประชาไทและช่างภาพอิสระในข้อกล่าวหาว่า “เป็นผู้สนับสนุนทำให้โบราณสถานเสียหายจากการขีดเขียนข้อความ” ว่า ตอนนี้ไม่แน่ใจในรายละเอียดของกรณีดังกล่าว แต่หลักการและจุดยืนทุกสังคมเสรีภาพของสื่อมวลชนต้องได้รับการคุ้มครองโดยรัฐและกลไกของบ้านเมือง ตราบใดก็ตามที่สื่อมวลชนปฏิบัติหน้าที่ พวกเขาไม่ได้ถึงมีอภิสิทธิ์แต่มีสิทธิและเสรีภาพโดยชอบ ที่จะนำเสนอรายงานข้อเท็จจริง แต่กรณีการควบคุมตัวสื่อมวลชนที่เกิดขึ้นเรายังมีข้อมูลน้อยมากจากฝ่ายเจ้าหน้าที่ว่าข้อเท็จจริงคืออะไร เหตุผลที่ไปที่มาของการจับกลุ่มในคราวนี้เป็นอย่างไร หวังใจว่าเพื่อให้สังคมคลายความกังวลและลดอุณหภูมิความร้อนแรงของสถานการณ์ในขณะนี้ เจ้าหน้าที่น่าจะมีคำอธิบายเพิ่มเติมว่ากรณีดังกล่าวเกิดขึ้นจากอะไร ข้อหาคืออะไร กระบวนการขั้นตอนดำเนินการถูกต้องชอบด้วยหลักนิติธรรมหรือไม่ คิดว่าในเร็วๆ นี้ควรจะมีคำอธิบายออกมา.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'ยศชนัน' โวยป้ายหาเสียงถูกทำลาย วอนเล่นการเมืองสร้างสรรค์ มั่นใจรักษาฐานเสียงชายแดน
‘ยศชนัน’ วอนเล่นการเมืองสร้างสรรค์ หลัง ’เพื่อไทย’ ถูกทำลายป้ายหาเสียงหลายเขต บอกไม่ถูกต้อง หลังถูกวิจารณ์เป็นพรรคตัวแปรอันดับ3 เหตุ ปชช. ยังไม่ตัดสิน มั่นใจ รักษาฐานเสียงจังหวัดชายแดนได้ เชื่อประชาชนเข้าใจ
‘อัครนันท์’ ชูหาเสียงไม่รบกวนชุมชน ตั้งหลักคิดคุณภาพชีวิตมาก่อน
“อัครนันท์” ออกแนวทางการหาเสียงไม่กระทบกับชาวบ้านในพื้นที่ ปรับเวลารถแห่ จาก 08.00 น.เป็น 10.00 น. หวังลดผลกระทบด้านเสียง เอาใจ คนในพื้นที่
‘สมศักดิ์’ นำผู้สมัครเพื่อไทย 3 จังหวัด สักการะมหาราชก่อนจับเบอร์
“สมศักดิ์” นำผู้สมัคร สส. เพื่อไทย “ตาก-สุโขทัย-พิษณุโลก” สักการะมหาราชทั้ง 3 พระองค์ “ศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช-พระบรมราชานุสาวรีย์พ่อขุนรามคำแหงมหาราช-ศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช” เอาฤกษ์เอาชัย ก่อนลุยจับเบอร์สู้ศึกเลือกตั้ง

