เจาะสนามเลือกตั้งนายกอบจ.จันทบุรี จับตาม้ามืด 'ชาตรี ทิพยเจือจุน' เบอร์ 5

15 ม.ค.2568 - สืบเนื่องเหตุการณ์ทำลายป้ายหาเสียงผู้สมัคร นายก อบจ.จันทบุรี แต่ยังไม่ทราบผู้กระทำความผิด ต่อมามีเหตุการณ์นายวิโรจน์ ลักขณานุสรณ์ ส.ส.พรรคประชาชนและรองหัวหน้าพรรคประชาชนโดยเป็นผู้ช่วยหาเสียงของ นายมานะ ชนะสิทธิ์หรือ สจ.หน่อย ผู้สมัครนาย อบจ.จันทบุรี เบอร์ 1 ทำให้กระแสการเมืองแข่งขันในพื้นที่จังหวัดจันทบุรีส่อเค้าเริ่มรุนแรง แต่ในการสมัครรับเลือกตั้งท้องถิ่นระดับ อบจ.จันทบุรีในครั้งนี้ ผู้สมัครฯต่างๆพอจับทิศทางและกระแสการเมืองในท้องถิ่นได้พอควรว่าใครจะเข้าวิน

เจาะสนามเลือกตั้ง ส่องม้ามืด นักธุรกิจที่มีชื่อเสียงอย่าง ดร.ตี๋ “ชาตรี ทิพยเจือจุน” ผู้สมัคร นายก อบจ.จันทบุรี เบอร์ 5 ในนามกลุ่ม “จันทร์มั่นคง” ได้ส่งผู้สมัครสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดจันทบุรี(สจ.) ท้าชน จำนวน 18 เขต โดยผู้สมัคร สจ. ทั้งจังหวัด เป็นเบอร์ 5 เช่นกัน เว้นแต่ในเขต 1,2 อำเภอโป่งน้ำร้อน เป็นเบอร์ 3 ทั้งสองเขต ทำให้ง่ายต่อการรณรงค์หาเสียง โดยทีมจันทร์มั่นคง ใช้จุดแข็งในนำนโยบาย 9 ดี 9 นวัตกรรม ในการรณรงค์หาเสียงและเน้นการบริหารงานท้องถิ่น “ไม่ขายฝันแต่ทำจริง”

หากอ่านเกมการเมือง พบว่า ชาตรี ทิพยเจือจุน และผู้สมัคร สจ.แต่ละเขต พร้อมผู้ช่วยหาเสียงได้ปูพรม ในการลงพื้นที่เคาะประตูบ้าน ทุกตำบล ทุกอำเภอ ในจังหวัดจันทบุรี โดยชูนโยบายหลัก ในการบริหารจัดการน้ำ แก้ปัญหาน้ำ ภัยแล้ง ที่ประชาชนต้องต่อแถวกันซื้อน้ำ เพราะพื้นที่จังหวัดจันทบุรี ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่เกษตร ทำสวนผลไม้ ที่กระทบต่อปัญหาพื้นที่ของจังหวัดจันทบุรี และปัญหาช้างป่า บุกรุกและทำร้ายประชาชน หากพิจารณาถึงความรู้ความสามารถ ดร.ตี๋ “ชาตรี ทิพยเจือจุน” มีจุดแข็งเป็นจุดเด่น เป็นมือบริหารจัดการด้านน้ำโดยตรง หากพิจารณาถึงงานวิจัยที่ยืนยันได้ผ่านงานเขียนวิจัยระดับปริญญาเอกปรัชญาดุษฎีบัณฑิตสาขาวิชาการเมือง คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง เป็นหัวใจหลักในการแก้ปัญหาบริหารจัดการน้ำโดยตรง โดยนำมาเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายในการแก้ปัญหาท้องถิ่นจันทบุรีได้โดยตรง

หากพิจารณาคู่แข่งคนสำคัญ อย่าง นายธนภณ กิจกาญจน์ ผู้สมัคร เบอร์ 2 อดีตนายก อบจ.จันทบุรี ที่ครองเก้าอี้มาหลายสมัยและระยะเวลานานถึง 28 ปี ที่ผ่านมายังไม่มีผู้ท้าชิง แต่ครั้งนี้ มีผู้ท้าชิง ที่มีความพร้อมอย่าง ดร.ตี๋ “ชาตรี ทิพยเจือจุน” เบอร์ 5 วัดกำลังขุมอำนาจ โดย ดร.ตี๋ ชาตรี ทิพยเจือจุน กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่า “ไม่มีพรรค มีแต่พวก” สามารถทำงานร่วมได้ทุกกลุ่มท้องถิ่นจังหวัดจันทบุรี แบบไร้รอยต่อ แม้จะมีคู่แข่ง ที่มีองคาพยพ ส.ส.ถึง 3 เขต มาช่วยหาเสียง ให้แก่ นายมานะ ชนะสิทธิ์หรือ สจ.หน่อย เบอร์ 1 ในสังกัดพรรคประชาชนก็ตาม แต่หากพิจารณาถึงบริบทการเมืองท้องถิ่นย่อมแตกต่างจากการเมืองระดับชาติ จะเห็นได้จากพื้นที่หลายจังหวัด ที่ส่งในนามตัวแทนจากพรรคประชาชนแพ้ทุกจังหวัด แม้พรรคประชาชนจะมีองคาพยพในการช่วยผู้สมัครในการหาเสียงแต่นายมานะ ชนะสิทธิ์หรือ สจ.หน่อย มีจุดอ่อนเพราะย้ายพรรคการเมืองมาแล้วหลายพรรค ไม่ว่าจะเป็นเสื้อเหลือง เสื้อแดง กระแสประชาชนหนาหูว่า นายมานะ ชนะสิทธิ์หรือ สจ.หน่อย ขาดความแน่วแน่ในอุดมการณ์ หากพิจารณาการคัดเลือกผู้สมัครของพรรคประชาชนขัดแย้งกับแนวทางของพรรคประชาชนที่เน้นคนรุ่นใหม่ แต่ครั้งนี้ กลับเลือกผู้สมัครอย่างนายมานะ ชนะสิทธิ์หรือ สจ.หน่อย มาเป็นคู่แข่ง โดยใช้จุดขาย “มานะ มาแน่” หากพิจารณาถึง ดร.ตี๋ “ชาตรี ทิพยเจือจุน” มีอายุเพียง 47 ปี ถือว่าเป็นนักการเมืองคนรุ่นใหม่ ที่ไม่สังกัดพรรคการเมือง ประสบความสำเร็จทางธุรกิจตั้งแต่อายุน้อย แล้วมาเสนอตัวเป็นจิตอาสาทำงานให้ท้องถิ่นบ้านเกิด

หากพิจารณาถึงจุดอ่อน นายธนภณ กิจกาญจน์ ผู้สมัคร เบอร์ 2 อดีตนายก อบจ.จันทบุรี ที่ครองเก้าอี้มาหลายสมัย พบว่า สื่อมวลชนมีการนำเสนอข่าว ในช่วงปี 2564 พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญ ปานแก้ว ผู้บังคับการกองปราบปรามการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ยศและตำแหน่งในขณะนั้น) ร่วมกับหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง จับกุม ร่วมกับพระครูสุทธิตารกาภิรักษ์หรือพระครูปลัดณัฐดนัย เจ้าอาวาสวัดสุทธิวารี เจ้าคณะอำเภอสอยดาว กับพวก ในฐานร่วมกันการทุจริตงบสนับสนุนมูลนิธิพุทธมณพลจังหวัดจันทบุรี ฐานความผิดปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ ซื้อ ทำ จัดการรักษาทรัพย์ใดๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151,157 ซึ่งแม้คดีจะยังไม่ถึงที่สุด และมีสิทธิสมัครก็ตาม โดยหากเทียบเคียงกรณีโมเดล นายชาญ พวงเพ็ชร ผู้สมัครนายก อบจ.ปทุมธานี ครั้งนี้ คลื่นลูกใหม่มาแทนคลื่นลูกเก่า ม้ามืด กระแสคนจันทร์ ฮิ พร้อมเทคะแนนให้ดร.ตี๋ “ชาตรี ทิพยเจือจุน” เบอร์ 5 ยกจังหวัด กระแสม้ามืดมาแรง