
'สุพัฒนพงษ์' กางตำราเศรษฐศาสตร์แก้ปัญหาแพงทั้งแผ่นดิน ระบุเป็นเรื่องชั่วคราว บอกประชาชนอย่าเฝ้ามองแค่สินค้าตัวใดตัวหนึ่ง ดูภาพรวมดีกว่า ชี้อาจเป้นผลดีสะท้อนว่าการบริโภคกระเตื้องขึ้น
13 ธ.ค.2565 - นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมการแก้ไขราคาสินค้าแพงว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม กำลังแก้ไขปัญหานี้อยู่ ประเด็นสินค้าราคาแพงต้องพิจารณาว่ามาจากปัจจัยใด ซึ่งรัฐบาลเองมีนโยบายและได้หารือกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อควบคุมภาวะเงินเฟ้อ โดยตัวเลขจากสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และการพยากรณ์จากหลายสถาบัน เชื่อได้ว่าอัตราเงินเฟ้อของไทยจะอยู่ในระดับ 1-3% โดยไม่สามารถดูเฉพาะเจาะจงในรายการสินค้าได้ ต้องดูภาพรวมของอัตราเงินเฟ้อแทน เป็นเป้าหมายที่เราต้องควบคุมให้ได้ ซึ่งจะแตกต่างจากประเทศอื่นๆ เช่น สหรัฐอเมริกาที่อัตราเงินเฟ้อขึ้นไปถึง 7% อย่างไรก็ตาม เราไม่ได้ประมาทในเรื่องนี้ ส่วนไหนที่ตรึงได้ก็พยายามจะตรึง ส่วนไหนที่เป็นปัญหาเกี่ยวกับกลไกตลาดก็จำเป็นต้องเพิ่มการผลิตให้มากขึ้นกรณีที่เกิดขาดความแคลนในสินค้าประเภทนั้น ไม่อยากให้ประชาชนไปเฝ้ามองเพียงแค่การขาดสินค้าตัวใดตัวหนึ่ง เพราะอยากให้ดูในภาพรวมดีกว่า
ผู้สื่อข่าวถามว่า ต้องมีมาตรการทางการคลังลงไปช่วยหรือไม่ เช่น โครงการคนละครึ่ง นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า เรามีกำหนดการเร่งหารือกับกระทรวงการคลัง เพื่อติดตามสถานการณ์ ซึ่งไม่ใช่แค่สถานการณ์แค่ไทยอย่างเดียว แต่ต้องดูสถานการณ์โลกด้วย ว่าจะมีผลกระทบอย่างไร เพราะอัตราเงินเฟ้อและภาวะสินค้าแพง จะบอกว่าเป็นข่าวดีก็ไม่เชิง แต่เรื่องนี้แสดงถึงการที่ประชากรโลกมีการบริโภคมากขึ้น หรือแสดงถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก จึงทำให้เกิดความต้องการบริโภคสูงขึ้น ที่ผ่านมาเกิดการชะลอตัวทางการผลิต เนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ทำให้เกิดการลงทุนลดลงและผู้ประกอบการไม่กล้าที่จะขยายกำลังการผลิต บางส่วนของสินค้ายังมีการชะงักชะงันอยู่จากการแพร่ระบาดของเชื้อโอมิครอน เรายังมองว่าเป็นเหตุการณ์ชั่วคราว และเชื่อได้ว่าจะเกิดการผลิตมากขึ้นหากสามารถควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดได้ดี
เมื่อถามถึงกรณีที่มีข้อเสนอให้ออกมาตรการคนละครึ่งเฟส 4 ให้เร็วขึ้น นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า เป็นไปได้หมด ซึ่งต้องประเมินอีกครั้งหนึ่ง เพราะอาจจะมีมาตรการอื่นก็ได้
เมื่อถามว่า มีการเสนอให้รัฐนำเงินลงไปอุดหนุนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า สศช.กำลังติดตามในเรื่องนี้และคาดว่าจะมีรายละเอียดออกมา ขณะนี้กำลังรวบรวมข้อมูลจากทุกกระทรวงเพื่อสร้างเศรษฐกิจพื้นฐานไปสู่ท้องถิ่นให้มากที่สุด
เมื่อถามว่า หากอัตราเงินเฟ้อขึ้นไปเฉียด 3% จะเรียกประชุมหน่วยงานเศรษฐกิจฉุกเฉินหรือไม่ นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า รอให้เกิดก่อนแล้วกัน เพราะตอนนี้ยังไม่เกิด เราติดตามอย่างใกล้ชิดอยู่แล้ว รัฐบาลมีความห่วงใยในเรื่องนี้ และนายกฯให้ความสำคัญเรื่องนี้เช่นกัน ประชุมร่วมกับกระทรวงการคลังตลอด ไม่ได้ละเลย หรือไม่ได้ไม่ห่วงใย นายกฯ เห็นว่ารัฐบาลก็ได้ทำในหลายๆ เรื่องอยู่แล้ว ทั้งการตรึงราคาสินค้าบางส่วน เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบเป็นวงกว้าง เชื่อว่าสถานการณ์นี้เป็นเรื่องชั่วคราว การตรึงราคาไว้บางส่วนก็อาจจะเป็นประโยชน์ได้ และไม่ให้เกิดความตื่นตระหนกมากเกินไปจนทำให้ผู้ประกอบการตัดสินใจขึ้นราคาสินค้าของตนเอง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'ไอติม' เลี่ยงยื่นซักฟอก ใช้กลไกอื่นตรวจสอบรัฐบาลแทน
'พริษฐ์' ปัดตอบยื่นซักฟอกรัฐบาล ขอใช้กลไกอื่นของสภาตรวจสอบเข้มข้นแทน เชื่อถกแก้ รธน. วาระ 2 จบภายใน 3 วัน นัดประชุมวิปฝ่ายค้านวางกรอบ 9 ธ.ค.
รัฐบาลยกเว้น 'ค่าไฟ' พ.ย. 420 ล้าน เยียวยาน้ำท่วมสงขลา
นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า การเยียวยาและฟื้นฟูพื้นที่ประสบอุทกภัย โดยเฉพาะในจังหวัดสงขลา เดินหน้าไปอย่างมาก โดยปัจจุบันสามารถนำประชาชนกลับบ้านไปได้กว่า 90%
'อนุทิน' สวน พท. ใครทำงานห่วย ยุครัฐบาลนิด-อิ๊งค์ ติดโพลอันดับ 2
'อนุทิน' สวนเพื่อไทย ถ้าทำงานห่วย คนตั้งก็แย่สิ ยุครัฐบาล 'อิ๊งค์ - เศรษฐา' ผลโพลชี้ชัดนั่งแท่นอันดับ 2 ทิ้งห่าง พท. หัวเราะให้คะแนนตัวเอง 'เดี๋ยวจะหาว่าคุย'
นายกฯ ประธานพิธีเจริญพระพุทธมนต์ ทำบุญตักบาตร ถวายพระราชกุศล 'ร.9'
นายกฯ เป็นประธานในพิธีเจริญพระพุทธมนต์ ทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศล เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ 'ในหลวง ร.9' วันชาติ และวันพ่อแห่งชาติ 5 ธ.ค. 2568
หยิกเล็บเจ็บเนื้อ! 'ภท.-พท.' โต้เดือดพัวพัน 'เบน สมิธ'
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า กรณีเบน สมิธ : ภูมิใจไทย-เพื่อไทย หยิกเล็บเจ็บเนื้อ
รู้จักน้อยไปจริง! กระทุ้ง 'อนุทิน' เผยตัวตนให้มากขึ้น
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต สส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า หรือเรารู้จักท่านนายกรัฐมนตรีน้อยไปจริงๆ


