'เอกนัฏ' ชี้ภัยคุกคามขบวนเสด็จเริ่มมากขึ้น แนะตร.ปรับวิธีรับมืออย่าปล่อยให้ขยายผลต่อ

"เอกนัฎ" เสนอญัตติทบทวนมาตรการถวายอารักขาขบวนเสด็จฯ แนะปรับระเบียบให้ทันสมัย ชี้บานปลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียว หวั่นทำเป็นแฟชั่น

14 ก.พ.2567 - เวลา 12.30 น. ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาฯ ที่มีนายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาฯคนที่หนึ่ง เป็นประธานการประชุม นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ(รทสช.) อภิปรายญัตติด่วน เรื่องขอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาทบทวนมาตรการอารักขาถวายความปลอดภัยขบวนเสด็จ ว่าที่ตัดสินใจเสนอญัตติด่วนในวันนี้สืบเนื่องมาจากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 4 ก.พ. ซึ่งมีการเผยแพร่มีการรบกวนก่อกวนขบวนเสด็จ สร้างความสะเทือนใจให้กับคนไทย เพราะจากที่เห็นคลิปซึ่งมีการเผยแพร่ รู้สึกตกใจเนื่องจากขบวนเสด็จที่ใช้เป็นทางสัญจรเป็นขบวนที่สั้นมาก เห็นได้ชัดว่าการถวายความปลอดภัยในวันนั้นดำเนินการด้วยความระมัดระวังไม่ให้กระทบกับการจราจรของพี่น้องประชาชนและไม่ปรากฏว่ามีลักษณะการปิดถนนปิดกั้นการสัญจรของพี่น้องคนไทย มีการกัน เป็นจังหวะ เป็นช่วง เป็นตอน ให้การจราจรไหลไปตามปกติ แต่ปรากฏว่ามีรถคันหนึ่งของผู้ก่อเหตุ วิ่งมาด้วยความเร็วเจตนาชัดเจน โดยขบวนเสด็จผ่านไปแล้วยังพยายามวิ่งไล่ขบวนเสด็จ จนรถที่ปิดท้ายต้องมากันรถผู้ก่อเหตุออกไป และหลังจากนั้นปรากฏขึ้นอีกคลิปหนึ่งทำให้เห็นเจตนาของผู้ก่อเหตุในวันนั้นว่าคืออะไร

นายเอกนัฏ กล่าวอีกว่าหลังจากเห็นคลิปแล้ว เชื่อว่าความรู้สึกของตนเหมือนกับสส.หลายคนในห้องนี้ และรู้สึกเช่นเดียวกับประชาชนหลายคน ซึ่งตนรู้สึกโกรธมากว่าทำไมถึงต้องทำเช่นนี้ แต่มีประโยคหนึ่งที่แว่วทำให้ตนรู้สึกลดโทสะะลงคือพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่พระองค์ท่านทรงตรัสไว้ว่า Thailand is the Land of compromise หรือประเทศไทย คือดินแดนแห่งการประนีประนอม ทำให้ดึงสติตนลดความโกรธลดลงมา เพราะความจริงแล้วพฤติกรรมแบบนี้ ไม่ต้องพูดถึงพฤติกรรมที่เกิดขึ้นกับขบวนเสด็จ แค่มารยาททางสังคม เวลาเดินจะเข้าลิฟท์ยังต้องหลีกทางให้กันและกัน แม้กระทั่งบนถนนที่ใช้ก็มีมารยาทในการสัญจรการจราจรบนถนน สิ่งที่ตนคาดหวังหลังเกิดเหตุ คือเจ้าหน้าที่จะดำเนินการอย่างไรบ้าง แต่ปรากฏว่าเหตุการณ์เกิดเมื่อวันที่ 4 ก.พ. รอมาเกือบสัปดาห์ปรากฏว่าท่าทียังไม่ชัดเจน จนกระทั่งวันที่ 10 ก.พ. ผู้ก่อเหตุยังเหิมเกริมไปทำโพลที่บีทีเอสสยาม จนเกิดการกระทบกระทั่งเกิดเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างประชาชนที่ไม่พอใจกับผู้ก่อเหตุ

นายเอกนัฏ กล่าวต่อว่า การเสนอญัตติครั้งนี้ไม่มีความตั้งใจที่จะมาพูดเพื่อซ้ำเติมความร้าวฉาน ความแตกแยกที่เกิดขึ้นอยู่แล้วในความรู้สึกของทั้งสองฝั่ง แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ควรเกิดขึ้นอีก และถ้าเราปล่อยปละละเลยในที่สุดสถานการณ์ตามที่เราได้เห็นวันที่ 10 ก.พ.เริ่มมีการประท้วงมีการปะทะกันในหมู่ประชาชน ถ้าเราไม่รีบบริหารจัดการจะบานปลายไปสู่ความแตกแยกความรุนแรงที่อาจจะปะทุ บานปลายถึงความขัดแย้งระดับประเทศ จึงขอให้เจ้าหน้าที่ช่วยบังคับกฎหมายในทันที เพื่อความสงบเรียบร้อยเพื่อไม่ให้สถานการณ์บานปลายจึงเป็นอำนาจหน้าที่ของเจ้าหน้าที่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเร่งบังคับใช้กฎหมาย ไม่มีอะไรที่อยู่เหนือกฎหมาย การใช้สิทธิเสรีภาพมีกรอบชัดเจนว่าต้องไม่ไปละเมิดสิทธิเสรีภาพของคนอื่น และต้องไม่กระทำความผิดกฎหมายตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

นายเอกนัฏ ยังเสนอให้ทบทวนระเบียบมาตรการต่างๆรวมถึงแผนการถวายการอารักขาความปลอดภัยแก่ขบวนเสด็จ แม้ปัจจุบันกฎหมายที่ใช้ ถือว่ามีความทันสมัย ตามพ.ร.บ.การถวายความปลอดภัย แต่ในความเห็นของตนเนื่องจากภารกิจนี้มีความสำคัญ และเหตุการณ์ลักษณะนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก จนทำให้ตนกังวลว่าหากเราไม่ทบทวนมาตรการเข้มงวดจะเป็นการปล่อยปละละเลยจนกระทั่งการกระทำในลักษณะแบบนี้เป็นแฟชั่น เป็นค่านิยมใหม่ที่เกิดขึ้น และไม่อยากจินตนาการเลย ถ้าหากปล่อยให้บานปลายมากไปกว่านี้ ดังนั้นจึงควรต้องมีการปรับปรุง ระเบียบ และแผนในการปฏิบัติที่ยังใช้ของเดิมตั้งแต่ปี 2548 ในขณะที่สถานการณ์ความขัดแย้งและบริบททางสังคมเปลี่ยนไปเยอะ ใน 10 ปีที่ผ่านมา แม้กระทั่งนิยามของภัยคุกคามหรือความพยายามที่จะก่อกวนขบวนเสด็จหรือก่อเหตุให้เกิดอันตรายก็เปลี่ยนแปลงไป เพราะไม่สามารถจินตนาการว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น แต่ก็ได้เกิดขึ้นแล้ว ดังนั้นหากกฎหมายอัพเดตแล้วระเบียบแผนมาตรการจะต้องอัพเดทตามกฎหมายด้วย จะต้องมีความกระชับ มีความชัดเจน มีเจ้าภาพ มีขอบเขตพื้นที่ที่ชัดเจน ไม่อยากให้เกิดข้อถกเถียงในการปฏิบัติหน้าที่ว่า เหตุเกิดขึ้นแล้วเป็นของใคร เรื่องของการถวายความปลอดภัยการถวายพระเกียรติถือเป็นภารกิจสำคัญมากๆ ต้องมีความชัดเจนและสิ่งสำคัญที่สุดคือการฝึกซ้อม

"เห็นไหมครับก่อเหตุปุ๊บถ่ายคลิปทันทีแบบนี้เจ้าหน้าที่จะต้องมีการฝึกซ้อม แผนรองรับ อะไรที่ทำได้ อะไรที่ทำไม่ได้ อะไรที่ประชาชนผู้ก่อเหตุไม่สามารถทำได้ เมื่อเกิดเหตุสิ่งแรกที่จะต้องสื่อสารกับผู้ก่อเหตุคืออะไร เพราะประโยคนั้นเป็นประโยคที่สำคัญที่สุดถือเป็นจุดเริ่มต้นของกระบวนการดำเนินการตามกฎหมายแล้ว แต่ผมไปดูคลิปผมขอไม่วิจารณ์การปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่มากไปกว่านี้ เพราะเข้าใจว่าในส่วนของแผนมาตรการต่างๆอาจจะลงไม่ชัดเจน ไม่มีการฝึกซ้อม ไม่มีคู่มือการปฏิบัติหน้าที่ แต่ผมหวังว่าหลังจากเหตุการณ์นี้จะไม่มีลักษณะแบบนี้เกิดขึ้นอีก" นายเอกนัฏ กล่าว

นายเอกนัฏ กล่าวด้วยว่า สิ่งสำคัญที่สุดคือการสื่อสารกับประชาชน เพราะต้องยอมรับว่าในภารกิจการถวายความปลอดภัย ไม่มีที่ไหนในโลกที่จะไม่ส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนเลย แต่เชื่อว่า พี่น้องประชาชนเข้าใจ และถือว่าเป็นความปลอดภัยต่อสาธารณะด้วย

"ขอส่งสัญญาณผ่านรัฐบาลไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ปรับปรุงสื่อสารถึงหน่วยงานต่างๆ เพราะกังวลว่าถ้าปล่อยผ่านละเลย และเราไม่เข้มงวดเหตุการณ์แบบนี้จะกลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียวที่นำไปสู่ความวุ่นวาย เกิดการปะทะกันในหมู่ประชาชนเกิดความแตกแยก และขอย้ำว่าพวกเราอยากเห็นบ้านเมืองสงบสุขไม่อยากให้มีพฤติกรรมหรือค่านิยมแฟชั่นที่ออกมาบั่นทอนสถาบัน ที่เป็นสถาบันหลักของประเทศ จึงเป็นเหตุผลที่ผมตัดสินใจขอเสนอเป็นญัตติด่วน เพื่อให้สส.ได้พิจารณา ให้รัฐบาลเร่งดำเนินการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้บังคับใช้กฎหมายทบทวนระเบียบ แผน และมาตรการการถวายความปลอดภัยขบวนเสด็จให้เหมาะสม ทันสมัยมีการฝึกซ้อม และประชาสัมพันธ์กับประชาชน ถือเป็นความปลอดภัยให้สมพระเกียรติ เพื่อรักษาไว้ซึ่งสถาบันหลักของชาติ"นายเอกนัฎ กล่าว

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

รทสช. เปิด 3 แคนดิเดตนายกฯ ชูสโลแกน เด็ดขาดแก้วิกฤต พลิกโฉมประเทศ

นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ พร้อมด้วย นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี รองหัวหน้าพรรค และนายนราพัฒน์ แก้วทอง รองหัวหน้าพรรค แถลงนโยบายพรรค พร้อมเปิดสโลแกนพรรค “เด็ดขาดแก้วิกฤต พลิกโฉมประเทศ” และเปิดแคนดิเดตนายกฯ 3 คน ได้แก่ นายพีระพันธุ์ นายอรรถวิชช์ และนายนราพัฒน์

'รทสช.' เตรียมเปิดตัว แคนดิเดตนายกฯ-นโยบายพรรคชุดแรก 22 ธ.ค.นี้ 

พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เตรียมแถลงเปิดตัวแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี และนโยบายชุดแรก ในวันที่ 22 ธ.ค.68 เวลา 13.00 น. ณ ที่ทำการพรรค

รทสช. ปลุกว่าที่ผู้สมัคร สส. ยึดความซื่อสัตย์ ต้องไม่ก้มหัวให้นายทุน

รทสช. ปลุกใจว่าที่ สส. ต้องรักษาความศักดิ์สิทธิ์ของอำนาจประชาชน ยึดความซื่อสัตย์ ไม่ก้มหัวให้นายทุน-ระบบซื้อเสียง ตั้งเป้าฟื้นเศรษฐกิจฐานราก ปลดล็อกข้อพิพาทที่ดินให้เกษตรกร

รทสช. ติวเข้มผู้สมัคร สส. ชูนโยบายปราบสแกมเมอร์ ปิดฉากรบสยบเขมร

รทสช. พร้อมลุยเลือกตั้ง "พีระพันธุ์" นำเวิร์กช็อป ติวเข้มว่าที่ผู้สมัคร สส. ทั่วประเทศ ย้ำจุดยืน ‘เด็ดขาดแก้วิกฤต พลิกโฉมประเทศ’ ปิดฉากรบสยบเขมร ปราบทุจริต-สแกมเมอร์ ลดค่าไฟ-น้ำมัน เสริมเศรษฐกิจฐานราก สร้างเงินให้เกษตรกร