'นพดล' บอก 'สหรัฐฯ-จีน' เป็นสองประเทศมหาอำนาจ ที่ไทยต้องรักษาสมดุลความสัมพันธ์ ย้ำ ต้องยึดผลประโยชน์ประเทศชาติเป็นหลัก ยัน 'รัฐบาล' ไม่ได้ล่าช้า ซัดคนจะให้แบไต๋ทุกเรื่องทำไม่ได้
09 เม.ย.2568 - นายนพดล ปัทมะ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย อภิปรายตอนหนึ่งในญัตติด่วนเรื่องกำแพงภาษีสหรัฐอเมริกาถึงมิติการเมืองระหว่างประเทศว่า เรามีพื้นฐานการดำเนินนโยบายระหว่างประเทศ คือ 1.ประโยชน์ของชาติต้องมาก่อน เป็นกฎทองที่จะต้องดำเนินนโยบายต่างประเทศ 2.ประเทศไทยเราโดยอภิปรายประเทศขนาดกลาง เราจึงจำเป็นต้องมีหลังพิง โดยการใช้กฎหมายระหว่างประเทศและกฎเกณฑ์กติการะหว่างประเทศ ที่ยึดกฎหมายเป็นหลัก ต้องยึดพหุภาคีนิยมมากกว่าการตัดสินใจแต่เพียงลำพัง
3.ความสัมพันธ์ระหว่างสาธารณรัฐประชาชนจีนและประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นประเทศมหาอำนาจทั้งคู่ เราเลือกที่รักมักที่ชังไม่ได้ เราอยากจะรักทั้งสองคน เราต้องดำเนินนโยบายที่มีความสมดุลกับความสัมพันธ์ทั้งสองประเทศ ไม่มีใครมาบังคับประเทศไทยให้ต้องเลือกข้าง เราต้องดำเนินนโยบายแบบนี้ต่อไป ตนคิดว่า อ่อนนอกแข็งใน คือนโยบายการต่างประเทศของไทย และ 4.ประเทศไทยจำเป็นต้องเป็นผู้นำ ในการส่งเสริมสันติภาพและความมั่งคั่งในโลกอย่างแข็งขัน เปลี่ยนเราไม่เลือกข้าง แต่เราเป็นคนส่งเสริมตามบทบาทที่เราพึงเป็น
นายนพดล กล่าวถึงการดำเนินการของรัฐบาลภายหลังสหรัฐอเมริกาประกาศขึ้นภาษีนำเข้าว่า ตนชื่มชมนายกรัฐมนตรี ซึ่งได้ดำเนินการเรื่องนี้อย่างทันการและรอบคอบ ส่วนข้อกล่าวหาว่ารัฐบาลเชื่องช้า สับสน ไม่รู้ใครจะเป็นคนไปเจรจา ยืนยันว่ารัฐบาลไม่ได้ล่าช้าในเรื่องนี้ เพราะรัฐบาลได้ตั้งคณะกรรมการนโยบายการค้าสหรัฐอเมริกาขึ้นมาแล้ว โดยมีปลัดกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธาน และข้าราชการ ผู้เชี่ยวชาญ เข้าร่วม และจากแนวทางที่รัฐบาล ระบุว่า จะใช้แนวทางที่รวดเร็ว และแม่นยำ ขอเสนอว่า ควรใช้นโยบายไม่ชักช้า รวดเร็ว และรอบคอบ เพราะควรดำเนินการเรื่องนี้อย่างเป็นเหตุเป็นผล มีชั้นเชิง ดำเนินการตามจังหวะจะโคน
"การเจรจาทั่วไป เราต้องรู้เขาและรู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง ถ้าเรารู้เรา แล้วปล่อยให้เขามารู้ของเราด้วย หรือแบไต๋ รบร้อยครั้งก็แพ้ร้อยครั้ง หลายเรื่องซึ่งเป็นไพ่ในมือของรัฐบาล ไม่สามารถแถลงข่าวรายวัน หรือเสนอในโซเชียลมีเดียได้ และบางครั้งอาจทำให้ฝ่ายที่วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลเห็นว่า รัฐบาลไม่มีแนวทาง หรือไม่มีการดำเนินการใดๆ ซึ่งผมไม่เห็นด้วย ในฐานะที่เคยเป็นรัฐมนตรีและเคยเจรจาระหว่างประเทศมาแล้ว หลายเรื่องเราไม่สามารถเปิดเผยก่อนได้ จึงอยากขอความเป็นธรรมกับรัฐบาลว่า เราไม่ได้ต้องการปกปิดใดๆ"
สำหรับยุทธศาสตร์และยุทธวิธีในการเจรจา ไม่มีข้อกังวลในเรื่องนี้เลย และขอย้ำว่าการเจรจาไม่สามารถสำเร็จจได้ในวันเดียว เพราะต้องมีการเจรจาในหลายระดับ และต้องใช้เวลา ซึ่งมองว่า การเจรจาต้องวินวินทั้งสองฝ่าย หรืออย่างน้อยต้องไม่เสียหรือไม่ได้ทั้งหมด และต้องยึดประโยชน์ของประเทศเป็นหลัก
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
หยิกเล็บเจ็บเนื้อ! 'ภท.-พท.' โต้เดือดพัวพัน 'เบน สมิธ'
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า กรณีเบน สมิธ : ภูมิใจไทย-เพื่อไทย หยิกเล็บเจ็บเนื้อ
เพื่อไทยกระอัก! 'อนุทิน' ย้อนเจ็บ มีภาพคู่ทักษิณเยอะ ไม่เห็นมีปัญหา
"อนุทิน" เหน็บ "สุริยะ-โฆษกเพื่อไทย" ไม่รู้เรื่องอะไรเพราะไม่ได้ร่วมวง การสนทนาสำหรับผมต้องระดับสูงขึ้นไป ย้อนเจ็บภาพถ่ายคู่ทักษิณก็มีตั้งเยอะ ไม่เห็นมีปัญหาอะไรเลย
โฆษกภูมิใจไทย โต้เดือด โทรโข่งเพื่อไทยแกล้งตาบอด ไม่เห็นภาพทักษิณกับเบน สมิธ
โฆษกภูมิใจไทย สวนโฆษกเพื่อไทย อย่าแกล้งตาบอด ปีนี้ใครถ่ายรูปกับ "เบน สมิธ" ยัน "อนุทิน" แค่รู้จักแต่ไม่สนิท ผลงานประจักษ์ยึดทรัพย์หมื่นล้านสแกมเมอร์รายใหญ่ บีบพ้น มท.1 เหตุไม่ให้สัญชาติใครหรือไม่ เย้ย 4 เดือนใครบริหารน้ำท่วมเหลว ขณะที่ "2 เดือน" นายกฯอนุทิน" เข้ามาแก้วิกฤติ
เพื่อไทย เปิดตัว 'อดีตปลัด ก.เกษตร' ลงสนามชนบ้านใหญ่ 'ศิลปอาชา'
พท.เปิดตัว “ประยูร อินสกุล” อดีตปลัด ก.เกษตรฯ ลงสนามชนบ้านใหญ่ “ศิลปอาชา” ไม่ฟันจะปักธงเมืองสุพรรณได้หรือไม่ ชี้ขึ้นกับ ปชช. อ้อนกาเพื่อไทยทั้งคนทั้งพรรค
'เทพไท' ชี้ 5 ปัจจัยทำเพื่อไทยยึกยักสางแค้นซักฟอกรัฐบาล
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์คลิปพร้อมเนื้อหา
ลูกพรรครอเก้อ! 'ทวี' ชิ่งประชุมสรรหาผู้สมัคร สส. พบโผล่หาดใหญ่กับคณะเพื่อไทย
พรรคประชาชาติได้จัดประชุมคณะกรรมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร โดยที่ประชุมได้เห็นชอบส่งผู้สมัครเฉพาะใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้รวม 13 เขต มี 7 ส.ส. ในนามพรรคยังคงเป็นผู้สมัครในนามพรรค และรายชื่อทั้งหมดจะนำเข้าสู่การพิจารณาของ


