17 ก.ค.2567 - ที่รัฐสภา มีการประชุมพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 ตามที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เป็นผู้เสนอวงเงินจำนวนไม่เกิน 122,000 ล้านบาท
เวลา 11.45 น. นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล สส.แพร่ พรรคเพื่อไทย (พท.) อภิปรายว่า โครงการดิจิทัลวอลเล็ตเป็นนวัตกรรมทางการเงินที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจให้หมุนเวียนสามารถสร้างรายได้ให้กับประชาชนได้ ซึ่งแนวคิดนี้ไม่เหมือนกับแนวคิดรัฐสวัสดิการที่เข้ามาเป็นรัฐบาลแล้วต้องหาเงินมาแจก แต่ไม่ได้ทำให้ความเป็นอยู่ของประชาชนดีขึ้นเหมือนกับที่พรรค พท. กำลังดำเนินการโครงการนี้ และคนที่อภิปรายว่าโครงการนี้จะทำได้อย่างไร จะเอาเงินมาจากไหนนั้น ต้องมาศึกษาว่ารัฐบาลจะทำได้อย่างไร ไม่เช่นนั้นก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะไปพูดนโยบายเรื่องรัฐสวัสดิการที่ใช้เม็ดเงินมากกว่านี้ ย้ำว่ารัฐบาลมีเป้าหมายและแผนกำกับในการดำเนินโครงการดังกล่าว
นายวรวัจน์ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม สมัยที่พรรคไทยรักไทย โดยการนำของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นรัฐบาลก็ได้มีการนำนวัตกรรมทางด้านการเงินมาใช้ โดยบอกว่าจะต้องมีรดน้ำต้นไม้ที่รากคือการใส่เงินไปสู่ประชาชนโดยผ่านหน่วยงานของรัฐให้น้อยที่สุด ซึ่งก็มีการพูดถึงโครงการกองทุนหมู่บ้าน กองทุนละ 1 ล้านบาทก็มีแต่เสียงคัดค้านว่าจะนำเงินมาจากไหน เป็นไปไม่ได้ แต่พรรคไทยรักไทยก็สำเร็จจนเป็นหนึ่งในนโยบายที่ครองใจประชาชนมาจนถึงปัจจุบันนี้ นอกจากนี้ ยังไม่โครงการอื่นๆ อีก เช่น โครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค, โครงการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์
นายวรวัจน์ กล่าวด้วยว่า โครงการดิจิทัลวอลเล็ตจะใช้เม็ดเงินผ่านแอปพลิเคชั่นทางรัฐ ซึ่งจะเป็นการใส่เงินให้ประชาชนที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไปจำนวน 10,000 บาท ขณะเดียวกันเมื่อประชาชนใช้จ่ายเงินออกไปแล้ว คนอื่นก็จะนำเงินมาจ่ายให้พวกเขาเช่นกัน ไม่ใช่การจ่ายขาด เพราะเป็นการหมุนเวียนมาจากทุกที่ เขาจึงเป็นทั้งผู้จ่ายและผู้รับ ทำให้เงินหมุนอย่างเป็นระบบทำให้รัฐบาลมีรายได้จากการเก็บภาษีมากขึ้น ไม่เหมือนแนวคิดเรื่องรัฐสวัสดิการที่คิดแล้วอย่างไรก็จ่ายไม่พอและต้องจ่ายทุกปี จ่ายมากกว่านี้ด้วยซ้ำ
นายวรวัจน์ กล่าวอีกว่า 1 ปีที่พรรค พท.เข้ามาบริหารประเทศ เราเห็นปัญหาด้านเศรษฐกิจมากมาย จึงจำเป็นอย่างยิ่งต้องมีการกระตุ้นเศรษฐกิจให้หมุนอย่างเป็นระบบ เพราะในระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา คนไทยมีรายได้น้อยลงแต่มีหนี้สินเพิ่มเกือบ 2 เท่า ทำให้ประชาชนใช้จ่ายใช้สอยไม่ได้ ซึ่งที่ผ่านมาพรรคไทยรักไทยเคยทำสำเร็จมาแล้ว และนี่จะเป็นอีกครั้งที่พรรค พท.จะทำให้สำเร็จเพื่อแก้ปัญหาให้พี่น้องประชาชน ย้ำว่าโครงการดิจิทัลวอลเล็ตจะเปิดโอกาสให้ประชาชนสามารถนำเงินที่ได้รับนำมารวมกันลงทุนสร้างธุรกิจหรืออุตสาหกรรมใหม่ๆ ให้เกิดขึ้นได้
“ฉะนั้น จึงอยากให้สส.ทุกคนที่ประชาชนไว้ใจมาได้มองเห็นประโยชน์จากการใช้จ่ายงบประมาณของรัฐบาลในการดำเนินโครงการดิจิทัลวอลเล็ต และได้โปรดคำนึงถึงปัญหาหนี้ครัวเรือนและวิกฤตเศรษฐกิจที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน ในฐานะที่พวกเราเป็นสส.ที่ได้รับการเลือกตั้งจากประชาชน จึงอยากให้ทุกท่านร่วมกันสนับสนุนการจัดทำงบประมาณเพิ่มเติมของรัฐบาลในครั้งนี้ ปล่อยวางความคิดที่คัดค้าน แล้วคิดถึงความลำบากของประชาชนที่รอเม็ดเงินจำนวนนี้อยู่ รวมถึงขอให้กำลังใจนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่ตั้งใจทำโครงการนี้ แม้จะได้รับแรงกระแทกและเสียงกล่าวถึง แต่ท่านก็ยังตั้งใจ ซึ่งเชื่อว่าสิ่งที่ท่านตั้งใจจะเกิดประโยชน์กับประชาชน และสร้างความมั่นคงให้ประเทศชาติในอนาคต” นายวรวัจน์ กล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เพื่อไทย โจมตีรัฐบาลบกพร่องช่วยผู้ประสบอุทกภัยหาดใหญ่ สั่งอพยพแต่ไม่มีเครื่องมืออะไรเลย
นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล สส.แพร่ พรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีคลิปชาวบ้านในพื้นที่หาดใหญ่ออกมาขอน้ำ ขอข้าว ขอเรือ ฯลฯ จนทำให้มีคำถามในช่องทางโซเชียลถึงงบประมาณในการช่วยเหลือประชาชนยามเกิดเหตุภัยพิบัติฉุกเฉิน
นายกฯ รับพยายามดัน 'คนละครึ่งพลัส' เฟส 2 ให้ทันยุบสภา
นายกฯ บอกพยายามดัน "คนละครึ่งพลัส" เฟส 2 ให้ทันยุบสภา เลี่ยงตอบปมให้ทุกกระทรวงเสนองบก่อน 9 ธ.ค.นี้ ตอกกลับ ‘เมียจักรภพ’ ให้ถาม ปชช.ส่วนใหญ่ หลังโวยคนละครึ่งพลัสเป็นโครงการผิดพลาด
รัฐบาลย้ำสิทธิ์ 'เที่ยวดีมีคืน' เหลือเวลาไม่มาก ลดหย่อนภาษีสูงสุด 30,000 บาท
รองโฆษกรัฐบาลแจ้งประชาชนเร่งใช้สิทธิ์ก่อนปิดโครงการ นำค่าใช้จ่ายท่องเที่ยวในประเทศ ที่พัก ร้านอาหาร
‘ประเสริฐ’ ยัน สส.เพื่อไทย ไม่เกี่ยวเว็บพนันออนไลน์ หลังถูกพาดพิง จ่อ หารือให้ฝ่ายกฎหมายฟ้องกลับ
ที่พรรคเพื่อไทย นายประเสริฐ จันทรรวงทอง สส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีการเปิดชื่อสส.พรรคเพื่
'จุลพันธ์' ไม่กังวลถูก ป.ป.ช. สอบปมโยกงบ 35,000 ล้าน
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภา
ร้านค้าบุรีรัมย์คึกคัก วันแรกใช้สิทธิ 'คนละครึ่งพลัส' ประชาชนกล้าใช้จ่ายมากขึ้น กระตุ้นยอดซื้อได้ดี
คนละครึ่งพลัสวันแรก มีประชาชนแห่สแกนซื้อสินค้า ทั้งของกินของใช้กันอย่างคึกคัก ขณะที่ลูกค้าหลายรายยังไม่เข้าใจระบบการเติมเงิน ว่าจะต้องกดเติมเงินและสแกนจ่ายอย่างไร โชคดีทางร้านช่วยแนะนำ ขณะแม่ค้าเผยอานิสงค์โครงการฯ ทำให้มีประชาชนเริ่มออกมาจับจ่ายซื้อสินค้ามากขึ้นกว่าปกติ


