'จุลพันธ์' ขอบคุณสมาชิกเสนอแนะรับมือกำแพงภาษีสหรัฐ รับปากจะไม่สร้างภาระเพิ่ม

'จุลพันธ์' น้อมรับความเห็นสมาชิก เตรียมเสนอส่งต่อให้ทีมเจรจา แต่คงเปิดทั้งหน้าตักไม่ได้ เหตุ ต้องอาศัยความยืดหยุ่น บอก ใครจะคาดคิด 'สหรัฐฯ' ใช้สูตรคำนวณแปลกประหลาดแบบนี้ เพื่อลดการขาดดุล ชี้ โจทย์เบื้องต้น เพิ่มปริมาณส่งออก-นำเข้าสินค้าบางประเภท รับปาก จะระวังไม่สร้างภาระเพิ่ม-ส่งผลกระทบราคาภายในประเทศ ขอมองเป็นโอกาส เกิดการปรับตัว

9 เมษายน 25685 - เวลา 15.08 น. นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ชี้แจงว่า การยื่นญัตติในวันนี้เป็นวันที่ดีที่สมาชิกทุกคนได้ร่วมกันอภิปราย กับปัญหาที่ค่อนข้างหนักอกของประเทศไทย ในเรื่องของอัตราภาษีที่ได้กำเนิดขึ้นใหม่จากประเทศสหรัฐอเมริกา

สำหรับข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์ ข้อห่วงใยในภาคการเกษตร ภาคอุตสาหกรรม ทั้งหมดนี้ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ให้ความสำคัญ ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวานนี้ ก็ได้มีการพิจารณากับพรรคร่วมรัฐบาลแล้วว่า ให้มีการเปลี่ยนวาระพิจารณาเป็นเรื่องของอัตราภาษีใหม่ และทุกฝ่ายเห็นพ้องต้องกันอย่างเห็นได้ชัด ตนเองในฐานะตัวแทนคณะรัฐมนตรี ที่รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรีให้มารับฟัง พร้อมนำคณะจากกระทรวงการคลังมาร่วมรับฟัง เพื่อนำประเด็นที่รับฟั งไปส่งให้กับคณะเจรจา ซึ่งจะต้องมีการเดินทางไปสหรัฐอเมริกาในเร็วๆ นี้ เพื่อที่จะไปเจรจาความที่เป็นประโยชน์

ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทางรัฐบาลได้มีการเตรียมการมาอย่างยาวนาน มีการตั้งคณะทำงานนำโดย นายพันศักดิ์ วิญญรัตน์ ตั้งแต่วันที่ 6 มกราคมที่ผ่านมา และมีการติดตามมาโดยตลอดว่า มาตรการทางด้านภาษีที่จะเกิดขึ้นนั้น จะเกิดขึ้นในรูปแบบใด ย้ำว่า คณะทำงานได้มีการประชุมกันหลายครั้ง และมีฉากทัศน์จำนวนมาก ว่าสุดท้ายแล้ว มาตรการภาษีที่เกิดขึ้น คืออะไร แต่ตนก็เชื่อว่า ไม่มีกระทรวงการคลังหรือหน่วยงานรัฐของประเทศใดในโลก ที่จะคาดคำนวณได้ เนื่องจากสูตรที่ใช้คำนวณค่อนข้างที่จะหลุดไปจากหลักเศรษฐศาสตร์โดยพื้นฐาน เป็นการคิดคำนวณที่แปลกประหลาดพอสมควร

อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้ก็สะท้อนหลายอย่างในเรื่องของแนวความคิด อย่างแรกคือ หลักคิดของสหรัฐฯ กับประเทศที่มีการค้าไม่มากนัก แต่เกินดุลนั้น สะท้อนให้เห็นว่า สิ่งที่เขาต้องการคือการลดการขาดดุล ซึ่งโจทย์นี้ ก็เป็นโจทย์ที่ทางรัฐบาลได้พิจารณาโดยละเอียด และเมื่อรัฐบาลได้พิจารณาแล้ว การลดการส่งออกคงไม่ใช่โจทย์ของเรา เพราะว่าการส่งออกเป็นเครื่องมือกลไกหลักของประเทศไทยและพัฒนาเจริญเติบโตมาโดยตลอด และการส่งออกก็เป็นสิ่งที่ภาคอุตสาหกรรมภายในประเทศพึ่งพาอาศัย เพราะฉะนั้น การที่จะพิจารณาลดคงไม่ได้ แต่จะเพิ่มปริมาณการส่งออกไปยังสหรัฐฯ และเพิ่มการนำเข้าบางประเภท ซึ่งตรงนี้ก็เป็นโจทย์ที่รัฐบาลรับไว้เป็นเบื้องต้น

นายจุลพันธุ์ กล่าวว่า สิ่งที่ต้องคิดเป็นโจทย์แรก คือความห่วงใยต่อพี่น้องเกษตรกร ประชาชนและภาคธุรกิจ โดยเฉพาะ SMEs ภายในประเทศ หากเราจะมีการนำเข้าสินค้าใดก็ตาม ต้องไม่เป็นการสร้างภาระ หรือมีผลกระทบต่อราคาสินค้าภายในประเทศ โดยจะถือเป็นโจทย์แรกที่ทางทีมเจรจานำไปพูดคุย ยืนยันว่า เป็นสิ่งที่รัฐบาลให้ความสำคัญ

ทั้งนี้ ขอขอบคุณสมาชิกทุกคนที่ได้อภิปรายด้วยเหตุผล ให้เกียรติกับทางรัฐบาล คณะเจรจาที่จะเดินทางไป ไม่มีคำถามประเภทที่ว่า แล้วเราจะเอาอะไรไปเจรจาต่อรอง เพราะทุกคนก็รู้ว่า กลไกในการเจรจาต่อรองระหว่างประเทศในลักษณะทวิภาคี ไม่มีทางที่รัฐบาล หรือว่าใครก็ตาม นำมากางบนโต๊ะให้ดูก่อน ว่าเรามีอาวุธอะไรอยู่ในสต๊อกบ้าง หรือเรามีการเจรจาใด ที่จะนำไปใช้ได้บ้าง หากจะเปิดทั้งหน้าตักคงไม่ได้ เพื่อให้ผู้ที่ไปเจรจาได้มีความยืดหยุ่น และมีศักยภาพในการที่จะสามารถเจรจาเอาผลประโยชน์สูงสุดให้กับประเทศชาติ และประชาชนของเรา

นายจุลพันธ์ ยืนยันว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ ทีมเจรจาจะนำไปเจรจาด้วยความเข้าใจ โดยอาศัยความเป็นพันธมิตรทางการค้า เป็นประเทศที่มีความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ อยู่เคียงข้างกันในเวทีโลกมาอย่างยาวนาน เราเป็นพันธมิตรที่มีความถาวร มีความมั่นคงในจุดยืนมาโดยตลอด ซึ่งเราก็จะนำสิ่งนี้ไปพูดคุย นอกจากนั้น ยังมีในเรื่องของกิจกรรมอย่างอื่น ที่เราจะต้องไปดูเพิ่มเติมด้วย วันนี้ไม่ใช่เพียงแค่เรื่องของความเร็ว แต่เป็นเรื่องของความแม่นยำ การที่เราจะแก้ไขปัญหา ต้องตอบโจทย์สิ่งที่ทางสหรัฐฯ ได้ตั้งเป็นโจทย์ไว้ แม้เขาจะไม่ได้ประกาศชัดเจน แต่ทั้งหมดนี้ ก็เพื่อให้การเจรจาจะได้เกิดประสิทธิภาพ และประสิทธิผลมากที่สุด

นอกจากนี้ ก็ยังเป็นโอกาสของประเทศไทย เพราะว่าเราเองก็มีการพูดคุยมาอย่างยาวนาน แต่การปฏิบัติบางครั้งก็เกิดขึ้นได้ยาก หากไม่เกิดสถานการณ์ที่มีความแหลมคม เมื่อเรื่องดังกล่าวเกิดขึ้น เราก็ต้องมีการปรับตัว และรัฐบาลเอง ก็ต้องเป็นกลไกมาช่วยสร้างตัวให้กับภาคเอกชนด้วย ขณะนี้ เราได้มีการเตรียมเงินวงเงินไว้ 5,000 ล้านบาท ผ่านทาง exim Bank เป็นส่วนที่จะช่วยเหลือในบริษัทที่มีการส่งออกไปยังสหรัฐฯ ส่วนหนึ่ง นำเข้าจากสหรัฐฯ ส่วนหนึ่ง โดยเป็นการให้วงเงินสินเชื่อ เพื่อที่ภาคเอกชน ผู้ประกอบการ สามารถเข้าถึงสินเชื่อได้ ในอัตรา ดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าปกติ และเป็นการช่วยเหลือในเบื้องต้น

แน่นอนว่า คงจะมีมาตรการอื่นๆ ตามมา โดยเฉพาะในภาคเกษตรกร และสินค้าการเกษตรที่ได้รับผลกระทบ หลังจากนี้ ก็จะมีการประเมินว่า ภายหลังการเจรจาจะมีปรับเปลี่ยนเป็นอย่างไร และใครได้รับผลกระทบมากน้อยเพียงใด หรือควรจะต้องมีกลไกเข้ามาเยียวยาช่วยเหลืออย่างไร นี่เป็นสิ่งที่ต้องทำงานกันต่อ แต่อย่างไรก็ตาม ก็ฝาก สส.ทุกคน ในการติดตามช่วยกันเป็นหูเป็นตา หากมีประเด็นใดที่รัฐบาลตกหล่น เราก็ยินดีรับฟัง ยืนยันว่า ทางรัฐบาลเอง ก็จะทำให้ดีที่สุด ในการที่จะเข้าไปช่วยเหลือพี่น้องประชาชน ทั้งภาคเอกชน ภาคธุรกิจ รวมถึงเกษตรกร หากได้รับผลกระทบในเรื่องของอัตราภาษี

ส่วนคำถามที่ว่าสถานการณ์นี้จะมีผลกระทบต่อการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศไทยนั้น แน่นอน ตนไม่ได้ปฏิเสธ ว่าสุดท้ายอาจจะกระทบต่อการเติบโต แต่รัฐบาลเอง ในภาวะปกติ และในสิ่งที่เราได้ทำมาในช่วงปีเศษๆ ที่ผ่านมา ทั้งการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ รวมถึงการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ เราจะเห็นได้ว่า อัตราเติบโตทางเศรษฐกิจมีช่วงขาขึ้นในระดับหนึ่ง แต่แน่นอนเรื่องการค้าก็มีผลกระทบต่อการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ ยืนยันว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ เพราะจะเป็นผลกระทบในเชิงบวกกับประชาชน

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'วันนอร์' นัดประชุมรัฐสภา 10-11 ธ.ค. ถกแก้รัฐธรรมนูญ วาระ 2

นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ได้มีคำสั่งให้นัดประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่ 1 (สมัยวิสามัญ) เป็นพิเศษ ระหว่างวันที่ 10 ธ.ค. และ ครั้งที่2 (สมัยวิสามัญ) เป็นพิเศษ วันที่ 11 ธ.ค. เพื่อพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่..) พ.ศ... ในวาระสอง ซึ่งคณะกรรมาธิการ (กมธ.)

'ชลน่าน' คาดถกแก้ รธน. วาระสอง ใช้เวลา 2 วันพอ แม้มีประเด็นให้เถียงกันหนัก

“ชลน่าน” ประเมิน ถกแก้รธน.วาระสอง 2 วันเพียงพอ แม้มีรายละเอียดมาก- ถกกันหนัก แต่ยุติด้วยเสียงข้างมาก เผยสงวนความเห็นไปสู้ในรัฐสภา ทวงคืน “สสร.- โละสูตร20 หยิบ1

เพื่อไทยระดมเรือประมง 100 ลำ เจ็ตสกี 10 ลำ มอบ 'ธีรรัตน์' ลงพื้นที่น้ำท่วมหาดใหญ่

พท.ระดมเรือ 100 ลำ เจ็ตสกี 10 ลำ อาหารวันละ 1 พันกล่องช่วยพี่น้องชาวหาดใหญ่ “จุลพันธ์” ย้ำเพื่อไทยไม่ทอดทิ้งพี่น้องแม้ครอบครัวเดียว ติง รบ.จัดศูนย์พักพิงน้อยเกินไป

ครม. เห็นชอบ พ.ร.ฎ.เรียกประชุมสภาสมัยวิสามัญ 10-11 ธ.ค. ลุยแก้ รธน. ให้เสร็จทันสิ้นปี

นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.เห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาเรียกสมัยประชุมวิสามัญ รัฐสภา ในวันที่ 10-11 ธ.ค. เพื่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญในวาระ 2 และวาระ 3