'วุฒิสภา' ถก 3 ญัตติ 'ร่าง พ.ร.บ.ธุรกิจสถานบันเทิงฯ' ถึงเกือบเที่ยงคืน พร้อมตั้ง 'แก้วสรร-คำนูณ-จรัญ-เจิมศักดิ์' นั่ง กมธ.ศึกษาในสัดส่วนคนนอก
09 เม.ย.2568 - เมื่อช่วงค่ำวันที่ 8 เม.ย.ในการประชุมวุฒิสภา ครั้งที่ 28 สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง ก่อนเข้าสู่วาระขอเสนอญัตติตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงแบบครบวงจร หรือเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ที่นายสรชาติ วิชย สุวรรณพรหม สว. เป็นผู้เสนอ และวาระขอเสนอญัตติให้วุฒิสภาพิจารณาผลกระทบจากการดำเนินการเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร ที่นายวีระพันธ์ สุวรรณนามัย สว. เป็นผู้เสนอ ซึ่งมีนายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา เป็นประธานการประชุม
น.ส.นันทนา นันทวโรภาส สว. ได้เสนอญัตติด่วนด้วยวาจา ขอเสนอให้วุฒิสภาพิจารณาผลกระทบต่อร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้จัดทำประชามติในเรื่องดังกล่าวต่อไป นายมงคล จึงถามต่อที่ประชุมว่า จะมีสมาชิกท่านใดขัดข้องที่จะให้พิจารณาเรื่องนี้เป็นญัตติด่วนหรือไม่
ขณะที่นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร สว. หารือว่า อยากให้มีการอภิปรายรวมกันไปเลย เนื่องจากเป็นเรื่องเดียวกัน
เช่นเดียวกับนายวีระพันธ์ มองว่า น่าจะเป็นญัตติที่สามารถอภิปรายไปพร้อมกันได้ ไม่ต้องแยกเป็นอีกญัตติหนึ่ง เพราะหากรับเป็นญัตติด่วน จะเหมือนตัดหน้าแซงคิวกัน โดย น.ส.นันทนากล่าวว่า ยินดีที่จะให้มีการอภิปรายเรียงตามลำดับ แต่อยากให้ผู้อภิปรายสามารถพูดถึงทั้ง 3 ญัตติได้ไปพร้อมๆ กัน
นายเอกชัย เรืองรัตน์ สว. เสนอให้มีการเลื่อนญัตตินี้ เนื่องจากสภาผู้แทนราษฏร ได้มีการเลื่อนญัตติ ร่าง พ.ร.บ.ธุรกิจสถานบันเทิงฯ ออกไปแล้ว หาก สส. นำเข้ามาพิจารณาในครั้งหน้า แล้วเราอภิปรายซ้ำในเรื่องเดิมอีก
มองว่าจะดูไม่ดีเท่าไหร่
นายวุฒิชาติ กล่าวว่า ทั้งญัตติของนายสรชาติ และนายวีระพันธ์ คือการตั้งคณะกรรมาธิการขึ้นมาเพื่อศึกษา ดังนั้น จึงขอเสนอไม่ให้เลื่อนญัตติออกไป
นายวีระพันธ์ กล่าวอีกว่า ประชาชนรอเราอยู่ พอถึงเวลาที่เราจะพูดประเด็นซึ่งเป็นเรื่องสำคัญของชาติ แล้วมาบอกให้ยุติไปก่อนเนื่องจากฝั่ง สส. และ ครม.มีการเลื่อนออกไปนั้นไม่เห็นด้วย เพราะประชาชนจะรู้สึกผิดหวังต่อวุฒิสภาของเรามาก ไม่มีความจำเป็นใดๆ ที่จะต้องเลื่อน เราอยู่กันมาถึงขั้นนี้แล้ว ใครที่ไม่อยากพูดก็ถอนตัวออกไป ใครอยากจะเสนอก็เสนอต่อไป เรื่องนี้ไม่มีการเมือง แต่คือผลประโยชน์ของประเทศชาติ
ทำให้นายวุฒิชาติ เสนอให้มีการลงมติ ว่าจะเลื่อนหรือไม่ จากนั้นนายเอกชัย จึงขอถอนสิ่งที่ได้เสนอไป
นายมงคล ชี้แจงว่า ญัตติของ น.ส.นันทนา ที่มีการเสนอให้ทำประชามตินั้น ตามข้อบังคับที่ 39/1 จะต้องมีการทำเป็นหนังสือ โดยมีผู้รับรองไม่น้อยกว่า 20 คน หากจะมีการอภิปราย ต้องอภิปรายตามสองญัตติข้างต้น
น.ส.นันทนา กล่าวอีกว่า เรื่องการจัดทำประชามติเป็นเพียงหนึ่งข้อเสนอ ไม่ได้บอกว่าให้ต้องทำแบบนี้ เพียงแต่อยากให้มีการระดมความคิดเห็นอย่างกว้างขวาง ทำให้นายมงคล วินิจฉัยว่า ให้มีการอภิปรายทั้ง 3 ญัตติไปพร้อมกัน เนื่องจากเป็นญัตติที่มีเนื้อหาเป็นไปในทำนองเดียวกัน โดยที่ประชุมไม่มีใครขัดข้อง จึงถือว่าที่ประชุมเห็นชอบ ให้ดำเนินการต่อไปตามนี้
จากนั้น นายสรชาติ แถลงเหตุผลในการเสนอญัตติว่า ความเป็นจริงได้เสนอญัตตินี้ ตั้งแต่เดือนสิงหาคม จนถึงวันนี้ใช้เวลาประมาณ 8 เดือน ถ้าญัตติที่เสนอเป็นญัตติแรกของวุฒิสภาแห่งนี้ เพื่อทำการศึกษา เหมือนตนเองรู้ล่วงหน้าแล้วว่า อย่างไรรัฐบาลชุดนี้ ก็ต้องมีการเสนอร่าง พ.ร.บ.ธุรกิจสถานบันเทิงฯ เข้ามาสู่สภาผู้แทนราษฎร วันนี้ได้เวลาอันเหมาะสม ซึ่งตนก็ดีใจภายหลังทราบว่า ได้มีการบรรจุบัญญติประกบกับญัตติของนายวีระพันธ์ ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา มีการพูดคุยถึงเรื่องนี้ ซึ่ง อดีต สว.บางคน ก็ไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้เช่นเดียวกับตนเองเชื่อว่าเมื่อรัฐบาลทราบเรื่องว่า จะมีการอภิปรายสองญัตตินี้ จึงถอยออกไป
นายสรชาติ ระบุว่า การเสนอให้มีการตั้งกรรมาธิการวิสามัญ เพื่อศึกษา สามารถตั้งทั้งบุคคลภายในและภายนอกเข้ามา ซึ่งพวกเราได้มีการเตรียมการนำอาจารย์จากทุกมหาวิทยาลัยเข้ามาในสัดส่วนบุคคลภายนอก เตรียม สว.ผู้ที่จะทำหน้าที่ในการศึกษา จึงเชื่อว่า หากมีการตั้งกรรมาธิการตั้งแต่ในครั้งแรกที่ตนเสนอ ในวันนี้ก็น่าจะสำเร็จแล้ว และเป็นข้อมูลเพื่อยืนยันกับสภาผู้แทนราษฎรว่า เมื่อ สว.มีการศึกษาแล้ว ไม่มีความเหมาะสม วันนี้เราไม่อยากเห็นว่าเราไปคัดค้านกฎหมายโดยไม่มีหลักฐานเพียงพอ เพราะ สส. ก็เคยมีการศึกษามาแล้วถึง 2 ครั้ง แต่หากถามว่า ประชาชนทั้งประเทศเชื่อหรือไม่ เขาไม่เชื่อ ถ้าเขาเชื่อคงไม่มีการต่อต้านอย่างมากมายทั่วประเทศอย่างที่เกิดขึ้น
ขณะนายวีระพันธ์ กล่าวว่า เพียงหนึ่งวันภายหลัง ครม.มีมติเห็นชอบร่าง ร่าง พ.ร.บ.ธุรกิจสถานบันเทิงฯ ประเทศไทยเกิดแผ่นดินไหวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แม้ว่าจะเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ แต่ในแง่สัญลักษณ์เห็นว่า เป็นการสะท้อนถึงบางอย่างที่ลึกซึ้งกว่านั้น เพราะในสภาแห่งนี้ถ้าเราตัดสินใจผิดพลาด จิตวิญญาณของสังคมไทยจะสั่นสะเทือนไปอีกนาน เพราะสิ่งที่เราเผชิญอยู่ไม่ใช่แค่เรื่องของกฎหมาย แต่คือทางแยกระหว่างรายได้ที่รัฐหวังลมๆ แล้งๆ กับความมั่นคงทางจริยธรรม แม้จะมีข่าวดีว่าแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล จะขอให้มีการเลื่อนไปก่อน แต่การเลื่อนก็ไม่แปลว่าถอน ดังนั้น การอภิปรายในวันนี้จึงยังจำเป็นอยู่
นายวีระพันธ์ กล่าวอีกว่า เพราะการเปิดกาสิโนภายใต้เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ถูกแต่งแต้มด้วยคำพูดที่ทันสมัย แต่ในสาระไม่มีอะไรใหม่เลย เพราะในอดีตประเทศไทยเคยเผชิญเรื่องราวเหล่านี้มาหลายครั้ง โดยเฉพาะช่วงที่รัฐบาลตกอยู่ในภาวะวิกฤต ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ การคลัง แม้กระทั่งศรัทธาทางการเมือง มีนักวิชาการหลายท่านให้ข้อสังเกตว่า ยามใดก็ตามที่รัฐบาลเริ่มพูดถึงการเปิดบ่อน แปลว่ารัฐบาลกำลังจนตรอก เพราะนี่คือการหวังทางลัด โดยไม่ต้องปฏิรูประบบเศรษฐกิจอะไรเลย ใช้การพนันเป็นเครื่องจักรผลิตรายได้ปลอม โดยเอาอนาคตของประชาชนมาแลกกับภาษีเพียงเล็กน้อย เป็นการแก้ปัญหาทางลัดที่ไร้จริยธรรม
น.ส.นันทนา มองว่า จากท่าทีของฝ่ายต่างๆ ที่แสดงออกกันอยู่ในขณะนี้ เริ่มเห็นรูปรอยที่ใกล้เคียงกับวิกฤตทางการเมือง กรณีการเสนอกฎหมายนิรโทษกรรมสุดซอย ซึ่งความขัดแย้งในครั้งนี้ คือความขัดแย้งที่เกิดขึ้นระหว่างศีลธรรมกับสังคม และในเรื่องนี้ก็มีการศึกษามาแล้วกว่า 20 ปี แต่ความแตกต่างในวันนี้ คือ 1.รัฐบาลฟันธงเป็นมติแล้วว่าจะดำเนินการจริงจังไม่ใช่การศึกษาแบบรัฐบาลในอดีต 2.การดำเนินการในครั้งนี้เร่งด่วนแบบสุดๆ ระยะเวลา 2 เดือนกว่าๆ มีร่างกฎหมายที่ผ่านขั้นตอนครบถ้วน จนบัดนี้ได้บรรจุเข้าสู่วาระการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรแล้ว แม้ว่าจะรอถอนในวันพรุ่งนี้ 3.เป็นความตั้งใจอย่างมุ่งมั่นของผู้มีบารมีในพรรคแกนนำรัฐบาล ซึ่งคนจำนวนไม่น้อยก็ตั้งข้อสงสัยในเจตนาของพรรคนี้ จนตีความว่าความเร่งรีบเช่นนี้ อาจมีผลประโยชน์แอบแฝง 4.เรื่องนี้ไม่ถูกบรรจุในนโยบายหาเสียงของพรรคแกนนำรัฐบาลในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ทำไมพรรคการเมืองนี้ ชอบทำนโยบายที่ไม่ได้หาเสียง ส่วนนโยบายที่หาเสียงไว้กลับไม่ได้ทำ
“จากปัญหาดังกล่าว ทำให้เกิด 2 กระแสที่แตกต่างกันสุดขั้ว คือกระแสต่อต้านอย่างสุดขั้ว และกระแสที่สนับสนุนอย่างสุดใจ เราจึงต้องพิจารณาปัญหานี้อย่างรอบด้าน”
ภายหลังสมาชิกได้อภิปรายแสดงความเห็นกันอย่างกว้างขวางเป็นเวลา 3 ชั่วโมง ที่ประชุมได้เห็นชอบให้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษา การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร ขึ้นมา 35 คน โดยมีสัดส่วนของคนนอก 12 คน โดยรายชื่อในสัดส่วน สว. ประกอบด้วย 1. ศ.ชาญณรงค์ พรรุ่งโรจน์ 2.นายชินโชติ แสงสังข์
3.นายโชคชัย กิตติธเนศวร 4.นายโชติชัย บัวดิษ 5.นายไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล 6.นายธัชชญาณ์ณัช เจียรธนัทกานนท์ 7.นายนรเศรษฐ์ ปรัชญากร 8.นายนิพนธ์ เอกวานิช 9.นายปฏิมา จีระแพทย์ 10.นายประเทือง มนตรี
11.นายเปรมศักดิ์ เพียยุระ 12.นายพรชัย วิทยเลิศพันธุ์ 13.นายมังกร ศรีเจริญกูล 14.น.ส.รัชนีกร ทองทิพย์
15.รศ.แล ดิลกวิทยรัตน์ 16.พล.ต.ท.วันไชย เอกพรพิชญ์ 17.นายวีระยุทธ สร้อยทอง 18.นายวีระพันธุ์ สุวรรณามัย 19.น.ต.วุฒิพงศ์ พงศ์สุวรรณ 20.นายสรชาติ วิชย สุวรรณพรหม 21.นายสุนทร พฤกษพิพัฒน์ 22.น.ส.อัจรพรรณ หอมรส และ 23.นางเอมอร ศรีกงพาน
ขณะที่รายชื่อในสัดส่วนบุคคลภายนอก ประกอบด้วย 24.น.ส.กัลยารัตน์ โคตรภูเขียว อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น 25.นายแก้วสรร อติโพธิ นักวิชาการอิสระ และอดีต สว. 26.นายคำนูณ สิทธิสมาน อดีตสื่อมวลชน และอดีต สว. 27.ศ.พิเศษ จรัญ ภักดีธนากุล อดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 28.รศ.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง นักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์ และอดีต สว. 29.นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมการปกครอง 30.พล.ท.บุญชัย เกษตรตระการ รองจเรกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) 31.นายภูมิพัฒน์ ธีรัชกิจไพศาล 32.ศ.วุฒิสาร ตันไชย อดีตเลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า 33.ศ.สมคิด เลิศไพฑูรย์ อดีตคณะกรรมการยกร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) 34.พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผบ.ตร.) 35.นายแสนศักดิ์ ศิริพานิช อดีตข้าราชการการเมือง ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี
ทั้งนี้ ที่ประชุมได้เสนอกรอบเวลาพิจารณาศึกษาของคณะกรรมาธิการวิสามัญเป็นเวลา 180 วัน
นายมงคล แจ้งต่อที่ประชุมว่า เนื่องจากสมาชิกมีข้อสังเกตและข้อเสนอแนะที่สำคัญ จึงจัดส่งไปยังหน่วยงานและรัฐบาล เพื่อดำเนินการต่อไป รวมถึงส่งรายละเอียดไปยังคณะกรรมาธิการวิสามัญซึ่งที่ประชุมได้ตั้งขึ้น พร้อมขอบคุณสมาชิกที่ยังอยู่กันเป็นจำนวนมากจนจบการประชุม และสั่งปิดการประชุมในเวลา 23:05 น.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'แก้วสรร' ออกบทความเดือด! ใครรังแกมึงวะ?
นายแก้วสรร อติโพธิ นักกฎหมาย นักวิชาการ เผยแพร่บทความในรูปถาม-ตอบ
'ภราดร' ไม่การันตี 'อนุทิน' ชิงยุบสภาหรือไม่หากถูกซักฟอก!
'ภราดร' ย้ำ 'รัฐบาล' พร้อมเปิดประชุมวิสามัญ ถก แก้ รธน. แย้มอาจเป็นวันที่ 8-11 ธ.ค. แต่ไม่รับปาก 'อนุทิน' ชิงยุบสภาหรือไม่ หาก 'ฝ่ายค้าน' ยื่นซักฟอก
ส่อเค้าเหลว! พิพัฒน์รับหั่นราคารถไฟฟ้าอาจเสร็จไม่ทันก่อนยุบสภา
'พิพัฒน์' นั่งหัวโต๊ะถกราคาค่าโดยสารรถไฟฟ้า หาแนวทางลดค่าครองชีพ ปชช. ไม่ชัดทำทัน 31 ม.ค.69 หรือไม่ เหตุมีขั้นตอนอัยการด้วย ย้ำนโยบาย รบ.ใช้ระบบตั๋วร่วม คำนึงเพดานหนี้สาธารณะ
สว.จี้รัฐบาลบูรณะอนุสรณ์สถานยุทธนาวีเกาะช้าง!
สว.เรียกร้องรัฐบาลเร่งบูรณะพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ไทย 'อนุสรณ์สถานยุทธนาวีเกาะช้าง' หลังอยู่สภาพทรุดโทรม แนะผลักดันเป็น 'อนุสรณ์สถานมีชีวิต' เชื่อมโยงประวัติศาสตร์ การศึกษา และการท่องเที่ยว
'อนุทิน' แบ่งโซนพื้นที่ให้ 6 รองนายกฯ 4 รมต.รับผิดชอบ
ครม.แบ่งพื้นที่ตรวจราชการรองนายกฯ-รมต. 'พิพัฒน์' คุมภาคใต้ 'โสภณ' ดูอีสาน 'บวรศักดิ์' แค่สงขลาบ้านเกิด 'เอกนิติ' กำกับปริมณฑล 'ธรรมนัส' 3 จชต.-เหนือตอนบน 'สุชาติ' ภาคตะวันออก 'ภราดร' กลางตอนบน 'ศุภมาศ' เหนือตอนล่าง 'นภินทร' คุมกลางตอนล่าง 'สันติ' ดูโซนเพชรบูรณ์
ส่องรายละเอียด 6 รองนายกฯ 4 รมต. สำนักนายกฯ ใครคุมอะไร!
ครม.นัดพิเศษ มีมติแบ่งงาน 6 รองนายกฯ 'โสภณ' ดู สทนช. 'บวรศักดิ์' คุม ยุติธรรม -กก.คดีพิเศษ - สำนักพุทธฯ ส่วน รมต.สำนักนายกฯ 'ภราดร' ดูแลสำนักงบฯ - กองทุนหมู่บ้าน 'ศุภมาส' ดูแลสื่อ 'สันติ' ดู สคบ.


